- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- บัญชีขาย 111 คัน - ใบเสร็จรับเงิน 4.5 ล. ไม่มีในคำสั่ง ป.ป.ช.ไต่สวนคดีประมูลรถทหาร
บัญชีขาย 111 คัน - ใบเสร็จรับเงิน 4.5 ล. ไม่มีในคำสั่ง ป.ป.ช.ไต่สวนคดีประมูลรถทหาร
ไขปมคดีทุจริตประมูลรถชำรุด ขส.ทบ. 9 ครั้ง 1,136 คัน ไฉนเอกสารบัญชีขายทอดตลาดรถชำรุดลอต 111 คัน - ใบเสร็จรับเงิน 4.5 ล. ไม่มีในคำสั่ง ป.ป.ช. ตั้งอนุ กก.ไต่สวนข้อเท็จจริง เป็นแค่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนจำนวนเดียวกับแลกเปลี่ยน 128 คัน?
กรณีการปลอมบัญชีขายทอดตลาดรถยนต์ชำรุดของ กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) กองทัพบก ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) มีคำสั่ง ที่ 205/2561 ลงวันที่ 14 มี.ค.2561 แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้อง 5 คน
1. พ.อ.ภพกฤต พันธ์ยศ รองผู้อำนวยการกองคลัง กรมการขนส่งทหารบก กระทรวงกลาโหม
2. พ.ท.หญิงศิริโสภา จันทรุกขา หัวหน้าแผนกทะเบียนกองคลัง กรมการขนส่งทหารบก
3. นายจิรภัทร วรรัฐกฤติกร
4. นายณัฐวุฒิ สมสวย
5.นายคฑาสุรเชษฐ์ หรือณัชวงศักด์ โรจน์พุทธิภิญโญ
ข้อกล่าวหา ทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดยานพาหนะ โดยจัดทำบัญชีขายทอดตลาดรถยนต์ 9 ฉบับ รวม 1,136 คัน ได้แก่
หนังสือกรมการขนส่งทหารบกที่ กห.0444.9/0417 ลงวันที่ 19 ก.พ.2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/0443 ลงวันที่ 25 ก.พ.2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/0908 ลงวันที่ 10 เม.ย. 2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/1034 ลงวันที่ 29 เม.ย.2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/1214 ลงวันที่ 29 พ.ค.2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/1356 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/1919 ลงวันที่ 1 ก.ย. 2557
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/2656 ลงวันที่ 19 ก.พ. 2558
หนังสือกรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/3095 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2558
(อ่านประกอบ: ดูชัดๆ คำสั่ง ป.ป.ช.ไต่สวน พ.อ.กับพวก คดีทุจริตประมูลรถทหาร 9 ลอต 1.1 พันคัน)
กรณีดังกล่าว หากติดตามข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ก่อนหน้านี้จะพบเงื่อนปมอย่างน้อย 2 ประการ
ประการแรก มีหนังสือของกรมการขนส่งทหารบกที่อ้างว่ามีการขายทอดตลาดรถอีก 1 ฉบับ (หรือ 1 ครั้ง) ไม่อยู่ในการสอบสวนของ ป.ป.ช. ข้างต้น ได้แก่ หนังสือ กรมการขนส่งทหารบก ที่ กห.0444.9/2359 ลงวันที่ 8 ก.ย.2558 ระบุว่า ได้ทำการขายทอดตลาดยานพาหนะชำรุดให้กับนายธนโชติ ดูเบย์ (ลูกน้องนายจิรภัทร) ที่อยู่เลขที่ 89 หมู่ที่ 3 ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม จำนวน 111 คัน โดย ปรากฎชื่อ พ.อ.ประกาศ เพยาว์น้อย ผู้อำนวยการ กองคลัง กรมการขนส่งทหารบก (ขณะนั้น) เป็นผู้ลงนาม นำส่งหัวหน้าส่วนควบคุมบัญชีรถและเครื่องยนต์ กรมการขนส่งทางบก
