เปิดผลสอบ ก.คลังชุด“สุภา”ฉบับเต็ม!ฟัน 14 นายทหาร คดีเงินห้องเย็น 39.9 ล.
เปิดผลวินิจฉัย ก.คลัง ชุด“สุภา ปิยะจิตติ”ฉบับเต็ม เชือดรายคน 14 นายทหาร-พลเรือเอก เอื้อเอกชนบริหารกิจการห้องเย็น ทร.สูญ 39.9 ล. ซัดร่วม ร้าน KO อำพรางกู้เงินไปใช้กิจการอื่น ไม่ได้ลงทุนจริง ทำโดยพลการไม่ผ่านความเห็นบอร์ดสวัสดิการสัตหีบ
กรณีคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ให้เอกชนเข้ามาบริหารกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ จนเกิดความเสียหาย 39,979,317.15 บาท ซึ่งกองทัพเรือได้ สอบสวนข้อเท็จจริง ให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 14 คน ตามผลการพิจารณาของ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่งมี นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สินปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(อ่านประกอบ: 14 นายทหาร-พลเรือเอก พันคดีเงิน“ห้องเย็น”39.9 ล.-ส่ง ป.ป.ช.สอบแค่ 2 คน)
จนนำมาสู่การ ฟ้องร้องผู้บัญชาการกองทัพเรือกับพวกเป็นจำเลยต่อศาลปกครองระยองขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ของน.ต. พุฒิวัฒน์ วรรณะทัศน์ หัวหน้าฝ่ายกิจการห้องเย็น โดยอ้างว่าไม่เป็นธรรม
(อ่านประกอบ:ฟ้องแหลกบิ๊ก ทร.คดียกกิจการห้องเย็นให้เอกชนบริหารสูญ 39.9 ล. โยนผิดลูกน้อง)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายงานผลการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ของนางสาวสุภา ปิยะจิตติ ส่งให้ ปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อ 11 มี.ค.56 มีเนื้อหาสาระดังนี้
กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงปรากฏว่ากิจการห้องเย็นถูกจัดตั้งขึ้นตามระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการกองทัพเรือ ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในกองทัพเรือ พ.ศ.2549 โดยมีวัตถุประสงค์ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่าง ๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 คือ เพื่อสนับสนุนกิจการทหารในด้านการบริการเสบียงให้กับหน่วยกำลังรบที่ออกปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะเรือของกองเรือยุทธการ และให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานต่าง ๆ ภายในกองทัพเรือ โดยเฉพาะหน่วยกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ รวมทั้งจำหน่ายเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการและลูกจ้างกองทัพเรือ ต่อมาเมื่อการประกอบกิจการห้องเย็นประสบปัญหาผลกำไร ไม่คุ้มกับการลงทุน คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ตามระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการกองทัพเรือ ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในกองทัพเรือ พ.ศ.2549 มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย แผนงาน งบประมาณ อำนวยการและจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ ควบคุมดูแลการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการให้เป็นไปตามนโยบายและระเบียบที่กำหนด จึงปรับการบริหารงานใหม่ที่จะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ โดยในเบื้องต้นได้มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริษัท ซีพี หรือเครือสหพัฒน์ เข้ามาดำเนินการ แต่จากการหาข้อมูลและเปรียบเทียบระหว่าง 2 บริษัท แล้วมีความเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก ให้กิจการห้องเย็นยังคงดำเนินการเอง โดยสั่งสินค้าจากทั้ง 2 บริษัท เข้ามาจำหน่าย แนวทางที่สอง ให้บริษัท ซีพี เข้ามาดำเนินการทั้งหมด
แต่ภายหลังปรากฏว่า กิจการห้องเย็นเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ในคราวการประชุมครั้งที่ 12/2549 พิจารณาว่า ร้าน K.O. ผักสด ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเสบียงให้หน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือบางหน่วยได้เสนอขอร่วมลงทุนในการดำเนินการส่งเสบียงให้กับหน่วยต่าง ๆ โดยบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านการลงทุน การจัดส่ง ซึ่งในเบื้องต้นกิจการห้องเย็นพิจารณาแล้วมีความเหมาะสม ที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบพิจารณาแล้ว เห็นชอบให้กิจการห้องเย็นพิจารณาการบริหารกิจการจัดซื้อเสบียงและห้องแช่ให้เกิดผลประโยชน์กับกิจการอย่างสูงสุด กิจการห้องเย็นจึงได้ให้ร้าน K.O ผักสด ดำเนินการจัดส่งเสบียงให้แก่กิจการห้องเย็น เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2550 โดยในการส่งเสบียงสดให้แก่กิจการห้องเย็น ในช่วงแรกจะเป็นเช่นเดียวกับการที่ร้านค้าอื่นจัดส่งเสบียงตามปกติ เพื่อให้กิจการห้องเย็นนำไปส่งให้แก่หน่วยงานและส่วนราชการ ซึ่งเป็นลูกค้าของกิจการห้องเย็น แล้วกิจการห้องเย็นจะจ่ายค่าเสบียงให้กับร้าน K.O.ผักสด จากนั้นกิจการห้องเย็นจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าเสบียงจากหน่วยงานและส่วนราชการ ซึ่งเป็นลูกค้าโดยตรง โดยคิดกำไรบวกไปในการเก็บเงินในอัตรา 5-7% ของราคาซื้อกับยินยอมให้เครดิตแก่หน่วยงานและส่วนราชการซึ่งเป็นลูกค้าประมาณ 1 เดือน
