ชำแหละขบวนการ‘ล็อบบี้ยิสต์’ เมื่อสื่อเต็มใจตกเป็นเครื่องมือกลุ่มทุน-การเมือง?
“…นี่เป็นปัญหาสำคัญ และสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญในขณะนี้ กล่าวคือ บิดาผู้ก่อตั้งประเทศนี้ รู้ดีว่าปัญหาของประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับประชาชนในการรับข้อมูลข่าวสาร และมันจะสั่นคลอนมาก อย่างไรก็ดีปัจจุบันโรงเรียนไม่มีการสอนสิทธิพลเมืองให้กับเด็ก รวมถึงไม่มีการสอนเรื่องผลประโยชน์ หรือนโยบายสาธารณะให้เด็กรับรู้ ทำให้เกิดความเสี่ยงกับระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้…”
เมื่อวานนี้ (09 ก.ค. 61) ผมพาไปดูโรงแรมเดอะ วิลลาร์ด อินเตอร์-คอนติเนนทัล ในเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. โรงแรมสำคัญที่เป็นจุดกำเนิดของ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ (Lobbyist) ไปแล้ว
ใครจะเชื่อว่า ต้นกำเนิดของล็อบบี้ยิสต์ เกิดขึ้นเพราะความ ‘กลัวภรรยา’ ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 18 ยูลิสซิส เอส.แกรนด์ ที่สูบซิการ์-ดื่มเบอร์เบินวิสกี้ ถูก ‘สตรีหมายเลข 1’ ไล่ให้ออกมาทำกิจกรรมนอกทำเนียบขาว แกรนด์จึงระเห็ดมาทำกิจกรรมเหล่านี้ที่โรงแรมเดอะ วิลลาร์ดฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบขาวมากนัก
ทำให้บรรดาประชาชนที่นั่งรออยู่ล็อบบี้โรงแรมแห่งนี้ เล็งเห็นช่องทางในการร้องเรียนเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตัวเอง เมื่อมารวมตัวที่ล็อบบี้โรงแรมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เหล่าพนักงานโรงแรมแห่งนี้ตั้งชื่อให้กลุ่มที่มาดักคอยประธานาธิบดีว่า ‘พวกล็อบบี้’ หรือล็อบบี้ยิสต์นั่นเอง (อ่านประกอบ : เลาะ‘ดี.ซี.’เล่าฉากหลัง 4สถานที่ประวัติศาสตร์-ตามไปดู รร.ต้นกำเนิดล็อบบี้ยิสต์)
ในไทยคำว่า ‘ล็อบบี้ยิสต์’ อาจได้ยินไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก ยกตัวอย่าง มีอดีตนายกรัฐมนตรีไทยชื่อดังรายหนึ่ง ว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์อย่างน้อย 5 แห่ง เพื่อปั่นกระแสทางการเมืองผ่านสื่อต่างชาติ เพื่อให้เห็นว่าตนตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ทั้งที่ข้อเท็จจริงปัญหาดังกล่าวมาจากการคอร์รัปชั่น เป็นต้น
อย่างไรก็ดีในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อาชีพนี้เรียกว่าทำเงินได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เงินหมุนเวียนกันมหาศาล สร้างทั้ง ‘คุณ’ และ ‘โทษ’ ในทางการเมือง และในทางเศรษฐกิจ รวมถึงกระทบต่อผลประโยชน์ของประชาชนไม่น้อยเช่นกัน
สำหรับอาชีพ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ กล่าวโดยสรุปคือ กลุ่มคนที่เชี่ยวชาญในการวิ่งเต้นให้กับบรรดานักการเมือง-กลุ่มทุน รวมถึงกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และธุรกิจ มีเครือข่ายสื่อมวลชนในการสร้างภาพ หรือผลักดันผลประโยชน์บางอย่าง
สวนทางกับต้นกำเนิดของ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ที่ต้องการให้ผู้แทนของตน ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายที่หาเสียง หรือความเดือดร้อนต่าง ๆ
ผมมีโอกาสพูดคุยกับ ผู้คร่ำหวอดทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงสื่อมวลชน และการเมืองมายาวนานไม่ต่ำกว่า 40 ปี ขอให้เขาอธิบายที่มาที่ไปของอาชีพ ‘ล็อบบี้ยิสต์’ รวมถึงกระบวนการ ‘ล็อบบี้’ ของฝ่ายการเมืองว่าทำกันอย่างไร
“กลุ่มอาชีพนี้ ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าการกระทำดังกล่าวดี หรือไม่ดี”
เป็นคำยืนยันหนักแน่นจากผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ก่อนอธิบายให้ฟังว่า ล็อบบี้ยิสต์ คือกระบวนการที่มีความพยายามในการทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ หรือผลักดันผลประโยชน์เสนอต่อฝ่ายผู้คุมอำนาจรัฐ หรือรัฐบาล จนเกิดความเปลี่ยนแปลงในสิ่งนั้น ๆ
อย่างไรก็ดีกลุ่มอาชีพล็อบบี้ยิสต์ จำแนกได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ กลุ่มที่มีทุนหนา และมีอิทธิพลในแวดวงวิชาชีพต่าง ๆ เช่น กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ของธุรกิจยาเวชภัณฑ์ หรือธุรกิจปิโตรเคมี ที่มีเงินทุนจำนวนมาก และมีคอนเน็คชั่นทางการเมืองโดดเด่น ส่วนอีกกลุ่มคือ มาจากภาคประชาสังคม (NGO) หรือองค์กรไม่แสวงผลประโยชน์ (Non-Profit) ที่ผลักดันกฎหมายต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม
เขายกตัวอย่างว่า กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เช่น กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ให้กับบริษัทค้าอาวุธต่าง ๆ จะเป็นคนคอยผลักดันผลประโยชน์ในทางการค้าอาวุธ รวมถึงทำแคมเปญให้กับนักการเมือง เช่น ผลักดันให้เกิดกฎหมายว่าทุกคนต้องพกปืน เพื่อจะได้มีการซื้อขายอาวุธกัน เป็นต้น
เมื่อถามว่า จริยธรรมของนักล็อบบี้ยิสต์มีหรือไม่ อะไรคือกรอบการทำงานว่า ทำได้ขนาดไหน อย่างไร ?
