"หัสวุฒิ"รอดคดีคลั่งพลังจิต! ศาลปค.แจงตั้งกก.สอบทุกกรณีทำตามขั้นตอนกม.
ศาลปกครอง เผยแพร่ข่าวแจงปม "หัสวุฒิ" ให้สัมภาษณ์สื่อ ยันสั่งพักราชการด้วยชอบขั้นตอนกฎหมาย เปิดโอกาสให้ใช้สิทธิฟ้องคดีปกครองโต้แย้งคำสั่งแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ดำเนินการเอง เผย มติก.ศป.ตั้งกก.สอบคดียกยอดฉัตร ส่วนพฤติกรรมคลั่งพลังจิต เห็นว่าไม่มีมูลให้ยุติเรื่อง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.58 สำนักงานศาลปกครอง ได้เผยแพร่ข่าวศาลปกครอง ชี้แจงกรณีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนของนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันพุธที่ 9 กันยายน 2558
(อ่านประกอบ : ก.ศป.นัดถกสารพัดคดี“หัสวุฒิ” 23 ก.ย.นี้-จับตาปม จม.น้อย-ปธ.พิธียกฉัตร)
ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวกรณีเมื่อวันพุธที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอยู่ระหว่างพักราชการได้เดินทางมายังศาลปกครอง และให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการถูกสั่งพักราชการและการดำเนินการสอบสวนหลายประการ พร้อมทั้งมีการแจกเอกสารประกอบการแถลงข่าวด้วย นั้น
สำนักงานศาลปกครองขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
๑. กรณีการสั่งพักราชการประธานศาลปกครองสูงสุด นั้น คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ได้มีการดำเนินการไปโดยชอบด้วยขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งในคำสั่งพักราชการได้แจ้งสิทธิฟ้องคดีปกครองโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ด้วย แต่ประธานศาลปกครองสูงสุดไม่ได้ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งพักราชการต่อศาลปกครอง แต่อย่างใด แต่ได้ยื่นฟ้องกรรมการตุลาการศาลปกครองเสียงข้างมากเป็นคดีอาญาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งศาลอาญาวินิจฉัยว่าการที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง นั้น หลังจาก ก.ศป. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ก็มีอำนาจที่จะมีมติให้พักราชการได้ตามมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อโจทก์ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองและมีส่วนได้เสียโดยตรง เป็นคู่กรณีในการสอบสวนครั้งนี้ บุคคลภายนอกอาจระแวงสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปของโจทก์ จึงอาจเป็นเหตุให้ ก.ศป.สั่งพักราชการโจทก์ และถ้าผลการสอบสวนหรือพิจารณาปรากฏว่าโจทก์มิได้กระทำการตามที่ถูกสอบสวน โจทก์ก็ดำรงตำแหน่งตามเดิมมิได้เสียสิทธิไป ลำพังเพียงแต่การที่จำเลยทั้งหกในฐานะคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองร่วมกันมีมติพักราชการโจทก์ เนื่องจาก มีกรณีถูกกล่าวหาเกี่ยวกับข่าวที่ปรากฏทางสื่อมวลชน โดยไม่ปรากฏเหตุอื่นที่พอฟังได้ว่าจำเลยทั้งหกมีเจตนา กลั่นแกล้งโจทก์หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงยังไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง และศาลได้ออกใบสำคัญ คดีถึงที่สุดแล้ว
๒. กรณีกล่าวอ้างว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชี้มูลความผิดโดยไม่มีเหตุผล จนทำให้ ก.ศป. เสียงข้างมากมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน นั้น การดำเนินการของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดได้ยื่นฟ้องกรรมการสอบข้อเท็จจริงเสียงข้างมากเป็นคดีอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ศาลอาญาวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองในฐานะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะแสวงหาข้อเท็จจริงเพียงใด ย่อมอยู่ในอำนาจและดุลพินิจ และกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากหลายฝ่าย จนนำมาซึ่งการสรุปรายงานผลการสอบข้อเท็จจริง พฤติการณ์ที่ปรากฏตามฟ้องยังไม่พอให้ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดพิพากษา ยกฟ้อง และศาลได้ออกใบสำคัญคดีถึงที่สุดแล้ว
