- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- “อิงถังเทคโน”ปัดเอี่ยวแท็บเล็ต"สพฐ" คนทำชื่อ“เจี๊ยงหงี่”หนีกลับจีนแล้ว
“อิงถังเทคโน”ปัดเอี่ยวแท็บเล็ต"สพฐ" คนทำชื่อ“เจี๊ยงหงี่”หนีกลับจีนแล้ว
บริษัทอิงถัง เมืองไทย ยอมเปิดปากครั้งแรก ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เสิ่นเจิ้นฯ เบี้ยวขายแท็บเล็ตพันล้านให้ สพฐ. แค่ให้เช่าตึกช่วยติดต่องาน แต่เห็นว่าทำเรื่องไม่ถูกต้องหลายอย่าง จึงไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยอีก ระบุชื่อ ตัวแทนจริง เป็นชาวจีน ชื่อ “เจี๊ยงหงี่” หนีกลับประเทศไปแล้ว ชื่นชม "จาตุรนต์-จนท.สพฐ." เป็นคนดี ทำอะไรนึกถึง "เด็ก"
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท อิงถัง เทคโนโลยี่ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย มีสถานที่ตั้งเดียวกับที่อยู่ของ น.ส. แวว และน.ส.แหม่ม ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระบุว่าเป็นตัวแทนบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ผู้ชนะการประมูลจัดหาแท็บเล็ต วงเงิน 1,628 ล้านบาท กับ สพฐ และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดี ภายหลังจากบริษัท เสิ่นเจิ้น อินถังฯ ทำหนังสือยกเลิกสัญญา นั้น
(อ่านประกอบ : เปิดที่อยู่ใหม่ ตัวแทน“เสิ่นเจิ้น” ตึกแถวห่างจากเดิมแค่ 100 เมตร , เจอแล้ว!ตัวแทน“เสิ่นเจิ้น”ขายแท็บเล็ตพันล้านในไทย-เหลือแค่ห้องโล่งๆ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ตัวแทนบริษัท อิงถัง เทคโนโลยี่ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรก
โดยในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ บริษัท อิงถัง เทคโนโลยี่ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยตัวแทนบริษัท อิงถังฯ รายนี้ เป็นชายชาวจีน อายุประมาณ 40 ปี พร้อมระบุสถานะว่า เป็นเจ้าของบริษัทฯ แห่งนี้
ก่อนจะยืนยันว่า บริษัทของตน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด จากประเทศจีนแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนของบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง ในเมืองไทยตัวจริง มีชื่อว่านาย “เจี๊ยงหงี่” เป็นคนจีน แต่ปัจจุบันได้หนีกลับเมืองจีนไปแล้ว
ส่วนเหุตที่แจ้งที่อยู่เดียวกันนั้น ชายชาวจีนรายนี้ ระบุว่า “ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเช่าบ้านเลขที่ 83 ของคุณจิรัฏฐ์ ภรณ์กรพงษ์ เพื่อเป็นที่ตั้งบริษัท อิงถัง เทคโนโลยี่ ฯ (ที่อยู่เดียวกับ น.ส. แวว และน.ส.แหม่ม ขณะที่นางจิรัฏฐ์ ภรณ์กรพงษ์ ปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองของ บริษัท อิงถัง เทคโนโลยี่) แต่ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดี จึงย้ายมาอยู่ที่ใหม่ แล้วปล่อยตึกเก่า ให้คนอื่นเช่าช่วงต่อ ในราคา 45,000 บาท ต่อเดือน จากราคาที่เช่าประมาณ เดือนละ 2 หมื่นบาท ได้กำไรเท่าตัว ส่วนที่ตั้งบริษัทใหม่นี้ ย้ายมาได้ราวปีกว่าแล้ว”
