- Home
- Isranews
- ข่าว
- “หัสวุฒิ”ขอความเป็นธรรมคดี จม.น้อย อ้างถูกเลื่อยขาเก้าอี้-เงินบาทเดียวยังไม่โกง(มีคลิป)
“หัสวุฒิ”ขอความเป็นธรรมคดี จม.น้อย อ้างถูกเลื่อยขาเก้าอี้-เงินบาทเดียวยังไม่โกง(มีคลิป)
“หัสวุฒิ” ลั่นถูกเลื่อนขาเก้าอี้คดีจดหมายน้อย! อ้างมีกลุ่มคนหนึ่งกลั่นแกล้งคอยหาเรื่องไม่หยุดหย่อน เร่งตั้งข้อกล่าวหาและสรุปว่ามีมูลหลายเรื่อง ขอเรียกร้องความเป็นธรรม ยันเงินแม้แต่บาทเดียวยังไม่เคยโกง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2558 ที่สำนักงานศาลปกครอง นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งปัจจุบันถูกพักราชการ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยอ้างว่าคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เสียงข้างมาก และกรรมการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องการให้ประธานศาลปกครองสูงสุดพ้นตำแหน่งทั้งที่มิได้กระทำความผิด กรณีการทำจดหมายน้อยสนับสนุนตำรวจของเลขาธิการศาลปกครอง (นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม) โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลปกครองมาให้กำลังใจจำนวนมาก
ทั้งนี้ก่อนการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่สำนักงานศาลปกครอง ได้แจกเอกสารข้อกำหนดประธานศาลปกครองสูงสุด ยุคนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด (ขณะนั้น) เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยในศาล โดยในข้อกำหนดดังกล่าว มีการระบุว่า ห้ามถ่ายภาพ บันทึกเสียง บันทึกเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ หรือใช้หรือนำเครื่องขยายเสียงเข้ามาในบริเวณศาล เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
นายหัสวุฒิ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชี้มูลความผิดประธานศาลปกครองสูงสุด โดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับ โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเสียงข้างมาก 2 ต่อ 1 ชี้มูลว่าน่าจะมีมูลตามที่ถูกกล่าวหา โดยให้เหตุที่ไม่มีน้ำหนักและเลื่อนลอย เช่น เพราะตนไม่ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธต่อสื่อ รวมถึงมีตุลาการศาลปกครองลงชื่อร้องขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลที่ไม่อาจนำมาใช้ในการชี้มูลความผิดได้ เพราะเป็นการใช้ความรู้สึกอันประกอบไปด้วยอคติ ไม่ปรากฏพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงสนับสนุนใด ๆ ว่าตนเกี่ยวข้องหรือมีมูลเหตุสั่งการให้เลขาธิการศาลปกครองดำเนินการจัดทำจดหมายน้อย
นายหัสวุฒิ ตั้งข้อสังเกตกรณีนี้ว่า ผู้ที่มีอำนาจลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตน คือผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 1 (นายปิยะ ปะตังทา ปัจจุบันรักษาการประธานศาลปกครองสูงสุด) ตามระเบียบ ก.ศป. แต่ทว่าผู้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวกับเป็นนายชาญชัย แสวงศักดิ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานฯในที่ประชุม ก.ศป. เท่านั้น
นายหัสวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ก.ศป. เสียงข้างมาก มีมติพักราชการประธานศาลปกครองสูงสุด โดยไม่มีการรับฟังความคิดเห็นและเหตุผลของคณะกรรมการสอบสวนตามที่กฎหมายกำหนด เพราะยังไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวน แต่กลับลงมติพักราชการทันที ขณะเดียวกันไม่เข้าลักษณะและเงื่อนไขที่จะพักราชการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ เพราะจะต้องเป็นกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการอย่างร้ายแรง เช่น ทุจริตหรือถูกจับในคดีอาญา และประธานคณะกรรมการสอบสวนมีเจตนาประวิงเวลาและปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากตามระเบียบต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน แต่เรื่องนี้ใช้เวลาสอบสวนยาวนานกว่า 120 วัน
