- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- คำให้การ‘เฉลิม-ชัยสิทธิ์’คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.-ปัดเปิด ร.ร.สั่งลูกน้องส่งหัวคิว 2%
คำให้การ‘เฉลิม-ชัยสิทธิ์’คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช.-ปัดเปิด ร.ร.สั่งลูกน้องส่งหัวคิว 2%
เปิดคำให้การอดีต 2 บิ๊ก รพช. ‘เฉลิม พรหมเลิศ - ชัยสิทธิ์’ รองเลขาฯ คดีเรียกรับเงินซื้อขายเก้าอี้ คนแรกปัดเปิด รร.ทอแสง จ.อุบลฯ เรียกประชุมลูกน้อง 8 จว. สั่งส่งหัวคิว 2% - คนหลังแจงเหตุ ย้ายซี 9 ผู้ร้องเป็น อำนาจเลขาฯ เหตุถูกร้องเรียนปมสร้างถนน 2 สาย
กรณีเรียกรับสินบนการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการ สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลบุคคลที่อ้างว่า ถูกเรียกรับเงินในช่วงปี 2538-2540 มาเสนอไปแล้วหลายคน และนำคำให้การของ นายวรพจน์ (ขอปิดนามสกุล) อดีตเจ้าหน้าที่ รพช. ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. มารายงาน อ้างว่า เคยถูกผู้บังคับบัญชาเรียกรับเงิน เพื่อการโยกย้ายตำแหน่ง2 ครั้ง และระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงได้ให้นโยบายแก่ รพช.จังหวัด ว่า ต้องจัดส่งค่าบริหารงานจำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับในปีงบประมาณนั้น ๆ ให้แก่ส่วนกลาง (อ่านประกอบ : เบื้องหลังจ่าย 3 ล.! คำให้การ ซี 8 “นายให้นโยบายต้องจัดส่งค่าบริหารงาน 1%”)
คราวนี้มาดูคำให้การของ นายเฉลิม พรหมเลิศ อดีตเลขาธิการ รพช. และ นายชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์ อดีตรองเลขาฯ กันบ้าง ?
นายเฉลิมให้การต่อองค์คณะพนักงานไต่สวนของ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2555 ต่อคำถามของคณะพนักงานไต่สวน ที่ว่า
“ผู้กล่าวหาในเรื่องนี้อ้างว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2538 ท่านซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท เดินทางไปราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เรียกผู้กล่าวหา และ รพช.จังหวัดในเขตของศูนย์ รพช.จังหวัดขอนแก่น รวม 8 จังหวัด ไปประชุมที่โรงแรมทอแสง จ.อุบลราชธานี และได้บอกกับผู้กล่าวหาและ รพช.จังหวัดในทำนองว่า รพช. แต่ละจังหวัดมีงบประมาณสูง ต้องมีผลประโยชน์จากการประมูลการก่อสร้าง ต้องดูแลส่วนกลางอย่างน้อย 2% ของงบประมาณที่ได้รับจากทางราชการ รายละเอียดให้ไปพูดกับนายทวี ทวีวงศ์ ซึ่งขณะนั้น เป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ เป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร”
ตอบ : ไม่เป็นความจริง และในตำแหน่งเลขาธิการ รพช. ข้าฯ ต้องเดินทางไปตรวจราชการที่หน่วยในสังกัด รพช. ในท้องที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมหลายจังหวัด จึงจำไม่ได้ว่า เคยไปตรวจราชการที่ จ.อุบลราชธานี หรือไม่ นอกจากนี้ ตามเดือนมกราคม 2538 ที่กล่าวอ้าง ขณะนั้น ข้าฯ มีตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ รพช. และไม่มีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงาน รพช.
