- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- การจากไปของดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ คือ ความสูญเสียอย่างยิ่งของไทยและอาเซียน!
การจากไปของดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ คือ ความสูญเสียอย่างยิ่งของไทยและอาเซียน!
"...ในช่วงเวลาที่ ดร.สุรินทร์ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในสถาบันดังกล่าวนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้เยาวชนนำเสนอว่าจะทำอย่างไรถึงจะปฏิรูปประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ในทุกๆด้านภายใต้ชื่อ โครงการ “คิดสร้างชาติ” ระดมความคิด แนวคิดคนรุ่นใหม่ ร่วมเปลี่ยนประเทศไทย โดยยึดถือหลักการว่าเยาวชนนั้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่จะอยู่ในประเทศนี้ต่อไปและจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นความเห็นของพวกเขาในวันนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ..."
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรมว.ต่างประเทศ และอดีตเลขาธิการอาเซียน วัย 68 ปีเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา15.00น. วันที่ 30 พ.ย.2560 หล้งจากมีอาการหน้ามืดเป็นลม และญาตินำส่งโรงพยาบาลรามคำแหง
ข่าวชิ้นนี้ ถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชนทุกสำนัก พร้อมข้อความแสดงความอาลัยต่อการจากไป ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่ส่งแชร์ผ่านต่อกันในโลกออนไลน์จำนวนมากในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นนักการเมืองชาวมุสลิม เป็นอดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกิดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2492 เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 11 คน ของนายฮัจยี อิสมาแอลครูสอนศาสนาอิสลาม และนางซาปิยะ พิศสุวรรณ มีภรรยาชื่อนางอลิสา พิศสุวรรณ มีบุตรชาย 3 คน
ดร.สุรินทร์ ศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบ้านตาล ศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช และ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแคลร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2515 จบปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2517 และปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2522 เริ่มอาชีพนักวิชาการในตำแหน่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระหว่างปี 2518-2529
ดร.สุรินทร์ เริ่มเข้าสู่วงการการเมืองตั้งแต่ปี 2529 โดยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรติดต่อกัน 7 สมัยตั้งแต่ ปี 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2548 เคยเป็นเลขานุการของนายชวน หลีกภัย ขณะที่นายชวนดำรงตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร (2529-2531) ต่อมาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี 2535-2538 และเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระหว่างปี 2540-2544
ดร.สุรินทร์ ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน โดยเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2551 หลังจากที่ได้มีการส่งชื่อไปยังรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อปลายเดือน ก.ค. 2550 และได้รับการรับรองจากชาติสมาชิกอย่างเป็นทางการในที่ประชุมผู้นำอาเซียน ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือน พ.ย. 2550 ซึ่ง ดร.สุรินทร์ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 และถือว่าเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ หลังจากที่ แผน วรรณเมธี ได้เป็นเลขาธิการอาเซียนคนไทยคนแรก โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 15 ก.ค. 2529 จนถึง 16 ก.ค. 2532
หลังจากพ้นตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ได้กลับมาทำงานเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2556 มูลนิธิควง อภัยวงศ์ ของพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัว โครงการพิมพ์เขียวประเทศไทย (Thailand Blueprint Initiative) และ สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (Future innovative Thailand : FIT) โดยดึงเอา ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธาน (อ่านประกอบ: สุรินทร์” นั่งประธาน ส.ออกแบบอนาคตไทย เตรียมร่างพิมพ์เขียวประเทศ)
โดยบทบาทของสถาบันแห่งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การสรรหาและนำเสนอแนวคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศในทุกมิติอย่างมีความชัดเจนรวมถึงในด้านการต่อต้านการทุจริตและการสร้างธรรมาภิบาล เพราะถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากไม่ทำ ประเทศไทยก็จะก้าวตามหลังประเทศอื่นๆไปเรื่อย
ในช่วงเวลาที่ ดร.สุรินทร์ ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในสถาบันดังกล่าวนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้เยาวชนนำเสนอว่าจะทำอย่างไรถึงจะปฏิรูปประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ในทุกๆด้านภายใต้ชื่อ โครงการ “คิดสร้างชาติ” ระดมความคิด แนวคิดคนรุ่นใหม่ ร่วมเปลี่ยนประเทศไทย โดยยึดถือหลักการว่าเยาวชนนั้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่จะอยู่ในประเทศนี้ต่อไปและจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นความเห็นของพวกเขาในวันนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
และ ดร.สุรินทร์ ก็ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวเรื่อยมาท่ามกลางกระแสข่าวการเมืองทั้งช่วงเดือน ม.ค.2559 ว่าหลังจากพ้นสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทางพรรคประชาธิปัตย์อาจจะส่ง ดร.สุรินทร์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และกระแสข่าวในช่วงเดือน ก.ค.2560 ว่า ดร.สุรินทร์ขานรับที่จะสมัครลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
จนกระทั่ง ดร.สุรินทร์ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2560 เวลา 15.00 น. ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลรามคำแหง สิริอายุได้ 68 ปี
และนับเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งของไทยและภูมิภาคอาเซียน!