นายหัสวุฒิ กล่าวว่า ก.ศป. ยังถ่วงเวลาไม่ยอมลงมติในผลการสอบสวน เพราะปัจจุบันคณะกรรมการสอบสวนได้สรุปผลแล้ว เสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เห็นว่า ไม่มีมูลความผิด และเสนอเรื่องต่อ ก.ศป. แล้ว แต่ ก.ศป. ไม่ดำเนินการให้มีมติในผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน แต่มีมติให้สอบสวนใหม่ และสรุปพยานหลักฐานอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติและเจตนาซ่อนเร้นชัดเจน และปัจจุบันคณะกรรมการสอบสวนได้สรุปผลใหม่แล้ว โดย ก.ศป. ยังไม่ยอมลงมติ ถือเป็นความล่าช้าที่ไม่มีเหตุผล และไม่สามารถตอบสังคมและผู้ถูกกล่าวหาได้ว่าเพราะเหตุใด แต่ปัจจุบันตนยังได้รับความเดือดร้อนเสียหายอยู่ตลอดเวลาและยังถูกสั่งพักราชการอยู่ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด จึงขอเรียกร้องให้ ก.ศป. ในการประชุมวันที่ 9 ก.ย. 2558 ได้ลงมติคืนความเป็นธรรมให้ตน
“ผมเป็นตุลาการ แต่ปัจจุบันไม่ได้รับเงินเดือน ถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรนี้ ประชาชนก็คงไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรต่าง ๆ นอกจากนี้กรรมการสอบข้อเท็จจริง กรรมการสอบสวน รวมถึง ก.ศป. ทั้งหลายล้วนเป็นนักกฎหมายระดับสูง มีหลายคนมองว่า ผมถูกเลื่อยขาเก้าอี้ ทั้งที่ผมไม่เคยทำผิด ทุจริตก็ไม่เคย โกงเงินแม้แต่บาทเดียวยังไม่เคย และตอนนี้เหลือตัวผมอยู่คนเดียวแล้ว” นายหัสวุฒิ กล่าว
นายหัสวุฒิ กล่าวด้วยว่า การเสนอเรื่องพิจารณาเรื่องกล่าวหาตนก็ดี การพิจารณาข้อกล่าวหาและตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ดี การตั้งตนเองเป็นกรรมการสอบสวนก็ดี การสั่งพักราชการก็ดี หรือการที่จะพิจารณาผลการสอบสวนที่คณะกรรมการสอบสวนมาก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกันทั้งสิ้น และมีความพยายามที่จะหาเรื่องไม่หยุด โดยตั้งข้อกล่าวหาอื่นและตั้งบุคคลในกลุ่มเดียวกันสอบข้อเท็จจริงอย่างรีบเร่ง แล้วสรุปว่ามีมูลเพื่อที่จะตั้งกรรมการสอบสวนและพักราชการตนต่อไปอีก โดยไม่สอบสวนบุคคลที่รู้ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องหรือรอฟังความเห็นของหน่วยงานภายนอกที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เช่น เรื่องโครงการยกฉัตรพระธาตุและปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมฯ ทรงพระชนมายุ 60 ชันษา ในวัดเดียวกัน ซึ่งที่ประชุม ก.ศป. มีมติจะพิจารณาในวันนี้ เป็นต้น จึงเป็นเรื่องกลั่นแกล้งและหาเรื่องไม่หยุด
เมื่อถามว่า กรณีทำจดหมายน้อยยืนยันหรือไม่ว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่เลขาธิการศาลปกครองทำเอง นายหัสวุฒิ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง รู้เรื่องก็ตอนวันที่สื่อมาลงข่าว เพราะฉะนั้นการสอบข้อเท็จจริงของกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบหมด แต่ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าตนมีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า พอทราบว่าเลขาธิการศาลปกครองกระทำการดังกล่าว ทำไมไม่ดำเนินการลงโทษ นายหัสวุฒิ กล่าวว่า เมื่อทราบเรื่อง ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที พร้อมกับเรียกเลขาธิการศาลปกครองมาตำหนิด้วย ยืนยันดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด แต่ไม่ได้แถลงข่าวต่อสื่อ จะให้แถลงข่าวได้อย่างไร นี่ไม่ใช่แนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้
“ภายหลังสอบข้อเท็จจริง ก็พบว่ามีมูล เลขาธิการศาลปกครองก็ยอมรับ ตอนนั้นก็ให้รองประธานศาลปกครองสูงสุด (นายวิชัย ชื่นชมพูนุท) เป็นผู้พิจารณาโทษ เนื่องจากเรื่องนี้ผมมีส่วนเกี่ยวข้องจะพิจารณาไม่ได้ หลังจากรองประธานศาลฯ ได้แจ้งเรื่องให้ อ.ก.ขป. ศาลปกครอง ซึ่งอ.ขป. ศาลปกครองก็เห็นชอบ” นายหัสวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า หากได้กลับเข้าไปบริหารอีก จะสามารถบริหารได้อีกหรือไม่ นายหัสวุฒิ กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตข้างหน้า ตอนนี้ต้องรอไปก่อน เพราะปัจจุบันถูกพักราชการ เงินเดือนก็ไม่ได้ ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้ ทั้งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเท่านั้น
ส่วนจะเป็นวิกฤติตุลาการศาลปกครองหรือไม่นั้น นายหัสวุฒิ กล่าวสั้น ๆ ว่า “เป็นเรื่องที่พวกท่านต้องคิดเอาเอง ผมไม่ทราบ แต่ผมมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ไม่ใช่ให้ผม แต่ให้กับสังคมนี้”
|