ต่อมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 กิจการห้องเย็นได้ดำเนินการพลการ โดยมิได้แจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบทราบว่า กิจการห้องเย็นให้ร้าน K.O. ผักสด เป็นผู้ส่งเสบียงและเก็บเงินจากลูกค้าเอง โดยมีการตกลงกันให้ร้าน K.O.ผักสดต้องจ่ายผลประโยชน์คืนให้แก่กิจการห้องเย็นในอัตราร้อยละ 1 ต่อเครดิต 1 เดือน และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นอัตราร้อยละ 2.5 ต่อเครดิต 2 เดือน และอัตราร้อยละ 4.5 ต่อเครดิต 4 เดือน จากข้อตกลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การจัดซื้อเสบียงเพื่อส่งให้ลูกค้า กิจการห้องเย็นไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อเสบียงเอง แต่การจัดซื้อเสบียงเป็นการดำเนินการของร้าน K.O. ผักสดที่ต้องดำเนินการโดยลำพัง และจัดเก็บเงินจากลูกค้าเอง จึงไม่มีกรณีที่กิจการห้องเย็นจะต้องสั่งซื้อเสบียงและตรวจรับสินค้าที่สั่งซื้อ เนื่องจากจะขัดกับการปฏิบัติจริง นอกจากนี้เมื่อกิจการห้องเย็นจ่ายเช็คให้แก่ร้าน K.O. ผักสดและร้าน K.O. ผักสด ได้ชำระคืนเป็นเช็คให้กิจการห้องเย็นไปแล้วก็ไม่ได้เร่งดำเนินการนำเข้าบัญชี เพื่อเบิกจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งมีการจ่ายเงินให้ร้าน K.O. ผักสดไปเป็นจำนวนมาก แต่เงินที่ร้าน K.O. ผักสดค้างชำระเงินที่ต้องจ่ายคืนพร้อมค่าตอบแทนกลับไม่เร่งดำเนินการ จึงส่งผลให้เงินทุนค้างอยู่ที่ร้าน K.O. ผักสดเป็นจำนวนมาก
พฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ในกิจการห้องเย็น ที่เกี่ยวข้องเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ร้าน K.O. ผักสด มีเงินไปหมุนเวียนประกอบกิจการได้โดยที่กิจการห้องเย็น ไม่มีการตรวจสอบว่า ร้าน K.O. ผักสด นำเงินไปดำเนินการกิจการใด ภายหลังเมื่อ พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร (ยศในขณะนั้น) ได้มารับหน้าที่ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสันหีบพิจารณาแล้วเห็นว่า กิจการห้องเย็นมีลูกหนี้ค้างชำระมากและเงินทุนหมุนเวียนของสวัสดิการสัตหีบขาดสภาพคล่อง จึงได้สั่งระงับการดำเนินการกับร้าน K.O.ผักสด ซึ่งหลังจากสวัสดิการสัตหีบได้ระงับการดำเนินการแล้ว ร้าน K.O. ผักสดได้สั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คล่วงหน้าที่ร้าน K.O.ผักสดจ่าย เพื่อเป็นหลักประกันการรับเงินค่าเสบียงที่รับไปแล้วจากกิจการห้องเย็นคืนให้แก่กิจการห้องเย็นเป็นเช็คจำนวน 12 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น 36,950,053 บาท กับเงินที่ร้าน K.O.ผักสด รับไปแล้วแต่ยังไม่ได้จ่ายเช็คอีกจำนวน 3,035,250 บาท รวมเป็นเงินที่ร้าน K.O.ผักสดต้องจ่ายคืนจำนวน 39,985,303 บาท จึงเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย ซึ่งพิจารณาการกระทำและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ ดังนี้
1.เจ้าหน้าที่ผู้กระทำโดยจงใจให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
1.1 พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น ดำรงตำแหน่งผู้จัดการกิจการห้องเย็น ถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ กำกับ ดูแล แผนงานและการปฏิบัติงานของกิจการ อำนวยการและสั่งการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการงบประมาณ ของกิจการห้องเย็นให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รับผิดชอบในการสั่งให้จ่ายเงินหรืออนุมัติการจัดซื้อ จัดจ้าง ก่อหนี้ผูกพัน หรือกระทำการใด ๆ ไปโดยพลการ ซึ่งเป็นการผิดระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตามนัยระเบียบสวัสดิการสัตหีบว่าด้วยการเงินและการบัญชี กองทุนสวัสดิการสัตหีบ พ.ศ.2543 ประกอบกับคำสั่งสวัสดิการสัตหีบที่ 61/2547 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 เรื่องการมอบอำนาจสั่งการและทำการแทนในนามประธานกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ในฐานะมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย แผนงาน และงบประมาณ อำนวยการ และจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ เห็นว่าการประกอบกิจการห้องเย็นประสบปัญหาผลกำไรไม่คุ้มกับการลงทุนจึงปรับการบริหารงานใหม่ที่จะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น ผู้จัดการกิจการห้องเย็นในขณะนั้นได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสัตหีบเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2549 