ศาลปค.สูงสุด คุ้มครองชั่วคราวไทยทีวี สั่งกสทช.ระงับบังคับเอา‘แบงก์การันตี’
ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง สั่งให้ กสทช. ระงับการดำเนินการบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด นำมาวางค้ำประกันการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ในงวดที่เหลือ จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
วันที่ 1 มิ.ย. ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในคดีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอล ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) (ผู้ถูกฟ้องคดี) ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายหรือแผนแม่บทและคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในการเชิญชวนให้เข้าร่วมประมูลโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ขอยกเลิกใบอนุญาตและเลิกประกอบกิจการไปแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตและเรียกให้ผู้ฟ้องคดีชำระค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ ผู้ฟ้องคดีจึงฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปแล้ว ระงับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมงวดที่เหลือและเรียกค่าเสียหาย ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยห้ามมิให้มีการบังคับและให้ระงับการจ่ายค่าธรรมเนียมงวดที่ 3 ถึงงวดที่ 6 และการดำเนินการเพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) ที่ผู้ฟ้องคดีนำมาวางไว้แก่ผู้ถูกฟ้องคดี จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าผู้ฟ้องคดีไม่ได้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระบบดิจิตอลตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว และคดีมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีหรือผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติผิดข้อตกลงหรือสัญญาที่มีต่อกัน สำหรับผู้ถูกฟ้องคดีนั้นจะมีสิทธิเรียกให้ธนาคารชำระเงินตามหนังสือ
ค้ำประกันก็เฉพาะแต่ในกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ผิดข้อตกลงหรือสัญญาเท่านั้น ซึ่งกรณีผู้ฟ้องคดีหรือผู้ถูกฟ้องคดีเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงหรือสัญญาเป็นปัญหาที่ศาลจะต้องวินิจฉัยต่อไป ผู้ถูกฟ้องคดีจึงยังไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ธนาคารชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันเสมือนผู้ฟ้องคดีเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงหรือสัญญาได้ เนื่องจาก
หากดำเนินการไปแล้ว ธนาคารย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นได้ ซึ่งมีผลเท่ากับผู้ฟ้องคดีเป็นฝ่ายแพ้คดีทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล การใช้สิทธิของผู้ถูกฟ้องคดีจึงเป็นการกระทำซ้ำและกระทำต่อไปซึ่งการผิดสัญญา และการที่ศาลจะมีคำสั่งดังกล่าวมีผลเพียงทำให้ผู้ถูกฟ้องคดียังไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมในทันทีเพื่อนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินเท่านั้น ซึ่งตามเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตก็ได้กำหนดให้ชำระค่าธรรมเนียมเป็นงวดๆ อยู่แล้ว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีระงับการดำเนินการเพื่อบังคับตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) ที่ผู้ฟ้องคดีนำมาวางไว้แก่ผู้ถูกฟ้องคดี ในงวดที่เหลือ จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อ่านประกอบ:
‘เจ๊ติ๋ม’โอนหุ้น บ.โลก้า 100 ล. ให้‘บุคคล’ ปริศนา! ก่อนกรณีค่าทีวีดิจิตอล 288 ล.
ผ่างบฯ 8 บริษัท“เจ๊ติ๋ม-ไทยทีวี”ไม่จ่าย 288 ล. -บ.‘ไทยทีวีพูล’ฟันรายได้ 520 ล.
ผู้ถือหุ้นใหญ่ 84 ล.‘โนเบิล เทค’บ.เก่า‘เจ๊ติ๋ม’ เป็นลูกจ้างใน‘ไทย ทีวี’
เปิดบ้าน'หญิงสูงวัย' หุ้นใหญ่ 84 ล.‘โนเบิล เทค’ บ.เก่า‘เจ๊ติ๋ม’ ชั้นเดียว ชานเมือง
เผยโฉม ที่ตั้ง 2 บ.100 ล.'โนเบิล เทค'ลูกน้องเก่า‘เจ๊ติ๋ม’เพิ่งย้ายหมาดๆ-ไร้ป้ายชื่อ
ไขปริศนา!‘เจ๊ติ๋ม’ ไทยทีวี โอนหุ้น 100 ล้าน ‘สับขาหลอก’ หรือ เจ้าของแท้จริง?
ทายาท2บ.ใหญ่-ลูกน้องบิ๊กคสช. โผล่! ร่วมธุรกิจดิจิทัล"เจ๊ติ๋มทีวีพูล" หลังขาดทุน 300ล.
สำรวจอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลล่าสุด "GMM-MONO-AMARIN" ขาดทุน"ตัวแดง" พรึบ!
เจาะงบดุล"นสพ."ยุคภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน รายได้ลดขาดทุนยับ "ข่าวสืบสวน" ช่วยได้!
จับสัญญาณ "โซลูชั่น"ซื้อหุ้น"เนชั่น-GMM" ยุคไล่ล่าอาณานิคมสื่อไทยเปิดฉากแล้ว