- Home
- Isranews
- อีกคดี! ศาลปค. สั่ง ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหาย บ.เบสท์รินฯ 1 พันล. เลิกสัญญาเมล์เอ็นจีวีมิชอบ
อีกคดี! ศาลปค. สั่ง ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหาย บ.เบสท์รินฯ 1 พันล. เลิกสัญญาเมล์เอ็นจีวีมิชอบ
ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาให้ ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหายแก่ บ.เบสท์รินฯ 1.1 พันล. พร้อมคืนเเบงก์การันตี หลังยกเลิกสัญญารถเมล์เอ็นจีวีมิชอบ
(ซ้าย) นายสันติ ปิยะทัต ทนายความบริษัท เบสท์รินฯ (ขวา) นายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา ผู้บริหาร บริษัท เบสท์รินฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 เม.ย. 2561 ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ ที่ 502, 955/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 662,663/2561 ระหว่าง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี, บริษัทรถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัท เทคโนโลยีพลังงานใหม่เป่ยฟังกวางโจว (ผู้ฟ้องคดีที่ 1-4) กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ขอให้ตรวจรับมอบรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 390 คัน ณ ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ
คดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า ขสมก.ผิดสัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถเมล์เอ็นจีวี สัญญาเลขที่ ร.50/2559 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2559 กรณีไม่ตรวจสอบรับรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 390 คัน ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ส่งมอบตามสัญญา โดยอ้างว่า สำนักงานอัยการมีความเห็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีรอกรมศุลกากรตรวจสอบเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของสินค้าก่อน อันถือเป็นการอ้างเหตุนอกสัญญา โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น ผู้ฟ้องคดีได้แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีตรวจรับมอบรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าวตามสัญญาจำนวนหลายครั้ง แต่ผู้ถูกฟ้องคดียังคงเพิกเฉย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
โดยศาลพิพากษาให้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการไม่ชำระราคารถยนต์โดยสาร พร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2560 จนถึงวันฟ้อง (7 มิ.ย. 2560) รวมเป็นเงิน 1,048,499,346.44 บาท ค่าเสียหายจากการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง จำนวน 12,092,442 บาท ค่าจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร จำนวน 98,830,336.35 บาท และค่าเสียหายจากการคืนเงินค้ำประกันล่าช้า เป็นเงินจำนวน 547,427.71 บาท รวมเป็นเงินที่ ขสมก.ต้องชดใช้เป็นจำนวน 1,159,969,552.50 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,147,831,350.06 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
นอกจากนี้ยังให้ ขสมก.ส่งมอบหนังสือค้ำประกันของธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) เลขที่ HOB28301B600284 ลงวันที่ 30 ก.ย. 2559 ให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ หากไม่อาจคืนให้ได้ให้ชดใช้เงินตามจำนวนตามหนังสือค้ำประกันดังกล่าวให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่
นายสันติ ปิยะทัต ทนายความ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ขสมก.บอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ จึงให้ ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทฯ 1,100 ล้านบาท จากจำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องไปทั้งหมด 3,900 ล้านบาท เนื่องจากศาลมองว่าการเรียกร้องค่าเสียหายบางส่วนไม่ได้เสียหายจริง เช่น ค่าซ่อมบำรุงในระยะ 10 ปี ซึ่งในเมื่อ ขสมก. ยังไม่ได้ใช้รถเมล์เอ็นจีวีของบริษัทฯ ศาลเลยกำหนดแค่ค่าเสียหายแค่เฉพาะบางส่วน นอกจากนี้ยังให้คืนแบงก์การันตีด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะนำคำพิพากษาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ เพื่อได้ทำหนังสือกราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำเนินการเกี่ยวกับรถเมล์เอ็นจีวีต่อไป เพราะแม้จะเป็นคำตัดสินของศาลชั้นต้น แต่พอพิสูจน์ได้แล้วว่า ความจริงเป็นอย่างไร ดังนั้น การปล่อยทิ้งรถไว้เป็นเวลานาน จะทำให้เสียประโยชน์
ด้านนายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ระบุเพิ่มเติมว่า แม้บริษัทฯ จะได้รับค่าเสียหายมา แต่ประชาชนกลับไม่ได้ใช้บริการรถเมล์เอ็นจีวี เพราะความจริงแล้ว บริษัทฯ ไม่ได้ต้องการความเสียหาย แต่ต้องการนำรถที่ดีและราคาถูกมาให้บริการ ทั้งนี้ จะไม่ยื่นอุทธรณ์เรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม เพราะไม่ใช่จุดประสงค์ของบริษัทฯ