ชาวจีนรายนี้ ระบุว่า บุคคลที่มาเช่าช่วงตึกเก่า คือ นาย “เจี๊ยงหงี่” เป็นคนจีน มาจากเมืองจีน พูดภาษาไทยไม่ได้ และเป็นตัวแทนจากบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ตัวจริง
“ นายเจี๊ยงหงี่เป็นพนักงานของ เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ จากจีน ที่เข้ามาติดต่องานขายแท็บแล็ต สพฐ. แต่ตอนนี้ก็หนีกลับเมืองจีนไปแล้ว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้านก็ไม่จ่าย ส่วนบริษัท อิงถัง เทคโนโลยี ของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย”
ชายชาวจีนรายนี้ ยังระบุด้วยว่า เนื่องจากตนเป็นผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีเช่นกัน จึงติดตามข่าวกรณี สพฐ.ยกเลิกสัญญาแท็บเล็ต กับ บ.เสิ่นเจิ้นอิงถังฯ อยู่ และพอที่จะรู้เรื่องบ้าง
ชาวจีนรายนี้ ยังให้ข้อมูลด้วยว่า “นายเจี๊ยงหงี่เคยมาปรึกษาผม และขอความช่วยเหลือให้ช่วยไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ สพฐ. ให้ช่วยขยายเวลาการจัดส่งสินค้าให้ด้วย”
"เมื่อนายเจี๊ยงหงี่มาขอร้องให้ช่วยไปเจรจาให้ สพฐ.ขยายเวลา ผมก็ยินดีช่วยเหลือและเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ สพฐ. แต่เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงจาก สพฐ. ว่าบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงไว้ นอกจากนี้ เมื่อตนได้รับทราบข้อมูลว่า บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ที่ประเทศจีนไฟไหม้ ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา ซึ่งหมายความว่า เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ เซ็นสัญญา ทั้งที่รู้ว่า ตนเองไม่สามารถทำตามสัญญาได้ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับนายเจี๊ยงหงี่อีก และเข้าใจเจ้าหน้าที่ สพฐ. ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดี ให้ความสำคัญกับเด็กจริงๆ" ส่วนเรื่องนี้ ใครจะฟ้องร้องกัน ก็ไม่เกี่ยวกับตน ต้องไปดำเนินการกันเอง
ชาวจีนรายนี้ ยังระบุด้วยว่า “ผมรู้ข่าวสารที่เผยแพร่จาก สพฐ. ว่า บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ เมื่อตอนประมูล ส่งสินค้าตัวอย่างแบบหนึ่งแต่เมื่อประมูลได้แล้ว กลับส่งตัวอย่างสินค้าที่คุณภาพไม่ดีเท่ากับตอนประมูลมาให้ ไม่เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้ ซึ่งเรื่องนี้คุณสามารถไปสอบถามกับ คนชื่อธนิตสิ เขาน่าจะมีสัญญาอยู่ เขาน่าจะรู้เรื่องดี ต้องไปถามเขา”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึง นายธนิต คูศิวิไลส์ ใช่หรือไม่ ชายชาวจีนรายนี้ ตอบว่า “ไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าเขาชื่อธนิต เขาเป็นตัวแทนของ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ไปยื่นสัญญา เขาก็ต้องมีสัญญาเก็บไว้ หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องไปตรวจสอบที่ สพฐ. ไปขอตรวจสอบสัญญากับเจ้าหน้าที่ สพฐ. ว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นอย่างไร”
(อ่านประกอบ: เปิดบ้าน"ธนิต"ตัวแทนเสิ่นเจิ้นฯขายแท็บเล็ตพันล.-เพิ่งสมัครงานเป็นล่าม?)
