- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดคำสั่งลับ ป.ป.ช.สอบ 2 นายทหาร-เมียนายพล คดีเงิน 39.9 ล.-12 คน“ล่องหน”
เปิดคำสั่งลับ ป.ป.ช.สอบ 2 นายทหาร-เมียนายพล คดีเงิน 39.9 ล.-12 คน“ล่องหน”
เปิดคำสั่ง ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการสอบทุจริต 2 นายทหาร–เมีย พล.ร.ต. คดีเอื้อเอกชนบริหารห้องเย็นสัตหีบเสียหาย 39.9 ล้าน อีก 12 คน 2 นายพลเรือตรี พลเรือเอก ไร้ชื่อ –สวนทาง ผลสอบ ก.คลัง ชุด“สุภา ปิยะจิตติ”ชี้ความผิดทางละเมิดผู้เกี่ยวข้อง 14 คน
กรณีคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ให้เอกชนเข้ามาบริหารกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ จนเกิดความเสียหาย 39,979,317.15 บาท ซึ่งกองทัพเรือได้ สอบสวนข้อเท็จจริง ให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 14 คน ตามผลการพิจารณาของ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งมี นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สินปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(อ่านประกอบ:เปิดผลสอบ ก.คลังชุด“สุภา”ฉบับเต็ม!ฟัน 14 นายทหาร คดีเงินห้องเย็น 39.9 ล. ,เปิดเช็ค 12 ฉบับ 36.9 ล. ชนวนเชือด 14 นายทหาร-พล.ร.อ.คดีเงิน“ห้องเย็น”ทร.)
ต่อมา พล.ร.ต.ธนินท์ จารุดุล ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ ทำการแทนผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ส่งเรื่องกล่าวโทษเอาผิดกับบุคคลจำนวน 3 คน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
1.พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้จัดการกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ
2.น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกิจการห้องเย็น
3.นางอังคณา แสงพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO หรือ KO ผักสด)
26 มิ.ย.55 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริง พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ และ น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ กรณีใช้อาจหน้าที่ดำเนินการให้มีการเบิกจ่ายเงินกองทุนสวัสดิการสัตหีบให้แก่ .นางอังคณา แสงพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO หรือ KO ผักสด) โดยมีนางอังคณา เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด เป็นเหตุให้ สวัสดิการสัตหีบ ได้รับความเสียหาย 39,979,317.15 บาท
กระทั่ง เมื่อ 21 ส.ค.55 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งที่ 317/2555 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมี นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ประธานอนุกรรมการ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเนื้อหาบางส่วนของคำสั่งดังกล่าวมาเสนอดังนี้
พฤติการณ์ในการกระทำความผิด
กิจการห้องเย็นเป็นกิจการหนึ่งในสวัสดิการสัตหีบ ซึ่งเป็นการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการของกองทัพเรือ เพื่อสนับสนุนกิจการทางทหารในด้านการบริการเสบียงให้กับหน่วยกำลังรบที่ออกปฏิบัติราชการโดยเฉพาะเรือของกองเรือยุทธการและให้การสนับสนุนแก่หน่วยต่างๆ ภายในกองทัพเรือโดยเฉพาะหน่วยกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ รวมทั้งการจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการและลูกจ้างกองทัพเรือ ในการบริหารงานนี้ผู้จัดการกิจการห้องเย็นเป็นผู้รับผิดชอบ
การดำเนินการจัดส่งเสบียงให้แก่หน่วยราชการต่างๆ ของกิจการห้องเย็นนั้น กิจการห้องเย็นจะรวบรวมความต้องการเสบียงที่หน่วยงานซึ่งเป็นลูกค้าของกิจการห้องเย็นเสนอมา แล้วคัดแยกประเภทเสบียง จากนั้นจะสั่งซื้อเสบียงดังกล่าวไปยังร้านค้าซึ่งกิจการห้องเย็น คัดเลือกไว้เพื่อให้จัดส่งเสบียงให้แก่กิจการห้องเย็นและเมื่อร้านค้านำเสบียงมาส่งที่กิจการห้องเย็น เวรประจำวันจะเป็นผู้ตรวจรับเสบียงแล้วนำส่งแก่หน่วยงานต่างๆที่สั่งซื้อเสบียงรับไว้ ร้านค้าที่ส่งเสบียงจะออกใบแจ้งนี้ เพื่อเรียกเก็บค่าเสบียงจากกิจการห้องเย็น จากนั้นกิจการห้องเย็นจะดำเนินการทางเอกสารขออนุมัติเบิกค่าเสบียงจากสวัสดิการสัตหีบ โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จัดซื้อ กรรมการตรวจรับพัสดุ เจ้าหน้าที่รับของเข้าคลังซึ่งเป็นการดำเนินการทางเอกสารให้ครบขั้นตอนการจัดซื้อ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้เมื่อได้รับอนุมัติเงินค่าเสบียงจากสวัสดิการสัตหีบ กิจการห้องเย็นจะออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าที่ส่งเสบียง โดยผู้จัดการกิจการห้องเย็น และนายทหารการเงินกิจการห้องเย็น จะลงชื่อร่วมกันเป็นผู้สั่งจ่าย การจัดซื้อเสบียงสด แผนกจัดส่งกิจการห้องเย็นเป็นผู้ดำเนินการ การเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานที่สั่งซื้อเสบียงจากกิจการห้องเย็น แผนกจัดส่งจะเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บ โดยให้เครดิตแก่หน่วยงานที่สั่งซื้อเสบียงเป็นเวลา 1 เดือน เมื่อเรียกเก็บเงินได้แผนกจัดส่งจะนำเขาบัญชีของสวัสดิการสัตหีบโดยตรง ส่วนรายที่ยังอยู่ระหว่างเรียกเก็บเงิน หรือยังเก็บเงินไม่ได้ จะปรากฏในรายการลูกหนี้ของกิจการห้องเย็น และรวบรวมเสนอคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบทราบในการประชุมประจำเดือน
ประมาณเดือนเมษายน 2549 พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น ผู้จัดการกิจการห้องเย็นในขณะนั้น และพล.ร.ท.ชาญชัย เจริญสุวรรณ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบในขณะนั้น เป็นผู้ให้ร้าน KO เข้ามาดำเนินการส่งเสบียงให้แก่กิจการห้องเย็น ประมาณเดือนมี.ค.50 ผู้จัดการกิจการห้องเย็นได้ให้ร้าน KO จัดส่งเสบียงให้แก่กิจการห้องเย็นเพียงร้านเดียว ต่อมาประมาณเดือนกรกฎาคม2550 ผู้จัดการกิจการห้องเย็น เห็นว่ารายได้ ในส่วนของร้านค้าของกิจการลดลงเรื่อยๆ จึงเชิญนางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO) มาปรึกษา เพื่อที่หาหนทางในการเพิ่มรายได้ ให้กับกิจการห้องเย็น ร้าน KO ได้เสนอนำลูกค้าของตนเองเข้ามาร่วมดำเนินการด้วย โดย ร้าน KO จะเป็นผู้ดำเนินการส่งเสบียงและเก็บเงินจากลูกค้าด้วยตนเอง เมื่อ ร้าน KO จัดส่งเสบีงให้แก่ลูกค้าแล้ว ก็จะให้กิจการห้องเย็นจ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ ร้าน KO ก่อน เมื่อร้าน KO เก็บเงินจากลูกค้าได้ ก็จะนำส่งคืนเงินทุนพร้อมผลกำไร จากเดิมร้อยละ 1 ต่อเดือน ปรับเป็นร้อยละ 2.5 ต่อ 2 เดือน และร้อยละ 4.5 ต่อ 3 เดือน การให้ ร้าน KO เข้ามาดำเนินการในลักษณะที่กิจการห้องเย็นให้ทุนสนับสนุน ร้าน KO นี้ไม่มีการทำสัญญา หรือข้อตกลงต่อกัน ในการจ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ ร้าน KO นั้น ร้าน KO จะทำแจ้งหนี้ เป็นรายการเสบียง ที่ร้าน KO จัดส่งให้แก่ร้านค้าต่างๆ มีหัวกระดาษ เป็น ร้าน KO ขอเบิกเงินทุนค่าเสบียง จากกิจการห้องเย็น กับใบเรียกเงินจากลูกค้าของร้าน KO ที่ ร้าน KO ส่งเสบียงให้มีหัวกระดาษเป็นของกิจการห้องเย็น มีรายการเสบียงตรงกับใบแจ้งหนี้ แตกต่างกันแค่จำนวนเงิน ซึ่งในใบเรียกเก็บจะบวกผลตอบแทนที่ร้าน KOจะต้องจ่ายให้แก่กิจการห้องเย็นไว้ เมื่อได้รับเอกสารทั้ง 2 ฉบับ น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ หัวหน้าจัดส่งกิจการห้องเย็น จะดำเนินการตรวจสอบและลงชื่อรับรองในใบแจ้งหนี้ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนทางเอกสารให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ลงชื่อเสนอขอเบิกเงินค่าเสบียงจ่ายให้แก่นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO) เหมือนกับการซื้อเสบียงตามปกติ สำหรับใบเรียกเก็บหัวกระดาษกิจการห้องเย็นนั้น น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ จะเก็บไว้เพื่อตรวจสอบจำนวนเงิน เมื่อ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ นำเงินมาส่งคืนให้แก่กิจการห้องเย็น ซึ่งในระยะแรกจะจะส่งคืนเงินสด