กรณีดังกล่าว พ.อ.ประกาศ ชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศรา ก่อนหน้านี้ว่า การส่งหนังสือฉบับดังกล่าวแจ้งว่าได้ขายทอดตลาดยานพาหนะชำรุด 111 คัน เป็นการเข้าใจผิดว่าเป็นลอตที่มีการแลกเปลี่ยนรถ จำนวน 128 คัน กับนายธนโชติ ดูเบย์ ซึ่งหลังจากส่งไปแล้ว กรมการขนส่งทางบกได้ทำหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงกลับไปแล้ว เป็นกระทำโดยสุจริต และชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชาไปแล้ว (อ่านประกอบ:แค่เข้าใจผิด! พันเอก ขส.ทบ.แจงปมชื่อโผล่ขายทอดตลาดรถ 111 คัน ยันสุจริต)
ขณะที่ พล.ต.สมศักดิ์ ทรัพย์อนันต์ เจ้ากรม ขส.ทบ. ผู้บังคับบัญชาของ พ.อ.ประกาศ ได้แจ้งไปยังกรมการขนส่งทางบกว่า บัญชีที่ พ.อ.ประกาศจัดทำขึ้นเป็นความเข้าใจผิดของเจ้าตัวที่เข้าใจว่าเป็นบัญชียานพาหนะชำรุดจริงอยู่ในบัญชีการแลกเปลี่ยน จำนวน 128 คัน ซึ่งอนุมัติโดยผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ( ปรากฎในหนังสือฉบับลงวันที่ 25 เม.ย. 2560 ที่ พล.ต.สมศักดิ์ส่งถึงหัวหน้าส่วนควบคุมบัญชีรถและเครื่องยนต์ กรมการขนส่งทางบก) (อ่านประกอบ:หนังสือเจ้ากรมฯ การันตี พันเอก-ลูกน้อง เข้าใจผิด ปมประมูลรถ 111 คัน)
สำหรับบัญชีรายละเอียดยานพาหนะชำรุดที่ขายทอดตลาดให้กับ นายธนโชติ ดูเบย์ จำนวน 111 คัน แยกเป็นยี่ห้ออัลฟ่า-โรมิโอ 3 คัน ,ออดี้ 1 คัน ,เมอร์ซิเดสเบนซ์ 42 คัน ,ฟอร์ด 1 คัน ,ฮัมเมอร์ 5 คัน ,มาสด้า 1 คัน ,มิตซูบิชิ 11 คัน (ปาเจโร,JEEP) ,นิสสัน 6 คัน (SKYLINE,ELGRAND) ,ซุบารุ 1 คัน ,ซูซูกิ 4 คัน (Wagon,JIMMY) ,โตโยต้า 35 คัน (Alpard ,Lexus, แลนด์ ครุยเซอร์, เมกาครุยเซอร์,PRADO,BLIZZARD,HILUX 4*4) และ แลนด์โรเวอร์ 1 คัน
ขณะที่ การแลกเปลี่ยนรถชำรุด 128 คัน ขส.ทบ. กองทัพบก ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนรถตู้รถปิกอัพ และรถเก๋งใหม่ 13 คันและรถมอเตอร์ไซค์ 10 คัน กับนายธนโชติ ดูเบย์ อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 3 ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม โดย นายจิรภัทร วรรัฐกฤติกร อยู่บ้านเลขที่ 1378 ถ.เพชรเกษม ต.ลำพระยา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ‘ผู้รับแลกเปลี่ยน’ (นายจิรภัทร ไม่ได้เข้าร่วมประกวดราคาตั้งแต่แรก แต่‘รับโอน’มาจาก นายธนโชติ ดูเบย์ อีกทอดหนึ่งหลังประมูลแล้ว) โดย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) เป็นผู้อนุมัติเมื่อ 11 มิ.ย.2558 (สัญญาเลขที่ 1/2558 วันที่ 1 ก.ค. 2558) (อ่านประกอบ:บัญชีรถ 128 คัน พล.อ.ปรีชาอนุมัติแลกเปลี่ยนลูกน้อง‘บอลบิน’ เทียบปม 111 คัน)
เท่ากับ ตัดบัญชีขายทอดตลาดรถลอต 111 คัน (ลอตที่ 10 ) ออกไปจากการสอบสวนของ ป.ป.ช. เนื่องจาก เป็นความเข้าใจผิด ตามคำชี้แจงข้างต้น?