ว่า ร้าน K.O. ผักสด ได้เสนอร่วมทุนในการดำเนินการส่งเสบียงให้กับหน่วยต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทนี้เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเสบียงให้หน่วยต่างๆ ในกองทัพเรือบางหน่วยทางบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนการจักส่ง ในเบื้องต้นกิจการห้องเย็นพิจารณาแล้วมีความเหมาะสม คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้มีมติเห็นชอบให้กิจการห้องเย็นพิจารณาการบริหารกิจการให้เกิดประโยชน์อย่างสูง กิจการห้องเย็นโดย พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น ผู้จัดการขณะนั้นจึงได้ให้ ร้าน K.O. ผักสด ร่วมดำเนินการจัดส่งเสบียงให้กับกิจการห้องเย็นตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 เป็นต้นมา
แต่ในการดำเนินการในช่วงแรก เป็นการดำเนินการให้ร้าน K.O. ผักสด จัดส่งเสบียงเหมือนเช่นร้านค้าอื่นจัดส่งเสบียงให้แก่กิจการห้องเย็น แล้วกิจการห้องเย็นจะดำเนินการเรียกเก็บเงินกับลูกค้าเอง ต่อมามีการกำหนดข้อตกลงด้วยวาจาว่ากิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบต้องจ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ร้าน K.O. ผักสด เพียงอย่างเดียว และร้าน K.O. ผักสด จะดำเนินการจัดส่งเสบียงพร้อมเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเอง แต่ร้าน K.O. ผักสด จะให้ผลประโยชน์แก่กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบร้อยละ 1 ต่อเครดิต 1 เดือน พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น จึงให้ ร้าน K.O. ผักสด เริ่มดำเนินการตามข้อตกลงใหม่ ในเดือนมีนาคม 2550 โดยไม่ปรากฏว่า ที่ประชุม คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้รับทราบหรืออนุญาตในเรื่องให้กระทำได้ ซึ่งการดำเนินการของ พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น นี้ ส่งผลทำให้กิจการห้องเย็นจ่ายเงินให้กับร้าน K.O. ผักสดไปเป็นเงินจำนวน 39,979,317.15 บาท อีกทั้งการดำเนินการดังกล่าวนั้น เป็นการดำเนินการโดยพลการ และมิใช่เป็นการร่วมดำเนินกิจการตามปกติ
เนื่องจากกิจการห้องเย็นไม่มีส่วนร่วมในการบริหารหรือดำเนินการกับร้าน K.O. ผักสด เพียงแต่จ่ายเงินทุนให้และรับผลประโยชน์ตอบแทนจากร้าน K.O. ผักสด ซึ่งเป็นการให้เอกชนกู้ยืมเงินของทางราชการ ไปหมุนเวียน อันเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 เมื่อ การให้ยืมเงินทุนแก่บุคคลภายนอกไม่มีระเบียบของทางราชการให้กระทำได้ การกระทำของผู้จัดการกิจการห้องเย็นร้าน K.O. ผักสดจึงเป็นการร่วมมือกัน ใช้วิธีหลีกเลี่ยง โดยอาศัยขั้นตอนวิธีการจ่ายค่าเสบียงตามปกติมาดำเนินการเพื่อให้สามารถจ่ายเงินทุนให้แก่ร้าน K.O. ผักสด ได้ ประกอบกับ หากเป็นการซื้อเสบียงกันจริง เมื่อกิจการห้องเย็นระงับการดำเนินการ ร้าน K.O. ผักสด ย่อมสามารถเก็บเงินค่าเสบียงที่ได้จัดส่งให้กับร้านค้าและนำเงินมาคืนให้แก่กิจการห้องเย็นได้ การที่ร้าน K.O. ผักสด ไม่สามารถจ่ายคืนเงินค่าเสบียงให้แก่สวัสดิการสัตหีบได้ แสดงว่า ร้าน K.O. ผักสด ไม่ได้นำเงินไปจัดซื้อเสบียงจริง แต่นำไปใช้ในกิจการอย่างอื่น แสดงให้เห็นว่า การร่วมดำเนินการจัดส่งเสบียงเป็นวิธีการอำพราง การให้กู้ยืมเงินตามเจตนาที่แท้จริง พฤติการณ์ถือได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ร้าน K.O. ผักสด เป็นการจงใจกระทำละเมิดเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
1.2 พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้จัดการกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ ระหว่างเดือนตุลาคม 2550-2552 มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ กำกับ ดูแล แผนงานและการปฏิบัติงานของกิจการ อำนวยการและสั่งการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการงบประมาณ ของกิจการห้องเย็น ให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รับผิดชอบในการสั่งให้จ่ายเงินหรืออนุมัติการจัดซื้อ จัดจ้างก่อหนี้ผูกพัน หรือกระทำการใดๆ ไปโดยพลการ ซึ่งเป็นการผิดระเบียบแบบแผนของทางราชการตามนัยระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการเงินและการบัญชี กองทุนสวัสดิการสัตหีบ พ.ศ.2543 ประกอบคำสั่งสวัสดิการสัตหีบ ที่ 61/2547 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 เรื่องการมอบอำนาจสั่งการ และทำการแทน ในนามประธานกรรมการสวสัสดิการสัตหีบ ซึ่งนับแต่ พล.ร.