"นพดล"ยันทำทุกอย่างถูกต้อง หลัง'อัสสัมชัญ' สั่งสอบปมค่าใช้จ่ายงบเอแบคโพลล์ 48 ล.
อดีต ผอ.เอแบคโพลล์ 'นพดล กรรณิกา' ยันทำทุกอย่างถูกต้อง เรื่องจบแล้ว กรณีผลสอบ ม.อัสสัมชัญ พบยอดหนี้ค้างชำระการทำโพลล์สาธารณะและมีเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลโดยไม่ผ่านมหาวิทยาลัย ด้านนายกสภาม.เอแบคปัด เป็นเรื่องภายใน
นายนพด กรรณิการ อดีตผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ได้ปฏิเสธว่าการบริหารของเอแบคโพลล์ในยุคที่นายนพดลเป็น ผู้อำนวยการ ไม่ได้มีความเสียหายจำนวน 48.4 ล้านบาท และเป็นไปอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ที่มาของเรื่องดังกล่าวมา มาจากรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ปรากฎในรายงานประกอบวาระการประชุมสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วันที่ 7 เมษายน 2558 ระบุว่าในช่วงที่นายนพดล กรรณิกา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เกิดปัญหาหลายประการ อาทิ เกิดผลต่างการทำโพลล์สาธารณะที่ไม่มีการแสดงรายการ เป็นจำนวนเงินมากกว่า 11 ล้านบาท และคณะกรรมการมีข้อเสนอแนะว่ามหาวิทยาลัยควรมอบให้ทนายความดำเนินการกับบุคคลที่มีส่วนในการรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าได้ติดต่อไปยัง นายนพดล กรรณิกา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อดีตผู้อำนวยการสำนักวิจัยเแบคโพลล์ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว
นายนพดล ระบุว่าได้ทำทุกอย่างถูกต้องและชี้แจงต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญไปแล้ว
"เรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว ได้ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องและให้ข้อมูลแก่อธิการบดีคือนายบัญชา แสงหิรัญ ไปแล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบผลสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ เนื่องจากรายงานคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงระบุประเด็นปัญหา ในช่วงที่นายนพดลเป็นผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ นอกจากนี้ รายงานข้อเท็จจริงมีข้อเสนอแนะให้มหาวิทยาลัยมอบหมายให้ทนายความดำเนินคดีแก่ผู้มีส่วนรับผิดชอบ
นายนพดลกล่าวย้ำว่า ทำทุกอย่างถูกต้อง และได้ให้ข้อมูลแก่อธิการบดีไปแล้ว และเรื่องนี้จบไปแล้ว
อย่างไรก็ตามนายนพดลยอมรับว่า ไม่เห็นรายงานดังกล่าวของคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 58 ที่ผ่านมา สภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีการจัดประชุมวิสามัญ หนึ่งในระเบียบวาระการประชุมมีหัวข้อพิจารณาการดำเนินการสอบสวนเรื่องเอแบคโพลล์ ภายหลังจากมหาวิทยาลัยมีคำสั่งที่ 160/2557 แต่งตั้งคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินงานของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์และหน่วยงานเครือข่าย
ความตอนหนึ่งของรายงานคณะกรรมการหาข้อเท็จจริง พบประเด็นปัญหาที่สำคัญหลายประเด็น อาทิ 1.มีลูกหนี้เงินเบิกล่วงหน้าค้างเคลียร์และต้องชำระคืนเป็นจำนวนมาก
2. มีรายได้วิจัยค้างรับเป็นจำนวนมากถึง 33 โครงการ รวมเป็นเงิน 16,386,163.70 บาท ( สิบหกล้านสามแสนแปดหมื่นหกพันหนึ่งร้อยหกสิบสามบาทเจ็ดสิบสตางค์ )
3.เกิดผลต่างการจัดทำโพลล์สาธารณะที่ไม่ มีการแสดงรายการ จำนวน 11,590,609.13 บาท ( สิบเอ็ดล้านห้าแสนเก้าหมื่นหกร้อยเก้าบาทสิบสามสตางค์ )
4.มีรายการนำฝากเงินโดยตรงเข้าบัญชีของ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลขที่บัญชี 425-1-347XX-X บัญชีศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคมการจัดการและธุรกิจ เลขที่บัญชี 425-1-258XX-X และ บัญชี ABAC ANCHOR เลขที่บัญชี 425-1-299XX-X โดยไม่ผ่านระบบการเงินของมหาวิทยาลัย เป็นจำนวนเงิน 17,292,009.93 บาท แต่มีการถอนโดยโอนเข้าบัญชีของมหาวิทยาลัยผ่านระบบการเงินของมหาวิทยาลัย เป็นจำนวนเงิน 8,924,840.00 บาท
รายงานคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงระบุตอนหนึ่งว่า ผู้ที่รับผิดชอบดูแลบัญชีขณะนั้น ผู้เคยปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ จะต้องนำเงินคงเหลือที่ยังไม่ได้โอนเข้าบัญชีของมหาวิทยาลัย จำนวนเงิน 8,367,169.93 บาท มาคืนมหาวิทยาลัย เนื่องจากบัญชีและรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีที่ปรากฏเป็นทรัพย์สิน ของมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้ให้สำนักงานบริหารการเงินตรวจสอบรายการเบิกจ่ายงบประมาณการ ดำเนินโครงการรับจ้างทำวิจัย ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549-2556 แล้วพบยอดหนี้ค้างชำระรวมถึงการทำโพลล์สาธารณะและเงินที่รับเข้าบัญชีส่วน บุคคลโดยไม่ผ่านมหาวิทยาลัย สรุปได้ดังนี้ ( ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 )
1 รายได้วิจัยค้างรับ จำนวน 33 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 16,388,163.70 บาท
2 ลูกหนี้เงินเบิกล่วงหน้าค้างเคลียร์ จำนวน 19 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 12,150,665.38 บาท
3 ผลต่างการทำโพลล์สาธารณะที่ไม่มีการแสดงรายการ เป็นจำนวนเงิน 11,590,609.13 บาท
4 เงินที่รับเข้าบัญชีโดยไม่ผ่านมหาวิทยาลัย เป็นเงินจำนวน 8,367,169.93 บาท
รวมเป็นเงิน 48,496,608.14 บาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการหาข้อเท็จจริง มีข้อเสนอแนะด้วยว่ามหาวิทยาลัยควรมอบให้ทนายความดำเนินการแก่บุคคล 4 ราย ได้แก่ อดีตผู้บริหาร 2 คน และผู้ช่วย อีก 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้โทรศัพท์ติดต่อนายสุรสิทธิ์ สุขชัย นายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพื่อสอบถามถึงผลสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอของกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ให้ดำเนินคดีกับอดีตบุคลากรที่มีรายชื่อปรากฏในรายงานดังกล่าว
นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไปเอาข้อมูลมาจากไหน มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันยังไม่เกิด"
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อมีคำสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและมีรายงานข้อเท็จจริงปรากฏ รวมทั้งข้อเสนอจากกรรมการหาข้อเท็จจริงที่ให้ดำเนินคดีทางกฎหมายกับบุคลากรที่มีส่วนสร้างความเสียหายให้แก่สำนักวิจัย ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย ทราบหรือไม่ว่าจะดำเนินการอย่างใดต่อกรณีนี้ นายสุรสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่าไม่มีอะไรทั้งสิ้นและย้ำว่านี่เป็นเรื่องภายใน
ทั้งนี้ ในการประชุมวิสามัญเมื่อวันที่ 7 เม.ย.58 แหล่งข่าวเปิดเผยว่าผลสอบข้อเท็จจริงมีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการหาข้อเท็จจริงว่าควรให้ดำเนินคดีทางกฎหมายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและสร้างความเสียหายให้แก่มหาวิทยาลัย ทว่า ยังไม่มีความคืบหน้าว่ามหาวิทยาลัยจะดำเนินการอย่างใดในเรื่องนี้ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่มหาวิทยาลัยมากกว่า 48 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน สมาชิกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่มีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 28 มิ.ย.2556-27 มิ.ย.2560 ประกอบด้วย
ดร.ชุมพล พรประภา ที่ปรึกษาสภา
ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย นายกสภา
ศ.ดร.นราศรี ไววนิชกุล อุปนายกสภา
ดร.กมล กิจสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
รองศาสตราจารย์ ดร.นริศ ชัยสูตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ภราดาบัญชา แสงหิรัญ กรรมการโดยตำแหน่ง
ภราดาประทีป ม.โกมลมาศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ภราดามีศักดิ์ ว่องประชานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ภราดาวิริยะ ฉันทวโรดม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ภราดาวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ดร.สมบัติ สุวรรณพิทักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ดร.สมพิศ ป.สัตยารักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้แทนคณาจารย์
ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิผู้แทนคณาจารย์
นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ดร.อุดม หงส์ชาติกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ดร.ชวลิต หมื่นนุช เลขานุการ
ภาพประกอบจาก : http://m.posttoday.com