เขาหัวเราะไปสักครู่ ก่อนบอกว่า “ถ้าคุณเป็นคนว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ให้ทำบางอย่าง คุณก็ต้องว่าเขาเป็นคนดีทั้งนั้นแหละ”
อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า ไม่ใช่นักล็อบบี้ยิสต์ทุกคนเป็นคนชั่ว หรือคนไม่ดี คนดีก็มี มีหลายประเด็นในสังคมที่ต้องการผลักดันโดยอาศัยนักล็อบบี้ยิสต์ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่องค์กรสำคัญที่เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้อย่างมากคือ สื่อมวลชน
“สื่อมีอิทธิพลอย่างสูงต่อประชาชนในสหรัฐอเมริกา เช่น การคิดแคมเปญให้นักการเมือง หรือการทำสโลแกน”
เมื่อถามว่า ในเมื่อกระบวนการล็อบบี้ยิสต์ต้องดำเนินการผ่านสื่อ ขณะเดียวกันสื่อมีอิทธิพลอย่างสูงต่อประชาชน แล้วประชาชนจะแยกแยะได้อย่างไรว่า ข่าวไหนคือข็อเท็จจริง ข่าวไหนเป็นกระบวนการปั่นกระแสโดยล็อบบี้ยิสต์ ?
เขาอธิบายว่า นี่เป็นปัญหาสำคัญ และสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญในขณะนี้ กล่าวคือ บิดาผู้ก่อตั้งประเทศนี้ รู้ดีว่าปัญหาของประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับประชาชนในการรับข้อมูลข่าวสาร และมันจะสั่นคลอนมาก อย่างไรก็ดีปัจจุบันโรงเรียนไม่มีการสอนสิทธิพลเมืองให้กับเด็ก รวมถึงไม่มีการสอนเรื่องผลประโยชน์ หรือนโยบายสาธารณะให้เด็กรับรู้ ทำให้เกิดความเสี่ยงกับระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้
“เสรีภาพคือสิ่งสำคัญ สื่อเป็นเสาหลักสำคัญอย่างยิ่ง แต่การให้ข้อมูลประชาชนต้องเป็นข้อเท็จจริง ให้ประชาชนตัดสินใจ หรือแสดงความเห็นคิดเห็นได้หลากหลาย ปัจจุบันเริ่มมีไอเดียเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้บ้างแล้ว แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม”
เมื่อถามว่า ท้ายสุดทุกอย่างหมุนกลับมาที่สื่อ จริยธรรมของสื่อในกระบวนการนี้อยู่ตรงไหน และประชาชนจะรู้เท่าทันสื่อได้อย่างไร ?
“สื่อที่ดีควรมีความโปร่งใส”
เขายืนยัน ก่อนอธิบายว่า ประเด็นนี้สำคัญ หากสื่อมีความโปร่งใส มีเสรีภาพ มีข้อมูลมากเพียงพอ ประชาชนจะสามารถรับทราบข้อมูลเหล่านี้ได้เอง อย่างไรก็ดีตอนนี้พลวัตสื่อในสังคมอเมริกันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว สื่อกระแสหลักถูกลดทอนลง วิธีการผลักดันต่าง ๆ ของสื่อกระแสหลักเริ่มหายไป แทบไม่มีนักข่าวลงมารายงานภาคสนาม อย่างไรก็ดีเรื่องเหล่านี้คิดว่าคงเกิดไม่นาน ถ้าสื่อกระแสหลักสามารถกลับมาทำงานให้ได้ดีเหมือนเดิม และให้ความเข้าใจแก่ประชาชนดียิ่งขึ้น
ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น วิธีการทำงานของล็อบบี้ยิสต์ คอนเนคชั่นทางการเมือง-ธุรกิจของล็อบบี้ยิสต์ และการผลักดันผลประโยชน์ผ่านสื่อทำกันอย่างไร รายได้หมุนเวียนกันขนาดไหน เคยเกิดกรณีไหนขึ้นบ้าง แต่เสียดายเวลาน้อยไปนิด ทำให้บทสนทนาเรื่องนี้ต้องยุติไปก่อน
คราวหน้ายังคงมีประเด็นสนุก ๆ และเกร็ดต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกามาเขียนให้อ่านกันอยู่ โปรดติดตามตอนต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://s4580.pcdn.co/wp-content/uploads/2015/01/lobbying.png