ป.ป.ช.เชือด‘พล.ต.ท.’เรียกเงินเอกชน- เมียอดีต ตุลาการศาล รธน.ทุจริตเช่ารถยนต์
ป.ป.ช. แพร่มติเชือด ‘พล.ต.ท.พิสัณห์’ ผบ.กองโยธาธิการ สตช. เรียกรับเงินผู้ว่าจ้างซ่อมแซมระบบประปา – ผอ.สสว. โดนด้วย ทุจริตเช่ารถยนต์ส่วนกลาง แต่นำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง เบิกค่าน้ำมันหลวง ฟันอัยการประจำกรม จ.ยโสธร เรียกรับเงินจำเลย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงเดือน เม.ย. 2559 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่มติชี้มูลความผิดข้าราชการจำนวนหลายราย โดยมีรายที่น่าสนใจได้แก่ ชี้มูลความผิด พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผู้บังคับการกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท. ชอบ เขียวจันทร์ สารวัตรงาน 3 กองกำกับการ2 กองโยธาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฐานละเว้นไม่ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อรู้ว่าการประมาณราคาค่าซ่อมแซมระบบน้ำประปาผิดพลาด กลับเรียกรับเงินจากผู้ว่าจ้างซ่อมแซม โดยให้ทำเป็นเรื่องบริจาคเงินให้กองทุนสวัสดิการ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า พล.ต.ท. พิสัณห์ฯ และพ.ต.ท.ชอบฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 148(1) และ 157(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ยังชี้มูลความผิด นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ(ภรรยานายศักดิ์ เตชาชาญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) เมื่อครั้งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กับพวก ได้แก่ นางศลีพร เนตรพุกกณะ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารส่วนกลาง นายถาวร กุลภัทรนิรันดร์ หัวหน้าส่วนการพัสดุและรักษาการหัวหน้าส่วนธุรการ นางนิจนิรันดร์ สุวรรณเกต รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฐานทุจริตเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์เป็นรถส่วนกลาง แต่นำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่งและเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่มีสิทธิ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางจิตราภรณ์ฯ, นางศลีพรฯ และนายถาวรฯ มีมูลความผิดทางอาญาตามมาตรา 11(3) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ส่วนนางนิจนิรันดร์ฯ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานกระทำความผิดตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ประกอบมาตรา 86(4) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ขณะเดียวได้ชี้มูลความผิด นายคงศิริ สันทนะประภา อัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร ฐานเรียกรับเงินจากจำเลยในคดีอาญาเพื่อช่วยเหลือคดี ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายคงศิริฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งสำนักงานอัยการสั่งลงโทษไล่ออกแล้ว และมีมูลความผิดทางอาญาตามมาตรา 157 และ 201(6) แห่งประมวลกฎหมายอาญา