บี้‘ศานิตย์’ไขก๊อก ผบช.น.-สนช.! ร้องผู้ตรวจฯสอบปมรับเงินที่ปรึกษาไทยเบฟฯ
ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ ‘พล.ต.ท.ศานิตย์’ ปมรับเงินเดือนที่ปรึกษา ‘ไทยเบฟ’ 5 หมื่น/เดือน ชี้เข้าข่ายขัดประมวลจริยธรรมตำรวจ-ข้าราชการการเมือง ส่อผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. บี้ไขก๊อกพ้นเก้าอี้ ผบช.น.-สนช.
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ได้รับเงินเดือนเป็นค่าที่ปรึกษาจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เดือนละ 50,000 บาท ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมานั้น
(อ่านประกอบ : เก็บเงินสดให้ลูกน้องทำงานทางลับ! ‘ศานิตย์’ แจงปมรายได้-ทรัพย์สินรวม 93 ล. ,สมบัติ 93 ล.‘ศานิตย์’ส่วนใหญ่‘แม่-น้า’ ยกให้-รับเงินที่ปรึกษา‘ไทยเบฟ’ด้วย)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการกระทำของ พล.ต.ท.ศานิตย์ อาจเข้าข่ายขัดต่อประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พฤติกรรมของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ดังกล่าว ในฐานะเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่ง สนช. และเป็นข้าราชการตำรวจตำแหน่ง ผบช.น. เมื่อปรากฏชัดแจ้งว่า มีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาบริษัท ไทยเบฟฯ ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยได้เงินเดือนละ 50,000 บาท จึงอาจถือได้ว่าเข้าข่ายรับประโยชน์จากบริษัทเอกชน ซึ่งบริษัทดังกล่าวทราบกันโดยทั่วไปว่า ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ต้องควบคุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยในเขต กทม. กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กทม. ด้วย นอกจากนี้ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเพื่อลด และเลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำต้องวางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมตำรวจฯ เช่น ต้องยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ประกอบอาชีพเสริมซึ่งมีลักษณะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม หรือระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมืองฯ ที่ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และอาจผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 100 (4) ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะกรรมการ ที่ปรึกษา ฯลฯ ในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ เป็นต้น
“การกระทำของ พล.ต.ท.ศานิตย์ อาจแสดงถึงความไม่เที่ยงธรรม และในยุคที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เน้นการปฏิรูปการเมือง ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงไม่ควรเป็นเยี่ยงอย่างให้กับสังคม จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง ผบช.น. และ สนช. เพื่อรักษาศักดิ์ศรีขององค์กรตำรวจให้คงอยู่ต่อไป และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบต่อว่า นอกเหนือจาก พล.ต.ท.ศานิตย์ แล้ว บริษัท ไทยเบฟฯ ได้จ้างข้าราชการคนอื่นมาเป็นที่ปรึกษาอีกหรือไม่ และอาจทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์ขึ้นหรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว
ขณะที่ นายธาวิน อินทร์จำนง รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป ทั้งในเรื่องจริยธรรม และการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือละเลยการปฏิบัติตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดินดูแลเรื่องประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ เรื่องนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะพิจารณาและตรวจสอบต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน
อ่านประกอบ : ยลโฉมปืน-กรุพระเครื่อง-ทองคำแท่ง 2.5 ล.‘ศานิตย์-เมีย’