ต. สุรชัย โภคามาศ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการ กิจการห้องเย็นต่อจาก พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น นั้น พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ได้รับทราบการดำเนินการของกิจการห้องเย็นกับร้าน K.O. ผักสด ว่ากิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบต้องจ่ายเงินทุนค่าเสบียงให้แก่ร้าน K.O. ผักสด และร้านจะดำเนินการจัดส่งเสบียงพร้อมกับเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเอง แต่ร้าน K.O. ผักสด จะให้ผลประโยชน์แก่ กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ ร้อยละ 1 ต่อเครดิต 1 เดือน ซึ่งเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ ของกิจการห้องเย็น โดยไม่มีระเบียบของทางราชการให้ดำเนินการได้ตั้งแต่แรก แต่ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ กลับยอมให้ร้าน K.O. ผักสด ดำเนินการดังกล่าวต่อไปโดยไม่ปรากฏว่ามีการระงับการดำเนินการดังกล่าวหรือแจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังปรากฎว่า ภายหลังจากที่ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ มาดำรงตำแหน่งผู้จัดการกิจการห้องเย็นแล้วได้มีการปรับผลตอบแทนขึ้นอีก จากอัตราร้อยละ 1 ต่อ เครดิต 1 เดือน เป็นร้อยละ 2.5 ต่อเครดิต 2 เดือน และร้อยละ 4.5 ต่อ เครดิต 4 เดือน แม้ต่อมา พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ จะได้จัดให้มีการวางเช็คเป็นหลักประกันก็ตาม แต่เมื่อสำนักงาน ตรวจสอบภายในทหารเรือได้ได้ทักท้วงให้มีการทำสัญญาแล้ว พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ก็มิได้เร่งรัดดำเนินการให้มีการจัดทำสัญญาโดยเร็ว และเมื่อพบข้อขัดข้องก็มิได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ อีกทั้งไม่ได้เร่งรัดการติดตามเงินค่าเสบียงตามเวลาที่กำหนด จนเป็นเหตุให้กิจการห้องเย็นไม่สามารถรับเงิน ตามเช็ค เป็นเช็คจำนวน 12 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น36,950,053 บาท กับเงินที่ร้าน K.O. ผักสด รับไปแล้วแต่ยังไม่ได้จ่ายเช็คอีกจำนวน 3,035,250 บาท รวมเป็นเงินที่ร้าน K.O. ผักสด ต้องจ่ายคืนจำนวน 39,985,303 บาท พฤติการณ์ถือว่าเป็นการจงใจกระทำละเมิดเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
1.3 น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง เป็นผู้ตรวจสอบเงินที่จะต้องจ่ายให้แก่ร้าน K.O. ผักสด และจำนวนเงินที่ร้าน K.O. ผักสด จะต้องจ่ายคืนให้แก่กิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ ตามอัตราที่ตกลงกัน ตลอดจนดูแลการจ่ายเงินและเป็นผู้รับเงินจากร้าน K.O. ผักสด ที่จ่ายเป็นเช็ค จากนางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ เพื่อนำเข้าบัญชีสวัสดิการสัตหีบ โดยทีกิจการห้องเย็นได้ทำการตกลงให้ร้าน K.O. ผักสด เป็นผู้จัดส่งเสบียงพร้อมกับเป็นผู้เก็บเงินจากลูกค้าเอง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 โดยร้าน K.O. ผักสด ต้องจ่ายผลประโยชน์ คืนกิจการห้องเย็น ในอัตรา ร้อยละ 1 ต่อเครดิต 1 เดือน และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นอัตราร้อยละ 2.5 ต่อเครดิต 2 เดือน และอัตราร้อยละ 4.5 ต่อเครดิต 4 เดือน จากข้อตกลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การจัดซื้อเสบียงเพื่อส่งให้ลูกค้า กิจการห้องเย็นไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการการจัดซื้อเสบียงเอง แต่การจัดซื้อเสบียงเป็นการดำเนินการของร้าน K.O. ผักสด ที่ต้องดำเนินการโดยลำพัง และจัดเก็บเงินจากลูกค้าเอง จึงไม่มีกรณีที่กิจการห้องเย็นจะต้องสั่งซื้อเสบียงและตรวจรับสินค้าที่สั่งซื้อ เนื่องจากจะขัดกับการปฏิบัติจริง แต่ในการดำเนินการของ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ กลับได้ลงนามรับรองความถูกต้องของเอกสารที่ร้าน K.O. ผักสด จัดทำขึ้น ซึ่งประกอบด้วยใบแจ้งหนี้/ใบส่งของ การตรวจรับของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ เป็นหลักฐานในการรับเงินค่าเสบียงจากกิจการห้องเย็น โดยที่ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ รู้อยู่แล้วว่า ทางกิจการห้องเย็นไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อเสบียงและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่ได้มีการตรวจรับสินค้าจริง เพราะเป็นการดำเนินกิจการของร้าน K.O. ผักสด ทั้งหมด และเมื่อรับเช็คของนางอังคณา แสงเพ็ชร มาแล้วก็ไม่ได้เร่งดำเนินการนำเข้าบัญชีเพื่อเบิกจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งมีการจ่ายเงินให้ร้าน K.O. ผักสด ไปเป็นจำนวนมาก แต่เงินที่ร้าน K.O. ผักสด ค้างชำระเงินที่ต้องคืนและจ่ายค่าตอบแทนกลับไม่เร่งดำเนินการ ซึ่งพฤติการณ์เป็นการเอื้อประโยชน์ ให้ร้าน K.O. ผักสด มีเงินไปหมุนเวียนประกอบกิจการได้ โดยที่กิจการห้องเย็น ไม่มีการตรวจสอบว่าร้านนำเงินไปดำเนินกิจการใด จนเป็นเหตุให้กิจการห้องเย็น ไม่สามารถรับเงินตามเช็คจำนวน 12 ฉบับ เป็นเงิน 36,950,053 บาท และรวมกับเงินที่ร้าน K.O. ผักสด รับไปแล้วยังไม่ได้รับคืนอีก 3,035,250 บาท รวมเป็นเงินที่ร้าน K.O. ผักสด ต้องจ่ายคืนจำนวน 39,985,303 บาท พฤติการณ์ ถือเป็นการจงใจกระทำละเมิดเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