๓. กรณีกล่าวอ้างว่า กระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนและการดำเนินการของ ก.ศป. มีความล่าช้าหรือมีการประวิงเวลา นั้น นับตั้งแต่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ก.ศป. ได้ติดตามเร่งรัดให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนได้ชี้แจงต่อ ก.ศป. ว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและได้มีการเตรียมการเพื่อให้เกิดความพร้อมที่จะให้มีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนอยู่ตลอดเวลา แต่โดยที่มีอุปสรรคบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการสอบสวน ได้เร่งดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าว (ตามที่ได้เผยแพร่ในข่าวศาลปกครอง ครั้งที่ ๔๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ แล้ว) ซึ่ง ก.ศป. เห็นชอบด้วยและได้ขยายระยะเวลาการสอบสวน ตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนได้รายงานผลการสอบสวน และนำเข้าสู่การพิจารณาของ ก.ศป. เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ และ ก.ศป. ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภายในและภายนอก ได้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อที่จะให้ได้ความแน่ชัดและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครองซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๔๔ ทั้งนี้ ประธานศาลปกครองสูงสุดได้ยื่นฟ้องกรรมการสอบสวน เสียงข้างน้อยเป็นคดีอาญาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดีอยู่ระหว่าง การไต่สวนมูลฟ้อง
๔. กรณีกล่าวอ้างว่ามีการสอบข้อเท็จจริงประธานศาลปกครองสูงสุดในเรื่องอื่น ๆ ด้วยนั้น เป็นกรณีที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดำเนินการตามที่ ก.ศป. ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องจาก กรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือส่งเรื่องร้องเรียนมาให้ ก.ศป. พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และ มีตุลาการศาลปกครองจำนวนมากได้ลงชื่อร่วมกันเสนอเรื่องต่อ ก.ศป. ให้พิจารณาดำเนินการ โดย ก.ศป. ได้พิจารณา ผลการสอบข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว จำนวน ๒ กรณี ได้แก่
(๑) กรณีประธานศาลปกครองสูงสุด เดินทางไปปฏิบัติราชการที่ศาลปกครองพิษณุโลก ก.ศป. ได้พิจารณารายงานผลการสอบข้อเท็จจริงในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่ง ก.ศป. มีมติเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฝ่ายข้างมาก โดยเห็นว่าเป็นกรณีมีมูลตามที่ถูกกล่าวหา และให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป
(๒) กรณีกล่าวหาว่าประธานศาลปกครองสูงสุด มีพฤติกรรมคลั่งพลังจิต ก.ศป. ได้พิจารณารายงานผลการสอบข้อเท็จจริงในการประชุมเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่ง ก.ศป. เห็นว่าไม่มีมูลและมีมติให้ยุติเรื่อง
๕. นอกจากนี้ กรณีที่ประธานศาลปกครองสูงสุด ระบุว่ามีการฟ้องคดีอาญาจำนวน ๖ คดี นั้น ปรากฏว่าประธานศาลปกครองสูงสุดได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาตุลาการศาลปกครองที่มีหนังสือขอให้คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของประธานศาลปกครองสูงสุด และยื่นฟ้องกรรมการตุลาการ ศาลปกครองที่มีหนังสือแจ้งให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองออกหนังสือนัดประชุม ก.ศป. ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท อีกรวม ๓ คดี ศาลอาญาวินิจฉัยว่าเป็นการดำเนินการเพื่อให้ ก.ศป. ซึ่งเป็นองค์กรบริหารงานสูงสุด ของศาลปกครองตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของโจทก์ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน ศาลปกครอง มิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง จึงขาดเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ คดีไม่มีมูลที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณา พิพากษายกฟ้อง และศาลได้ออกใบสำคัญคดีถึงที่สุดแล้วทั้ง ๓ คดี
สำนักงานศาลปกครอง
วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