ชี้ทรัพย์สินชาติสูญหาย!สตง.จี้รมว.พลังงานทบทวนมติปตท.ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่
สตง. ทำหนังสือถึง รมว.พลังงาน จี้ทบทวนมติ ปตท. ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ทำสัดส่วนถือหุ้นรัฐลดลง ชี้ทรัพย์สินชาติสูญหาย ส่งผลกระทบวงกว้างปชช.ผู้ใช้พลังงาน -เผยแจ้งถึง รมว.คลัง- เลขาฯครม.-ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจด้วย
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอข่าวว่า น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ได้ทำหนังสือถึง ประธานกรรมการตรวเงินแผ่นดิน (คตง.) ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) โดยระบุว่า มติดังกล่าวทำให้รัฐเสียหาย เนื่องจากรัฐมีส่วนในการเป็นเจ้าของกิจการใหม่ PTTOR ลดลง ภายหลังคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าว ตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้แก่ บริษัท ปตท.ธุรกิจค้าปลีก จำกัด และการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เพื่อดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ก่อนที่จะนำหุ้นสามัญ PTTOR เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย บมจ.ปตท.จะถือหุ้นในบริษัทนี้ไม่เกินร้อยละ 50 เพื่อไม่ให้บริษัทใหม่นี้มีสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ
(อ่านประกอบ :รสนา ร้อง คตง. สอบ ปตท. ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่-รัฐเสียหายสัดส่วนเจ้าของลด)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ล่าสุด สตง.ได้ทำหนังสือถึง พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขอให้ทบทวนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดังกล่าว ระบุว่า สตง.พิจารณาแล้วเห็นว่า พลังงานเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคนในฐานะผู้ใช้พลังงาน ทั้งนี้ ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของชาติ ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 40 และมีส่วนสำคัญในการจัดการด้านพลังงานและทรัพย์สินของชาติแทนภาครัฐ การที่ ปตท.มีแนวทางดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กร จะทำให้ทรัพย์สินของชาติต้องสูญหายไป และส่งผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชน ผู้ใช้พลังงาน
สตง.จึงขอให้กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ปตท. พิจารณาทบทวนการปรับโครงสร้างธุรกิจของปตท.ในครั้งนี้ รวมถึงพิจารณาทบทวนการปรับโครงสร้างธุรกิจที่แล้วมาของ ปตท.ที่ดำรงสัดส่วนในบริษัทกลุ่มปตท.ต่ำกว่าร้อยละ 50 ให้มีสัดส่วนการถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน (ดูหนังสือประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการทำหนังสือถึงรมว.พลังงานแล้ว สตง. ยังทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ให้พิจารณาทบทวนมติการปรับโครงสร้างองค์กร ของปตท.ด้วย