ต่อมาเมื่อ ต.ค. 50 พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น ย้ายไปปฏิบัติราชการที่อื่น และ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ได้ย้ายมาเป็นผู้จัดการกิจการห้องเย็น น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ หัวหนาฝ่ายจัดส่งเสบียงซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเอกสาร และเรียกเก็บเงินจากร้าน KO เห็นว่าจำนวนเงินทุนค่าเสบียงมีสูงอาจมีปัญหา ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ จึงเห็นควรให้มีการทำข้อตกลงหรือสัญญาต่อกันไว้ ในระหว่างที่ยังไม่ได้ดำเนินการทำข้อตกลงหรือสัญญา พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ได้สั่งให้ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO)ออกเช็คล่วงหน้าตามจำนวนที่ร้าน KO จะต้องชำระเพื่อให้สามารถเรียกเก็บเงินได้ โดยเมื่อ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ รับเงินค่าเสบียงจากกิจการห้องเย็น ก็จะออกเช็คล่วงหน้าสั่งจ่ายเงินตามจำนวนที่จะต้องจ่ายคืนตามกำหนดเวลาให้ไว้แก่กิจการห้องเย็น เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระ น.ต.พุทธิวัฒน์ วรรณะทัศน์ จะนำเช็คล่วงหน้าดังกล่าวไปขึ้นรับเงิน และนำเงินเข้าบัญชีสวัสดิการสัตหีบ
ประมาณมิถุนายน 2551 สำนักตรวจสอบภายในทหารเรือ ได้แจ้งผลการตรวจสวัสดิการสัตหีบ และเสนอแนะให้กิจการห้องเย็น ทำบันทึกข้อตกลงหรือสัญญาในการดำเนินการกับ ร้าน KO โดยกำหนดให้มีบทปรับและหลักประกันสัญญาด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกเก็บเงินไม่ได้ พล.ร.ท.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ และประธานกรรมการสวัสดิการสัตหีบในขณะนั้น พล.ร.ต.มนต์รักษ์ นิลกลัด รองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ และรองประธานกรรมการสวัสดิการสัตหีบเห็นควรทำสัญญากับ ร้าน KO โดยมีเงื่อนไขสำคัญรวม 6 ข้อ ที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้มีมติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2551 ให้กิจการห้องเย็นทำสัญญากับร้าน KO ตามเงื่อนไขใน 6 ข้อ แต่ก็ไม่ได้มีการทำสัญญา หรือข้อตกลงกับ ร้าน KO โดยไม่ทราบสาเหตุ
จนกระทั่ง ตุลาคม 2552 พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ และประธานกรรมการสวัสดิการสัตหีบ และพล.ร.ต.ชนินทร์ ชุณหรัชพันธุ์ ได้มาเป็นกิจการห้องเย็น พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร เห็นว่าเงินทุนหมุนเวียนของสวัสดิการสัตหีบขาดสภาพคล่อง เนื่องจากมีเงินทุนหมุนค้างอยู่ที่ ร้าน KO จำนวนมาก จึงสั่งระงับการจ่ายเงินทุนค่าเสบียงแก่ ร้าน KO หลังจากนั้น ร้าน KO ก็มิได้จ่ายเงินทุนที่ได้รับไปโดยสั่งระงับการจ่ายเงิน ตามเช็คล่วงหน้าที่ให้ไว้แก่กิจการห้องเย็น จำนวน 12 ฉบับ รวมเป็นเงิน 36,850,053.10 บาท กับเงินทุนจำนวน 3,029,264.05 บาท ที่รับไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกเช็คล่วงหน้า รวมเป็นเงินที่ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ (ร้าน KO) ยังไม่ได้คืนให้แก่สวัสดิการสัตหีบ เป็นเงิน 39,979,317.15 บาท
ฐานความผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และบทมาตราที่เกี่ยวข้อง
ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงแต่งตั้งให้ คณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ประกอบด้วยองค์คณะบุคคลดังต่อไปนี้
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ประธานอนุกรรมการ (มีกรรมการอีก 4 คน)
………………..
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2555
ลงชื่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
น่าสังเกตว่า กล่าวโทษของกองทัพเรือต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.และการตั้งอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ตามคำสั่งข้างต้น ไม่ปรากฏชื่อ “บุคคล” 12 คน ตามผลสอบสวนของกระทรวงการคลังในคดีความผิดทางละเมิดที่ระบุผู้เกี่ยวข้องและต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 2 กลุ่ม รวม 14 คน (รวม พล.ร.ต.สุรชัย และ น.ต.พุทธิวัฒน์) อาทิ พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น อดีตผู้จัดการกิจการห้องเย็น และ กลุ่ม เจ้าหน้าที่ที่กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง 11 คน อาทิ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นต้น
สำหรับ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ เป็นภรรยาของพล.ร.ต.คนหนึ่งมีตำแหน่งรองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ
อ่านประกอบ:
14 นายทหาร-พลเรือเอก พันคดีเงิน“ห้องเย็น”39.9 ล.-ส่ง ป.ป.ช.สอบแค่ 2 คน
ฟ้องแหลกบิ๊ก ทร.คดียกกิจการห้องเย็นให้เอกชนบริหารสูญ 39.9 ล. โยนผิดลูกน้อง
(ดูเอกสารผลสอบประกอบ)