คณบดีพยาบาล ม.นเรศวร แจงเหตุนิสิตถอนตัวเองไม่เกี่ยวห้ามคลุมฮิญาบฝึกงาน
คณบดีพยาบาล ม.นเรศวร ยันไม่เคยมีนโยบายปิดกั้นนิสิตอิสลามเข้าเรียน เหตุต้องคลุมฮิญาบฝึกงาน เผยเจ้าตัวแจ้งสละสิทธิ์ พร้อมขอเงินคืนเอง ระบุชัดอยากเรียนจริงกลับมาได้ทุกเมื่อ พร้อมต้อนรับเสมอ
มหาวิทยาลัยนเรศวร กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อกรณีการตัดสิทธิ์เข้าเรียนของนิสิตหญิงในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เนื่องจากนิสิตหญิงรายนี้นับถือศาสนาอิสลาม จะต้องโพกผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา ไม่สามารถถอดผ้าคลุมศรีษะออกได้ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหลักสูตรนี้ในช่วงการฝึกปฏิบัติที่ต้องสวมเครื่องแบบฝึกปฏิบัติของโรงพยาบาลต่างๆ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้นำ บันทึกข้อความ ของ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ลงวันที่ 9 ก.ค.58 มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มีสาระสำคัญอยู่ที่คณะพยาบาลศาสตร์ ได้เสนอเรื่องขอให้มีการคืนเงินค่าบำรุงหอพักนิสิต จำนวน 15,500 บาท ให้กับนิสิตหญิงรายหนึ่ง ที่ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีการศึกษา 2558 และรายงานตัว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจากนิสิตหญิงรายนี้ นับถือศาสนาอิสลาม จะต้องโพกผ้าคลุมศีรษะ (ฮิญาบ)ตลอดเวลา ไม่สามารถถอดผ้าคลุมศีรีษะออกได้ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหลักสูตรนี้ในช่วงการฝึกปฏิบัติที่ต้องสวมเครื่องแบบฝึกปฏิบัติเพื่อให้การพยบาลผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ทางคณะพยาบาลศาสตร์ จึงทำเรื่องไปถึงผู้อำนวยการกองบริหารวิชาการและจัดการทรัพย์สิน เพื่อขอความอนุเคราะห์คืนเงินค่าบำรุงหอพักนิสิตให้กับนิสิตดังกล่าว
(ดูบันทึกข้อความประกอบ)
ด้าน รศ.ดร.พูลสุข หิงคานนท์ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ทางคณะพยาบาลศาสตร์ ไม่เคยปิดกั้นนิสิตรายนี้ไม่ให้เข้ามาเรียน เพราะต้องโพกผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา ตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างมากในขณะนี้
"เรายินดีต้อนรับนิสิตรายนี้เสมอ เพราะที่ผ่านมามีนิสิตอิสลามหลายคนเข้ามาเรียนกับเรา บางคนก็ได้รับการช่วยเหลือเรื่องทุนการเรียน เพียงแต่เราได้แจ้งข้อจำกัดของการเรียนให้ทราบว่า เมื่อเรียนไปถึงระดับสูงสุดแล้ว ในการฝึกปฏิบัติจะต้องมีการใส่เครื่องแบบตามระเบียบด้วย เขาจะทำตามระเบียบหรือไม่ และขอให้กลับไปปรึกษากับครอบครัว และดิฉันก็มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าทำได้ไม่มีปัญหา"
รศ.ดร.พูลสุข กล่าวต่อไปว่า "หลังจากนั้นไม่นาน ตัวนิสิตเป็นผู้มาทำเรื่องขอเงินคืนเอง บอกว่าจะไม่เรียนแล้ว ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผู้ปกครองเขาก็บอกเองว่าทำได้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจแบบนั้นเราก็ไปทำอะไรไม่ได้ ก็มีการเสนอเรื่องขอคืนเงินให้"
"ดิฉันยังงงไม่หายเลย ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะเราหาทางช่วยเด็กมาตลอด ไม่เคยเปิดกั้นอะไรเลย แต่ปรากฎว่ามีการนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนเกิดกระแสต่อว่าโจมตี ไปผูกโยงเข้ากับเรื่องศาสนา ทำให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้"
รศ.ดร.พูลสุข ยังระบุด้วยว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและอยากให้สำนักข่าวอิศรา ช่วยชี้แจงให้สังคมรับทราบว่า คณะฯ ไม่เคยมีนโยบายเปิดกั้นเด็กคนไหนเลย กับสินิตรายนี้ เราอยากให้เขามาเรียนด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบันกำลังขาดแคลนพยาบาล ก็ไม่รู้ว่าไปสื่อสารกันแบบไหนเรื่องถึงผิดพลาดกันใหญ่โตแบบนี้"
เมื่อถามว่า ปัจจุบันนิสิตรายนี้ ถูกตัดสิทธิ์การเข้าเรียนแล้วใช่หรือไม่ รศ. ดร.พูลสุข ตอบว่า "เขายังมีโอกาสเรียน ฝากไปบอกด้วยว่า ถ้าอยากเรียนจริง เราพร้อมต้อนรับเสมอ กลับมาได้เลย ไม่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ยังไม่ได้เปิดเทอม กลับมาได้ทุกเมื่อเลย"