พฤติการณ์การกระทำของ พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ และ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ เป็นการร่วมกันกระทำผิดโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น เป็นการจงใจกระทำละเมิด และเมื่อพิจารณาพฤติการณ์การกระทำของ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ และ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ แล้ว เห็นว่ามีส่วนกระทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า จึงให้ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ และ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 80 ของความเสียหายจำนวน 39,979,317.15 บาท คิดเป็นเงิน 31,983,453.72 บาท และ พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย 39,979,317.15 บาท คิดเป็น 7,995,863.43 บาท ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.เจ้าหน้าที่ที่กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบครั้งที่ 12/2549 กิจการห้องเย็นได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณากรณี บริษัท เคโฮม จำกัด ( ร้าน K.O. ผักสด) ได้เสนอร่วมดำเนินการส่งเสบียงให้กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งบริษัทนี้เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเสบียงให้หน่วยต่างๆ ในกองทัพบางหน่วยอยู่แล้ว และบริษัทมีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนการจัดส่ง ในเบื้องต้นกิจการห้องเย็นพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบพิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบให้กิจการห้องเย็นดำเนินการโดยให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับกิจการ ต่อมาปรากฏว่า กิจการห้องเย็นได้ให้ร้าน K.O. ผักสด จะจ่ายผลประโยชน์ ตอบแทนให้ในอัตราร้อยละ 1 ต่อ เดือน และได้ปรับเปลี่ยนผลประโยชน์ เป็นอัตราร้อยละ 2 .5 ต่อเครดิต 2 เดือน และอัตรา ร้อยละ 4.5 ต่อเครดิต 4 เดือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวผู้จัดการกิจการห้องเย็นได้ดำเนินโดยพลการและไม่ปรากฎว่าคณะกรรมการ สัตหีบมีมติ เห็นชอบกับการดำเนินกิจการของห้องเย็นดังกล่าว แต่เนื่องจาก การดำเนินการระหว่างกิจการห้องเย็นกับร้าน K.O. ผักสด ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการให้เอกชนกู้ยืมเงินของทางราชการไปหมุนเวียน อันเป็นการกระทำนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น และไม่มีกฎหมายหรือระเบียบให้กระทำได้ กิจการห้องเย็นจึงได้อาศัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จัดให้มีการเบิกจ่ายเงินแก่ร้าน K.O. ผักสด ให้เป็นผลสำเร็จด้วยการแต่งตั้งกรรมการตรวจรับพัสดุ จัดทำรายงานผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุ และใบขอรับเงิน อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักตรวจสอบภายในของกองทัพเรือได้เข้ามาตรวจสอบแล้วมีความเห็นให้มีการจัดทำสัญญากับร้านดังกล่าว
แต่ พล.ร.ท.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ (ขณะนั้น) ก็มิได้สั่งระงับการดำเนินการดังกล่าวไว้ ซึ่งเมื่อ พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร เข้ารับตำแหน่ง ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ต่อจาก พล.ร.ท.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ แล้ว จึงมิได้มีการระงับ การดำเนินการจัดส่ง เสบียงระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน K.O. ผักสด และภายหลังที่มีการระงับการดำเนินกิจการกับ ร้าน K.O. ผักสด แล้ว พบว่ามีเงินที่ ร้าน K.O. ผักสด ยังไม่ได้จ่ายคืนให้กิจการห้องเย็นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 39,979,317.15 บาท จึงเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อพิจารณาถึงความเป็นธรรมและระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำแล้ว จึงให้เจ้าหน้าที่ผู้กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงรับผิด ชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายจำนวน 39,979,317.15 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 19,989,658.56 บาท ซึ่งพิจารณาการกระทำและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