ชายชาวจีนรายนี้ ยังย้ำด้วยว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวเขียนข่าวตามจริง ว่าตนและบริษัทอิงถัง เทคโนโลยี ไทยแลนด์ ไม่เกี่ยวพันอะไรกับบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ทั้งสิ้น เพียงแค่นายเจี๊ยงหงี่ ซึ่งเป็นพนังงานของ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ มาเช่าตึกที่ตนเซ้งไว้เท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนางจิรักฐ์ และนายวันชัย ขันสุวรรณ ซึ่งมีชื่อปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอิงถัง เทคโนโลยี ไทยแลนด์ ชายชาวจีนรายนี้ ตอบอย่างมีอารมณ์ ว่า "เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนางจิรัฏฐ์ และนายวันชัย แต่อย่างใด และกล่าวว่านางจิรัฏฐ์เป็นเพียงเจ้าของตึกที่ตนเช่า"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลาการสัมภาษณ์ มีคนโทรศัพท์เข้ามาหา ชาวจีนรายนี้ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ขณะที่ชายจีนเรียกผู้ที่อยู่ปลายสายว่า “ท่าน” และทั้ง 3 ครั้ง เป็นการพูดคุยในประเด็นเดียวกันทั้งสิ้น คือ อธิบายให้ "ท่าน" รับรู้ว่ามีนักข่าวมาสัมภาษณ์เรื่องกรณี บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ พร้อมระบุว่า ตนจะให้ข้อเท็จจริงแก่นักข่าวไปตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรต้องกังวล แบบนี้ดีแล้ว เรื่องจะได้จบๆ กันไป นักข่าวจะได้ไม่ต้องสงสัยหรือมาสัมภาษณ์อะไรอีก
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาการสัมภาษณ์ ชาวจีนรายนี้ จะยืนยันอยู่เป็นระยะ ว่า เจ้าหน้าที่ สพฐ. เป็นคนดี เป็นข้าราชการที่นึกถึงเด็กๆ และกล่าวชื่นชมนายจาตุรนต์ ฉายแสงด้วย
พร้อมระบุว่า นายเจี๊ยงหงี่ เคยพยายามขอเข้าพบนายจาตุรนต์ แต่นายจาตุรนต์ ไม่ยอมพบ เนื่องจาก บ.เสิ่นเจิ้น ทำผิดสัญญาที่ให้ไว้ ก่อนจะย้ำว่า เป็นเรื่องเหมาะสมแล้ว ที่นายจาตุรนต์ไม่ยอมให้พบ เพราะบ.เสิ่นเจิ้น ไม่มีความบริสุทธิ์ใจในการทำสัญญาตั้งแต่ต้น
“เจี๊ยงหงี่เขามาประเทศไทย มาเช่าตึกกับผม ทำสัญญาเช่าเป็นแบบปีต่อปี เขามาเช่า เดือน 9 วันที่ 1 ปี 2013 แล้วก็มีเรื่องไปเกี่ยวกับ สพฐ. เรื่องแท็บเล็ต เรื่องนี้ ผมวิเคราะห์อย่างนี้นะ ประเด็นแรก เพราะบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ นี้ พูดโกหก ไม่เป็นความจริง เพราะบริษัทนี้ไฟไหม้ส่วนผลิตชิพในโรงงานที่จีน เมื่อเดือนเก้า วันที่ 4 แต่เดือน9 วันที่ 23 เขามาเซ็นสัญญากับ สพฐ. ทั้งที่รู้แต่ไม่พูดว่าโรงงานถูกไฟไหม้ แล้วต่อมา วันที่ 27 ก็มาขอขยายสัญญา คือ เขาทำไมไม่พูดก่อนล่ะ แต่เขามาเซ็นสัญญาก่อน แล้วค่อยมาพูดทีหลัง แบบนี้ความหมายคืออะไร ขอให้ตรวจสอบด้วยว่าเขาปกปิดข้อมูลอะไรในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า"