ถาม : ท่านเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งเลื่อน นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง ระดับ 8 และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง ระดับ 9 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2539 อย่างไร
ตอบ : นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ เป็นข้าราชการในสังกัดสำนักงาน รพช. ที่ข้าฯเป็นเลขาธิการ กรณีการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการจากระดับ 8 ขึ้นแต่งตั้งเป็นระดับ 9 รวมถึง นายประสิทธิ์ฯ เป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการคัดเลือกของกระทรวงเอง ข้าฯ ในฐานะเลขาธิการ รพช. และ อ.ก.พ. รพช. เพียงแต่เสนอข้อมูลประวัติการรับราชการและอื่นให้กระทรวงมหาดไทย ใช้ประกอบการพิจารณาเท่านั้น ซึ่งการเสนอแต่งตั้ง และการออกคำสั่งแต่งตั้ง การออกเลขคำสั่ง และลงวันที่ในคำสั่ง โดยวิธีปฏิบัติ เป็นความรับผิดชอบของกองการเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยที่จะเป็นผู้ดำเนินการ แล้วจึงส่งสำเนาคำสั่งแต่งตั้งมายังสำนักงาน รพช. เพื่อแจ้งให้ผู้ได้รับแต่งตั้งทราบ และกองการเจ้าหน้าที่ของ รพช. จะมีหน้าที่เก็บเอกสารคำสั่ง
ขณะที่ นายชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์ ให้การต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2556 จำนวน 7 คำถาม สาระสำคัญ อำนาจโยกย้ายนายประสิทธิ์เป็นของเลขาธิการ รพช. และเหตุที่โยกย้าย มาจากกรณีถูกร้องเรียนก่อสร้างถนน 2 สาย ไม่ได้มาตรฐาน กล่าวคือ
คำถามข้อ 5 : ท่านเกี่ยวข้องกับการย้ายสลับตำแหน่ง นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการศูนปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.สกลนคร เมื่อเดือนพฤษภาคม 2540 และไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ รพช. เมื่อเดือนตุลาคม 2540 และไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช. พุนพิน เมื่อเดือนตุลาคม 2543 ตามลำดับอย่างไร
ตอบ: ข้าฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาโยกย้ายสลับตำแหน่งนายประสิทธิ์ ดังกล่าว และกองการเจ้าหน้าที่ไม่เคยมีการนำเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริหารงานบุคคลของ รพช. พิจารณา จำได้ว่า นายประสิทธิ์ ถูกย้ายจากตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ฯ รพช.ขอนแก่น เนื่องจาก ถูกร้องเรียนเรื่องการก่อสร้างถนน 2 สายใน จ.ยโสธร ซึ่งเป็นงานในความรับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ที่นายประสิทธิ์เป็นผู้อำนวยการ โดยงานก่อสร้างถนนทั้ง 2 สาย ไม่ได้มาตรฐาน โดยถนนทั้ง 2 สายเป็นเงินงบประมาณของ รพช. ที่มอบให้ศูนย์ฯ รพช.ขอนแก่น ดำเนินการก่อสร้างเอง เมื่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จึงไม่สามารถนำมาขึ้นทะเบียนกับ รพช. ได้ จึงไม่สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการซ่อมบำรุงได้ เมื่อผู้ตรวจราชการ รพช. ไปตรวจพบและทาง รพช. สั่งการให้นายประสิทธิ์ ดำเนินการแก้ไขให้ได้มาตรฐาน นายประสิทธิ์ก็ไม่ได้ดำเนินการ จึงได้ถูกนายเฉลิม พรหมเลิศ เลขาธิการ รพช. ขณะนั้น มีคำสั่งให้ย้ายออกจากศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ไปศูนย์ปฏิบัติการ รพช.สกลนคร เป็นตำแหน่งระดับ 9 เช่นเดียวกันกับที่นายประสิทธิ์ดำรงอยู่ ก่อนจะย้ายให้มาเป็นผู้ตรวจราชการ รพช. ตามลำดับ ส่วนการสั่งให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.พุนพิน นั้น ข้าฯ ไม่ทราบ เพราะข้าฯ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ก่อนแล้ว
ข้อ 6. ถาม : การที่ นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ถูกโยกย้ายจากตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น ไปเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.สกลนคร ไปเป็นผู้ตรวจราชการ และไปเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.พุนพิน ตามลำดับ ถือเป็นการลดบทบาท ตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่หรือไม่ อย่างไร
