นพ.สมศักดิ์ ยื่นสนช.แก้ร่างกม.โค้ดมิลค์ คุมโฆษณาอาหารทารกแค่ 1 ปี
กลุ่มกุมารแพทย์ ยื่นหนังสือเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กตัวใหม่ แนะควรควบคุมถึงแค่เด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ด้านรองปธ.สนช. รับขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องระยะเวลาการคุ้มครองอยู่
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 60 กลุ่มกุมารแพทย์ นำโดยศาตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์ คณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ พญ.กรรณิการ์ ตันประเสริฐ พญ.วัชรี ภิรมย์รื่น และ พญ.อรุณศรี สันติธนานนท์ ได้ยื่นจดหมายถึงประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อแสดงข้อกังวลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กพ.ศ. .... ณ อาคารรัฐสภา ซึ่งกำลังเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2
เนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ได้ยื่นเสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. …. โดยระบุวัตถุประสงค์ว่าเพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรการในการควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กที่เหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเสนอให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีผลบังคับใช้ครอบคลุมอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 0-3 ปี และเพื่อกระตุ้นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มากขึ้น โดยการมีพระราชบัญญัตินี้จะช่วยลดการส่งเสริมการตลาดที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะโฆษณาที่เกี่ยวกับอาหารทารกแรกเกิดที่อายุต่ำกว่า 1 ปี
ส่วนการควบคุมการตลาดอาหารเด็กเล็กอายุ 1-3 ปีนั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ยังทำให้พ่อแม่ขาดช่องทางที่เข้าถึงข้อมูลอาหารเด็กเล็กที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองในวัยที่สำคัญที่สุด เด็กเล็กควรได้รับโภชนาการที่ดี ปลอดภัย และคุณประโยชน์ครบถ้วน ในทางกลับกัน เด็กเล็กได้เห็นและได้รับข้อมูลของอาหารอื่นๆที่ถูกควบคุมการตลาด ซึ่งอาจเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้อยกว่าอาหารที่ถูกควบคุม
ในช่วงวัยเด็กเล็ก 1-3 ปีเป็นวัยที่เด็กรับประทานอาหารหลักได้วันละ 3 มื้อ ควรรับประทานอาหารแข็งหรือกึ่งแข็งเป็นอาหารหลัก เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ไข่ ผัก ผลไม้ ส่วนนมแม่จะลดบทบาทเป็นอาหารเสริมแทน และแพทย์แนะนำให้ดื่มนมวันละ 2-3 มื้อเพื่อเสริมแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น เหล็ก สังกะสี ซึ่งเด็กอาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารหลักประจำวัน
กลุ่มกุมารแพทย์ จึงได้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติปรับแก้ไขสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินี้ โดยแก้ไขช่วงอายุให้เป็นการควบคุมเฉพาะอาหารทารกแรกเกิดถึง 1 ปีเท่านั้น การเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาวะที่ดีของทารกและเด็กเป็นตัวชี้วัดประสิทธิผลของการให้บริการสุขภาพที่สูงสุดและสำคัญกว่าตัวเลขอัตราการปฏิบัติ เช่น อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อันเป็นเป็นตัวชี้วัดกระบวนการเท่านั้น
กฎหมายไม่ควรกำหนดครอบคลุมมาถึง 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่นมแม่ไม่ใช่อาหารหลักและเป็นวัยที่ควรได้รับการส่งเสริมภาวะโภชนาการทั้งจากอาหารหลักและอาหารเสริมที่มีคุณค่า ความรู้ด้านโภชนาการสำหรับเด็กวัยนี้ต้องเข้าถึงครอบครัว แม่และผู้เลี้ยงดูเด็กอย่างถูกต้องและทั่วถึง กฎหมายต้องไม่กระทบสิทธิและเสรีภาพของทารกและครอบครัวในการรับความรู้เรื่องโภชนาการที่เหมาะสมกับวัยเพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจของพ่อแม่ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรร่วมมือกันให้ข้อมูลความรู้เรื่องโภชนาการของทารกและเด็กเล็กให้ครบถ้วนและถูกต้อง
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวว่า ตั้งแต่กฎหมายฉบับนี้เข้ามาสู่การพิจารณา สนช. ซึ่งมีความเห็นหลากหลายเข้ามา โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการ แต่ประเด็นที่เห็นต่างคืออายุของทารก อายุของเด็กเล็กที่จะถูกควบคุมไม่ให้มีการโฆษณาเพื่อเป็นการไปส่งเสริมให้ไปดื่มหรือรับประทานอาหารเสริมทางอ้อมผ่านกระบวนการโฆษณาต่างๆ ในร่างกฎหมายฉบับนี้เขียนมา 3 ปี แต่ที่เห็นต่างกันคือในส่วนของอายุเท่านั้นเองว่าควรจะเป็น 3 ปี หรือต่ำกว่า 3 ปี
นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นว่า ควรมีความเข้มงวดตามมาตรการต่างๆ ไม่ให้ละเลยและช่วยกันสอดส่องดูแลเหตุหรือพฤติกรรมต่างๆที่ผิดปกติหรือมีพิรุธให้มากขึ้น และเรียนว่ามาตรการที่ใช้ทุกวันนี้เป็นมาตรการที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือมาติดต่องานกับสภานิติบัญญัติ และให้เข้มงวดในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการเดิมที่กำหนด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คำถามถึงเครือข่ายกุมารแพทย์ ห่วงเด็กไทยหรือธุรกิจนมผง?
นพ.ศิริวัฒน์ ชี้ร่างพ.ร.บ.คุมนมผงทารกถึง 3 ปี ไม่สุดโต่ง ลดเหลือ 1 ปี เป็นแค่กระดาษเปล่า
เลขาธิการศูนย์นมแม่ฯ ลุ้นร่างพ.ร.บ.การตลาดอาหารสำหรับทารก เข้าสนช.
วิจัยชี้นมผงเสี่ยงทำทารกเกิดโรค จี้คลอดกม.ควบคุมตลาดฯ เน้นกินนมแม่
"นมแม่" ยิ่งให้นาน ยิ่งดี...จริง!