‘ศิริชัย' ร้องขอความเป็นธรรม ปธ.ศาลฎีกา-เข้าชี้แจงก.ต.ปมถูกร้องเพิกถอนโอนสำนวน!
เผยเบื้องหลัง ‘ศิริชัย วัฒนโยธิน’ ถูกร้องเรียนเพิกถอนโอนสำนวนคดียาเสพติด! ชนวนเหตุ อนุ ก.ต. ไม่เห็นชอบบัญชีรายชื่อขึ้นเป็นปธ.ศาลฎีกาคนใหม่ -'เจ้าตัว' ค้านไม่เป็นธรรม ขอเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.60 นี้
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อนุก.ต.) เสียงข้างมาก ไม่เห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกาคนที่ 44 แทน นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2560 นี้ (อ่านประกอบ : ระวัง! ซ้ำรอยวิกฤตตุลาการ เมื่อ อนุก.ต.ไม่เห็นชอบเสนอชื่อ'ศิริชัย วัฒนโยธิน' ปธ.ศาลฎีกา) ว่า ล่าสุด นายศิริชัย ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงประธานศาลฎีกาในฐานะประธานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อขอเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงในการประชุม ก.ต. ช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค.60 นี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายศิริชัย ต้องการเข้าชี้แจงกรณีที่คณะอนุ ก.ต. หยิบยกข้อกล่าวหานายศิริชัยว่า เพิกถอนการโอนสำนวนคดียาเสพติดไม่ชอบ โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตจำเลย เมื่อมีการอุทธรณ์ องค์คณะศาลอุทธรณ์มีความเห็นยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องมีการกลั่นกรองเรื่องจากคณะผู้ช่วยผู้พิพากษา ซึ่งก็มีความเห็นเช่นเดียวกับองค์คณะศาลอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิต จะต้องให้ผู้พิพากษาอาวุโสช่วยตรวจสำนวนอีกครั้ง ซึ่งมีผู้พิพากษาอาวุโส 2 คน มีความเห็นแย้งว่าควรจะยกฟ้อง ประธานศาลอุทธรณ์คนก่อนหน้านายศิริชัย จึงให้รองประธานศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าการที่ผู้พิพากษาอาวุโส มีความเห็นแย้ง กระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งรองประธานฯ เห็นว่า กระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม จึงโอนสำนวนไปให้อีกองค์คณะหนึ่งพิจารณา ซึ่งมีความเห็นว่าควรยกฟ้อง
"แต่ตามขั้นตอนจะต้องให้ประธานศาลอุทธรณ์สั่งคดีอีกครั้งหนึ่ง แต่ประธานศาลอุทธรณ์ขณะนั้นได้พ้นตำแหน่งไปก่อน เมื่อนายศิริชัยเข้ามารับตำแหน่ง จึงมีการเสนอเรื่องมาให้นายศิริชัยพิจารณา เมื่อนายศิริชัยตรวจสำนวนเห็นว่าคดีดังกล่าวน่าจะลงโทษจำเลยได้ และเห็นว่าการโอนสำนวนคดีเป็นการผิดหลง เลยสั่งเพิกถอนการโอนสำนวน และนำคำพิพากษาเดิมซึ่งสั่งลงโทษจำเลยมาสั่งคดีออกไป ดังนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต"
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกกรณีหนึ่ง คือ องค์คณะอุทธรณ์มีความเห็นว่าควรพิพากษายกฟ้องจำเลย แต่ประธานแผนก มีความเห็นว่าควรลงโทษจำเลย เมื่อนายศิริชัยสอบถามไปยังรองประธานศาลอุทธรณ์ว่าเป็นกรณีที่กระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมหรือไม่ เมื่อรองประธานศาลฯ เห็นว่ากระทบกระเทือน จึงโอนสำนวนไปยังอีกองค์คณะหนึ่งพิจารณา ซึ่งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่สะดวกจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จึงขอคืนสำนวน ซึ่งเป็นเช่นนี้ถึง 2 คณะ นายศิริชัย จึงสั่งโอนสำนวนเป็นครั้งที่ 3 ไปยังอีกองค์คณะหนึง ซึ่งองค์คณะนี้ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ตามความเห็นของประธานแผนก ประกอบกับนายศิริชัย มีความเข้มงวดในการทำหน้าที่ จึงถูกร้องเรียนขึ้นมายังอนุ ก.ต. ในขณะที่มีการพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย นายศิริชัย ขึ้นเป็นประธานศาลฎีกา
แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เคยมีการร้องเรียนนายศิริชัยเรื่องทำนองนี้มาก่อน แต่ประธานศาลฎีกาได้สั่งให้ยุติเรื่องแล้ว ซึ่งนายศิริชัย เห็นว่า การที่ อนุ ก.ต. หยิบยกเรื่องข้อร้องเรียนขึ้นมาพิจารณา และนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างไม่เห็นชอบเสนอชื่อตนเป็นประธานศาลฎีกาไม่เป็นธรรม จึงขอเข้าชี้แจงต่ออนุ ก.ต. อีกครั้ง
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก ไทยโพสต์