ประการที่สอง คำสั่งตั้งกรรมการไต่สวน พ.อ.ภพกฤต กับพวก ของ ป.ป.ช.ระบุว่า พ.อ.ภพกฤตร่วมกับ พ.ท.หญิง ศิริโสภา จันทรุกขา ได้จัดทำและลงนามในใบเสร็จรับเงินของกองคลัง จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่ ฉบับลงวันที่ 26 พ.ย.2556, ฉบับลงวันที่ 24 ก.พ.2557 ,ฉบับลงวันที่24 มี.ค.2557 ,ฉบับลงวันที่ 29 เม.ย.2557 ,ฉบับลงวันที่ 23 พ.ค.2557 ,ฉบับลงวันที่ 23 มิ.ย.2557 ,ฉบับลงวันที่ 20 ส.ค.2557 เป็นหลักฐานว่ากรมการขนส่งทหารบกได้รับเงินจากนายจิรภัทร วรรัฐกฤติกร นายณัฐวุฒิ สมสวย และนายคฑาสุรเชษฐ์ หรือ ณัฐวงศักดิ์ โรจน์พุทธิภิญโญ ซึ่งชำระเป็นค่าซื้อซากรถจาก การขายทอดตลาดของกรมการขนส่งทหารบก ทั้งที่ กรมการขนส่งทหารบก มิได้มีคำสั่งหรือมอบหมายดำเนินการขายทอดตลาด เป็นเหตุให้ กรมการขนส่งทางบก หลงเชื่อว่ามีการขายทอดตลาดยานพาหนะของกรมการขนส่งทหารบกจริง และดำเนินการออกหนังสือรับรองหลักฐานให้แก่นายจิรภัทร วรรัฐกฤติกร นายณัฐวุฒิ สมสวย และนายคฑาสุรเชษฐ์ หรือ ณัฐวงศักดิ์ โรจน์พุทธิภิญโญ โดยหลงผิด
สำนักข่าวอิศราพบว่า มีใบเสร็จรับเงินอีกฉบับ ไม่ปรากฎในเอกสารคำสั่ง ของ ป.ป.ช.ข้างต้น คือ ใบเสร็จรับเงินเลขที่ 0002 วันที่ 23 ก.ค.2558 ที่ พ.อ.ภพกฤต ได้รับเงินจากนายธนโชติ ดูเบย์ จำนวน 4,549,500 บาท อ้างว่าเป็น “ค่าการขายทอดตลาด ซากยานพาหนะชำรุด ของ ขส.ทบ. จำนวน 111 รายการ” ปรากฎลายมือชื่อ ของ พ.ท.หัวหน้าแผนกคลัง ขส.ทบ.ปรากฎอยู่ด้วย
ซึ่งก็คือใบเสร็จรับเงินกรณีลอต 111 คัน นั่นเอง?
หากพิจารณาจากข้อมูล 2 ชิ้นข้างต้น เท่ากับ ผู้ปรากฎชื่อในเอกสารดังกล่าว อย่างน้อย 3 คน (เอกชน 1 คน คือนายธนโชติ) ไม่ถูกสอบสวน?
อย่างไรก็ตาม ในการแสวงหาหลักฐานข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานของ คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ในท้ายคำสั่งดังกล่าวระบุว่า “ …โดยในการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวน หากพบว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงให้คณะอนุกรรมการไต่สวนรายงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสั่งให้ไต่สวนผู้นั้นและให้ใช้บังคับกับกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่นเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือ ผู้ สนับสนุน รวมทั้งผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่บุคคลตามมาตรา 66 เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่นเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน แล้วแต่กรณี”
ฉะนั้น ต้องรอดูผลกันต่อไป?
อ่านประกอบ:
ดูชัดๆ คำสั่ง ป.ป.ช.ไต่สวน พ.อ.กับพวก คดีทุจริตประมูลรถทหาร 9 ลอต 1.1 พันคัน