"ประเด็นต่อมา บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ เขาก็หาเรื่องอีก คือก่อนหน้านี้ เขาให้คนชื่อ ธนิตไปยื่น สพฐ. อย่างหนึ่ง คือประมูลอย่างหนึ่ง แต่จะให้เด็กใช้อีกอย่างหนึ่ง ให้ใช้แบบไม่ดีเหมือนตอนประมูล สพฐ. ก็ไม่ยอม"
"ประเด็นที่ 3 ที่เขาอ้างเกี่ยวกับการเมือง เรื่องยุบสภา คือจะมาอ้างว่าการเมืองมีอันตรายได้ที่ไหน เพราะสุดท้าย คุณเซ็นสัญญากับ รัฐบาล คุณไม่ได้ไม่ใช่เซ็นกับการเมือง ตรงนี้ผมก็ไม่รู้นะ คุณต้องตรวจสอบให้ดีว่าข้อเท็จจริงของสัญญาเป็นอย่างไร ทางที่ดี คุณต้องไปถามบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ที่เมืองจีนเลย ต้องตรวจสอบที่จีนเลย ให้เขาตอบคำถามนี้ และคุณควรไปหาข้อมูลที่ สพฐ. ว่าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ใช่ไหม” แหล่งข่าวรายนี้ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนจบการให้สัมภาษณ์ ชายจีนรายนี้ ได้มอบนามบัตร ของหัวหน้านายเจี๊ยงหงี่ และเจ้าของบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ที่เมืองจีนให้แก่ผู้สื่อข่าว และกล่าวว่า หากมีประเด็นใดสงสัย ก็ให้โทรศัพท์ ไปสอบถามยังบ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ประเทศจีนโดยตรง หรือโทรไปสัมภาษณ์กับนายเจี๊ยงหงี่ หรือเจ้านายของเจี๊ยงหงี่และเจ้าของบริษัทโดยตรงเลยจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องมาสอบถาม บ.อิงถัง เทคโนโลยีฯ อีก เพราะไม่เกี่ยวอะไรกันเลย เพียงมีคำว่าอิงถัง เหมือนกันเท่านั้น
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ในโลกนี้ มีบริษัทที่มีคำว่า “อิงถัง” นำหน้าอยู่ทั้งหมด 18 บริษัท เพราะคำว่าอิงถัง หมายถึงความกล้าหาญ เป็นความหมายที่ดี ที่บริษัทไหนจะนำไปใช้ก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคล ที่ ชายจีนรายนี้ มอบให้กับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่าเป็นหัวหน้าของนายเจี๊ยงหงี่ที่มาเช่าตึก นามบัตรระบุว่า ชื่อ Jason Qin ตำแหน่ง Vice General Manager นามบัตรดังกล่าว ระบุชื่อบริษัท SHENZHEN YITOA INTELLIGENT CONTROL CO.,LTD. ที่อยู่คือ 5/F ,Yiyoa Building,Keji South Road 5th,Hi-tech Industrial Park,Nanshan District,Shenzhen
ส่วนผู้เป็นเจ้าของบริษัทเสิ่นเจิ้นอิงถัง ชื่อ เฮนรี่ หู หรือ หู ชิ่ง โจว นามบัตรระบุชื่อ Henry Hu ตำแหน่ง Chairman General Manager, Shenzhen SME Development Promotion Vice President, Shenzhen Electronic Chamber of Commerce Vice President
นามบัตรดังกล่าวระบุชื่อบริษัท SHENZHEN YITOA INTELLIGENT CONTROL CO.,LTD. เช่นเดียวกัน แต่ที่อยู่แตกต่างกันเล็กน้อย คือ Longma Industry City,Shiyan Street, Baoan District Shenzhen, China.
นอกจากนี้ ยังมีนำสำเนาเอกสารพาสปอร์ต ของนายเจี๊ยงหงี่ที่มอบไว้ตอนเซ็นสัญญาเช่าบ้านมายืนยันกับผู้สื่อข่าวดูด้วย ระบุชื่อของนายเจี๊ยงหงี่เป็นภาษาอังกฤษว่า “JIANG” (ดูรูปเรื่องประกอบ) พร้อมกับนำสัญญาเช่าอาคารดังกล่าว มาให้ดู แต่สัญญาดังกล่าวเป็นภาษาจีนทั้งหมด