สรรพากรสอบ 2 บ.นักธุรกิจส่งออก‘กลุ่มใหม่’ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยล้าน
กรมสรรพากรส่งหนังสือ 4 ฉบับ ระงับจดทะเบียนเลิกการ‘บริษัทส่งออกผ้า’2 ราย หลังพบเกี่ยวพันขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนับร้อยล้าน เฉพาะบ.เดียว 30 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2556- ตุลาคม2557 สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 กรมสรรพากร ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวม 4 ฉบับ เพื่อให้ระงับการรับจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเอกชน 2 รายคือ บริษัท ลัคกี้ อิมเป็กซ์ เท็กไทล์ จำกัด จำนวน 3 ฉบับ และ ห้างหุ้นส่วน จำกัด ลัคกี้ อิมเป็กซ์ จำนวน 1 ฉบับ โดยให้เหตุผลว่า ทั้งสองรายอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบภาษีอากร จนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า หนังสือที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจ กรณี บริษัท ลัคกี้ อิมเป็กซ์ เท็กไทล์ จำกัด ฉบับแรกลงวันที่ 9 ส.ค.56 โดยนายวิษณุ รายวงศ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 ฉบับที่สองลงวันที่ 27 มี.ค.57 โดยนายวิษณุ รายวงศ์ เช่นเดียวกับ ฉบับที่สามโดยนางแสงเพ็ชร เจริญพานิช นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติราชการแทนสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 (ดูเอกสารประกอบ)
ส่วนหนังสือที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจ กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ลัคกี้ อิมเป็กซ์ นั้น ลงวันที่ 14 ส.ค.56 โดยนายวิษณุ รายวงศ์ สรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกชน 2 รายที่ถูกกรมสรรพากรให้สำนักทะเบียนธุรกิจ ระงับการรับจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเนื่องจากพบว่า ได้อ้างว่าส่งออกผ้าไปต่างประเทศ และขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรมูลค่านับร้อยล้านบาท โดยเฉพาะกรณี บริษัท ลัคกี้ อิมเป็กซ์ เท็กไทล์ จำกัด ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้วประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนไปยังปลัดกระทรวงการคลังให้ตรวจสอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ลัคกี้ อิมเป็กซ์ เท็กไทล์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 25 มกราคม 2543 ทุนปัจจุบัน 210 ล้านบาท ประกอบกิจการค้าส่งผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผ้า ที่ตั้งเลขที่ 49-53 ซอยชุ่ม ถนนวานิช 1 แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
ขณะที่ หจก.ลัคกี้ อิมเป็กซ์ จดทะเบียนวันที่ 8 มิถุนายน 2516 ทุนปัจจุบัน 70 ล้านบาท ประกอบธุรกิจการขายส่งผ้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ที่ตั้งเลขที่เดียวกัน
ทั้งสองแห่งมีนายสุกิจ พิชิตสิงห์ นายอนันต์ พิชิตสิงห์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนี้เปิดบริษัทหลายแห่งในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์