2.1.น.ท.วัลลภ มูซอ หัวหน้าการเงินกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ มีหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารการเงินและการบัญชีของกิจการห้องเย็น ตรวจสอบเอกสารหลักฐานการเบิกเงินที่แผนกต่างๆ ในกิจการห้องเย็นเสนอขอเบิกเงิน ให้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการแต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า น.ท.วัลลภ มูซอ เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารการขอเบิกเงินเพื่อให้ครบขั้นตอน การเบิกจ่ายเงินตามระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กิจการห้องเย็น เบิกจ่ายเงินให้กับ ร้าน K.O. ผักสด ได้ ทั้งที่การดำเนินการของกิจการห้องเย็น เป็นการดำเนินการนอกกรอบและวัตถุปะสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กิจการห้องเย็นได้จ่ายเงินให้แก่ ร้าน K.O. ผักสด เพื่อเป็นค่าซื้อเสบียงตามข้อตกลงระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน K.O. ผักสด แล้วก็ไม่ปรากฏการติดตามเร่งรัดให้ ร้าน K.O. ผักสด ชำระเงิน ให้เป็นไปตามข้อตกลง การที่ น.ท.วัลลภ มูซอ หัวหน้าการเงินกิจการห้องเย็น ไม่ดำเนินการดังกล่าว
ทั้งที่เป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่การเงิน จนเป็นเหตุให้กิจการห้องเย็นไม่สามารถรับเงินตามเช็คถึง 12 ฉบับ พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหายจึงให้ น.ท.วัลลภ มูซอ รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 25 ของความเสียหาย 19,989,658.56 บาท คิดเป็นเงิน จำนวน 4,997,414.64 บาท ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.2 น.ต.อรุณ โกมลฤทธิ์ เจ้าหน้าที่จัดซื้อ น.ท.สมยศ หยวกขาว น.ต.เรวัต พวงไสว ร.อ.วีระพันธ์ เงินมาก คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ตรวจรับรายการที่กิจการห้องเย็นสั่งซื้อกับในส่งของให้ถูกต้องตรงกันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนด แต่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุกลับลงลายมือชื่อตรวจรับย้อนหลังว่ารายการที่จัดซื้อถูกต้องครบถ้วน ทั้งที่ คณะกรรมการดังกล่าวไม่ได้เห็นว่า มีการจัดซื้อของมาจริงหรือไม่ เพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบดังกล่าวทั้งที่การดำเนินการของกิจการห้องเย็นเป็นการดำเนินการนอกกรอบและวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 ซึ่งหากคณะกรรมการดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบรายการที่จัดซื้อจริงแล้ว ย่อมพบว่า ร้าน K.O. ผักสด ไม่ได้ทำการจัดซื้อจริงหรือจัดซื้อไม่ตรงกับกับรายการในใบส่งของ และสามารถระงับการเบิกจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบได้
พฤติการณ์ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหายจึงให้ น.ต.อรุณ โกมลฤทธิ์ น.ท.สมยศ หยวกขาว น.ต.เรวัต พวงไสว ร.อ.วีระพันธ์ เงินมาก รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย 19,989,658.56 บาท คิดเป็น เงิน จำนวน 3,997,931.71 บาท โดยให้รับผิดคนละส่วนเท่าๆกัน ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.3 ร.อ.หญิง วัชรี ดาวกลาง ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารโดยมิได้มีการตรวจสอบวามีการจัดซื้อจริงหรือไม่ โดยลงลายมือชื่อเพียงเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ลงชื่อเพื่อดำเนินการของเบิกเงิน และเป็นการลงลายมือชื่อแทน น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งทั้งๆที่รู้ว่าควรมีการตรวจสอบหลักฐานให้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่ามีการจัดซื้อจริงหรือไม่ ถ้าหากว่าได้มีการตรวจสอบโดยครบถ้วนทางราชการก็จะไม่ได้รับความเสียหายในส่วนนี้ การลงลายมือชื่อโดยไม่ตรวจสอบดังกล่าว
พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงให้ ร.อ.หญิง วัชรี ดาวกลาง รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 5 ของความเสียหาย 19,989,658.56 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 999,482.93 บาท ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.4.หัวหน้าคลัง มีหน้าที่บังคับบัญชาและรับผิดชอบของแผนกคลัง อีกทั้งเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงานผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุ ว่าได้ดำเนินการรับของขึ้นบัญชีเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติมให้กับร้าน K.O. ผักสด ให้เป็นผลสำเร็จ ทั้งที่การดำเนินการของกิจการห้องเย็นเป็นการดำเนินการนอกกรอบและวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 อีกทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าหัวหน้าคลังได้มีการเร่งรัดติดตามเงินค่าเสบียงจากร้าน K.O. ผักสด และผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะไม่ไดเห็นของที่ร้าน K.O. ผักสด จะเห็นเพียงแต่เอกสารเท่านั้น พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงให้หัวคลัง รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย 19,989,658.56 บาท