ตอบ : นายประสิทธิ์ ยังคงมีตำแหน่งระดับ 9 และสิทธิประโยชน์ เช่นเดิม ไม่ได้ถูกลดระดับตำแหน่งและสิทธิประโยชน์ แต่อย่างใด เพียงแต่บทบาทภาระหน้าที่ของศูนย์ฯ สกลนคร และศูนย์ฯ พุนพิน จะมีน้อยกว่า เพราะเป็นศูนย์ขนาดเล็กที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ได้รับงบประมาณน้อยกว่า และมีผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยกว่า ส่วนตำแหน่งผู้ตรวจราชการ รพช. เป็นตำแหน่งที่มีภาระความรับผิดชอบหลากหลาย และมีอำนาจตรวจสอบศูนย์ฯ ได้ทุกศูนย์ เพียงแต่ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชา งบประมาณการก่อสร้าง เครื่องจักรกลต่าง ๆ ให้บริหารเหมือนดังศูนย์ฯ ในต่างจังหวัด ซึ่งเข้าใจว่า เป็นเพียงความรู้สึกของนายประสิทธิ์ เท่านั้น ว่าถูกลดบทบาท ตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่
ข้อ 7. ถาม : ตำแหน่งผู้อำนวยการกองเจ้าหน้าที่ รพช. โดยลำพัง จะสามารถดำเนินการให้ข้าราชการตำแหน่งระดับ 9 ไปดำรงตำแหน่งในจังหวัดที่มีความสำคัญ งบประมาณบริหารมาก ได้หรือไม่
ตอบ : การพิจารณาโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการรายใดไปจังหวัดใด เป็นอำนาจของเลขาธิการ รพช. โดยอาจพิจารณาประกอบความเห็นของคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของ รพช. ก่อนหรือไม่ก็ได้ และข้าฯ เห็นว่า ตำแหน่งผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการเสนอให้มีการโยกย้ายข้าราขการระดับ 9 ได้โดยลำพัง หากเลขาธิการ รพช. ไม่มีการสั่งลงมา
สำหรับกรณีนายประสิทธิ์ ข้าฯ เห็นว่า เลขาธิการ รพช. มีคำสั่งโยกย้ายนายประสิทธิ์ ออกจากศูนย์ฯ ขอนแก่น มีสาเหตุจากการก่อสร้างถนนใน จ.โสธร ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ยอมแก้ไข จึงได้มีคำสั้งโยกย้ายดังกล่าว
ประวัติการรับราชการ นายชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์ เคยเป็นผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงาน รพช. เมื่อปี 2531-2534 และเลื่อนเป็นรองเลขาธิการ รพช. ปี 2534 ถึงปี 2543 เป็นผู้ว่าฯ สกลนคร ปี 2544 และผู้ว่าฯ อุบลฯ และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทั่ง เกษียณอายุราชการเดือน ต.ค. 2548
กล่าวคือ สำหรับกรณีเรียกรับเงินใน รพช. แยกเป็น 2 คดี
คดีแรก นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น ร้องเรียนต่อคณะกรรมมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา นายทวี ทวีวงศ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดพัฒนาชนบทสกลนคร รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองเจ้าหน้าที่ (ระดับ 9) ว่า กระทำความผิดฐานเพื่อช่วยให้ผู้กล่าวหาดำรงตำแหน่งประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น ไม่ต้องย้ายไปประจำในท้องที่จังหวัดอื่น โดยผู้กล่าวหาได้นำเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เมื่อ 18 มี.ค. 2540 (การจ่ายเงินครั้งที่ 7 นายประสิทธิ์อ้างว่า จ่ายเงิน 8 ครั้ง รวม 28 ล้านบาท)
ส่วนกรณี นายประสิทธิ์กล่าวหา นายทวีกระทำการเรียกและรับเงินจากผู้ร้อง เพื่อช่วยให้ผู้ร้องเลื่อนตำแหน่ง เป็นระดับ 9 กระทำการเรียกและรับเงินจากข้าราชการอื่น เพื่อการโยกย้ายและเลื่อนตำแหน่ง กระทำการกลั่นแกล้งโยกย้ายผู้ร้องออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดพัฒนาชนบทขอนแก่น และดำเนินการทางวินัยกับผู้ร้อง และกล่าวหา นายประวิทย์ อริยกานนท์ว่า สนับสนุนช่วยเหลือนายทวีเรียกและรับเงินจากผู้ร้องและข้าราชการอื่น นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
คดีที่ 2 กรณี นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ยื่นฟ้อง นายทวี ทวีวงศ์ นายประวิทย์ อริยกานนท์ และ นายวีรชาติ อริยกานนท์ เจ้าของร้านร้านเอี่ยมแสงยนต์ ในข้อหาเรียกรับเงินจำนวน 3 ล้านบาท (โอนเงินผ่านบัญชีนายประวิทย์) เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนช่วยเหลือไม่ให้โจทก์ถูกโยกย้ายตำแหน่งมารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองระดับ 8 ในส่วนกลาง ต่อศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2559 และศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมา
คดีหลังนี้นายประสิทธิ์ยื่นฟ้องเอง ณ ขณะนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์
อ่านประกอบ :
ไทม์ไลน์ชัดๆ คดีเรียกรับ 3 ล. บิ๊ก รพช. 13 ปีในมือ ป.ป.ช.-ขาดอายุความ 1 ข้อหา
อดีตซี 9 ฟ้อง ผอ.รพช. อีกคดี!เรียกรับ 3 ล.- นักธุรกิจแจงแค่ยืมบัญชีโอนเงิน
เบื้องหลังจ่าย 3 ล.! คำให้การ ซี 8 “นายให้นโยบายต้องจัดส่งค่าบริหารงาน 1%”
พบอีก 2 ขรก. โผล่โอนเงินเข้าบัญชี'เสี่ย ป.'ใกล้ชิดบิ๊ก รพช. 3 ล. 'ไม่รู้ค่าอะไร'
เปิดใบโอนเงิน 3 ล้าน คดีสินบน รพช.
คำให้การลึก! คดีซื้อขายเก้าอี้ รพช. คนเดียวจ่ายยิบให้ ‘บิ๊ก’ 8 ครั้ง 28 ล้าน