คิดเป็นเงินจำนวน 1,998,965.86 บาท ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.5 น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด ผู้ช่วยผู้จัดการกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ มีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลแผนกธุรการและกำลังพล แผนการเงินและงบประมาณ แผนกซ่อมบำรุงและบริการแผนกกรรมวิธีข้อมูลและตรวจสอบหลักฐานของแผนกจัดหา ฝ่ายจัดส่งเสบียง แผนกคลัง และรวบรวมข้อมูลรายได้รายจ่ายของทุกฝ่ายทุกแผนก ให้ผู้จัดการกิจการห้องเย็นเพื่อประกอบการประชุมในสวัสดิการ น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด จึงรู้ปัญหาที่เงินทุนของสวัสดิการสัตหีบสะสมอยู่ที่ ร้าน K.O. ผักสด เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ ได้ยินยอมจ่ายเงินทุนค่าเสบียงแก่ ร้าน K.O. ผักสด และให้ร้านดำเนินการจัดส่งเสบียงพร้อมกับเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเอง แต่ ร้าน K.O. ผักสด จะให้ผลประโยชน์แก่กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบตามอัตราที่ตกลง โดยเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ไม่มีระเบียบของทางราชการให้ดำเนินการได้แต่ น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด กลับมิได้ เสนอความเห็นคัดค้านหรือเสนอแนะผู้จัดการกิจการห้องเย็น ให้ยกเลิกดำเนินการกับ ร้าน K.O. ผักสด ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถกระทำได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ลงลายมือชื่อในรายงานผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุว่าได้รับของเพื่อจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้รับของจริงเพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้แก่ร้าน K.O. ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งหาก น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด ใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการลงลายมือชื่อในรายงานผลการตรวจรับพัสดุและจ้างทำพัสดุแล้ว ย่อมสามารถระงับการจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบได้
พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย จึงให้ น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย 19,989,658.56 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 1,998,965.86 บาท ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.6 น.อ.สานนท์ ผะเอม ในฐานะผู้ตรวจสอบเอกสารการขอรับเงินค่าเสบียงของกิจการห้องเย็นและเป็นผู้เสนอเห็นควรอนุมัติจ่ายเงินให้กิจการห้องเย็นตามที่กรรมการและเหรัญญิกเสนอ เพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้กับร้าน KO ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งที่การดำเนินการของกิจการห้องเย็นเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 ซึ่งภายหลังที่คณะกรรมการตรวจสอบภายในได้เข้าตรวจสอบประจำปีของกิจการต่างๆ ภายในสวัสดิการสัตหีบ และได้รายงานให้ทราบถึงการดำเนินงานระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด และเสนอแนะให้มีการจัดทำสัญญาหรือบันทึกข้อตกลงแล้ว แต่ น.อ.สานนท์ ผะเอม กลับยังเสนอขออนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ ร้าน KO ผักสด อีกทั้งทราบว่า การดำเนินการระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด นั้น ไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์และระเบียบของทางราชการ ซึ่งหาก น.อ.สานนท์ ผะเอม ได้ทักท้วงเพื่อให้มีการระงับการดำเนินกิจการของ ร้าน KO ผักสด แล้ว ย่อมสามารถระงับความเสียหาย จึงให้ น.อ.สานนท์ ผะเอม รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย ที่กิจการห้องเย็นขอเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นค่าเสบียงให้แก่ ร้าน KO ผักสด ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.7 น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ ในฐานะผู้ตรวจสอบและเสนออนุมัติเบิกเงินให้แก่ร้าน KO ผักสด ว่า ตรวจสอบถูกต้องแล้วโปรดอนุมัติจ่ายเงิน เพื่อให้ครบขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินให้กับ ร้าน KO ผักสด ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งที่การดำเนินการของกิจการห้องเย็นเป็นการดำเนินการของกิจการห้องเย็นเป็นการดำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงค์ของกิจการห้องเย็น ตามระเบียบสวัสดิการสัตหีบ ว่าด้วยการแบ่งส่วนกิจการต่างๆ และวัตถุประสงค์ พ.ศ.2546 ซึ่งภายหลังที่คณะกรรมการตรวจสอบภายในได้เข้าตรวจสอบประจำปีของกิจการต่างๆ ภายในสวัสดิการสัตหีบและได้รายงานให้ทราบถึงการดำเนินงานระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด และเสนอแนะให้มีการจัดทำสัญญาหรือบันทึกข้อตกลงแล้ว แต่ น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ กลับยังเสนออนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ ร้าน KO ผักสด อีก ทั้งที่ทราบว่า การดำเนินการระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด นั้นไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ระเบียบของทางราชการ ซึ่งหาก น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ ได้ทักท้วงเพื่อให้มีการระงับการดำเนินกิจการของ ร้าน KO ผักสด แล้ว ย่อมสามารถระงับความเสียหายได้
พฤติการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย ซึ่งให้ น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหายที่กิจการห้องเย็นชอเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นค่าเสบียงให้แก่ ร้าน KO ผักสด ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
2.8 พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ และในฐานะเป็นผู้อนุมัติจ่ายเงินให้แก่กิจการห้องเย็นเพื่อเป็นค่าเสบียง ตามที่กิจการห้องเย็นเสนอขออนุมัติเพื่อจ่ายให้แก่ นางอังคณา แสงเพ็ชร นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 ซึ่งกิจการห้องเย็นแจ้งในที่ประชุมให้ทราบว่า ร้าน KO ผักสด เป็นผู้จัดส่งเสบียงและเก็บเงินจากลูกค้าเอง โดยที่ไม่มีระเบียบกำหนดให้กระทำได้ อีกทั้งนับแต่คณะกรรมการตรวจสอบภายในได้เข้าตรวจสอบประจำปีของกิจการต่างๆภายในสวัสดิการสัตหีบ ได้รายงานให้ทราบถึงการดำเนินงานระหว่างกิจกรห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด พร้อมทั้งเสนอแนะให้มีการจัดทำสัญญาหรือบันทึกข้อตกลง
แต่ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ยังคงอนุมัติการจ่ายเงินให้กับ ร้าน KO ผักสด เรื่อยมา แม้จะปรากฏว่า ได้มีการสั่งให้มีการดำเนินการจัดทำสัญญาแล้วก็ตาม แต่ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ก็ไม่ได้ติดตามผลการดำเนินการหรือจัดให้มีการระงับการดำเนินการระหว่าง ร้าน KO ผักสด กับ กิจการห้องเย็น ทั้งที่ทราบว่าการดำเนินการระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด ไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์และระเบียบของทางราชการ อีกทั้งทราบว่ามีเงินของสวัสดิการสัตหีบอยู่ที่ ร้าน KO ผักสด เป็นจำนวนมาก จนกระทั่ง พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ จึงได้มีการระงับการดำเนินกิจการระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด
โดยผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบคนใหม่ ซึ่งหาก พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ได้ดำเนินการระงับการดำเนินการตั้งแต่แรก ที่ทราบว่าการดำเนินการระหว่างกิจการห้องเย็นกับ ร้าน KO ผักสด ไม่เป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์และระเบียบของทางราชการ ย่อมสามารถระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกองทัพเรือได้ พฤติดการณ์ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้กองทัพเรือได้รับความเสียหาย ตามจำนวนเงินที่ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ อนุมัติจ่ายให้แก่กิจการห้องเย็นเพื่อจ่ายเป็นค่าเสบียงให้แก่ ร้าน KO ผักสด ตามนัย มาตรา 10 ประกอบมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539
เนื่องจาก การสอบสวนเรื่องนี้มิได้สอบปากคำหัวหน้าคลัง จึงให้กองทัพเรือให้โอกาสหัวหน้าคลัง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานอย่างเพียงพอและเป็นธรรมตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ก่อนออกคำสั่งเรียกให้บุคคลดังกล่าวชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและหากปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใดที่จะทำให้ความเห็นของกระทรวงการคลังเปลี่ยนแปลงไปก็ให้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
อนึ่งหากกองทัพเรือได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจาก พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ และ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ เมื่อนำมารวมกับ จำนวนเงินที่ น.ท.วัลลภ มูซอ น.ต.อรุณ โกมลฤทธิ์ น.ท.สมยศ หยวกขาว น.ต.เรวัต พวงไสว ร.อ.วีระพันธ์ เงินมาก ร.อ.หญิง วัชรี ดาวกลาง หัวหน้าคลัง น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด น.อ.สานนท์ ผะเอม น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ และ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ได้ชดใช้ไว้เกินจำนวนความเสียหายให้คืนเงินส่วนที่ได้รับชำระไว้เกินส่วนนั้นแก่ น.ท.วัลลภ มูซอ น.ต.อรุณ โกมลฤทธิ์ น.ท.สมยศ หยวกขาว น.ต.เรวัต พวงไสว ร.อ.วีระพันธ์ เงินมาก ร.อ.หญิง วัชรี ดาวกลาง หัวหน้าคลัง น.อ.เสริมเกียรติ จันทรสอาด น.อ.สานนท์ ผะเอม น.อ.ประทีป พงษ์ศิริเวชน์ และ พล.ร.อ.ศรีวิสุทธิ์ รตารุณ ตามสัดส่วนแห่งความรับผิดและที่ได้ชำระไว้ของแต่ละคนต่อไป
(ดูเอกสารตัวจริงประกอบ)