สภาทนายฯขอ อสส. รับฟังตรวจสอบข้อมูลอีกด้านผู้ต้องหาคดีเกาะเต่า
สภาทนายความ ร้องอัยการสูงสุดรับฟังข้อมูลอีกด้านจากผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ที่อ้างถูก จนท.ซ้อมให้รับสารภาพ หวังอัยการรับฟังข้อมูลนอกเหนือจากสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความและหัวหน้าทีมทนายความของผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ในคดีเกาะเต่า ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงความคืบหน้าของสำนวนคดีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนที่เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริง ได้ทำความเห็นในส่วนนี้เสร็จสิ้นไปแล้วว่าคดีนี้เกิดจากอะไร ใครทำ ทำอย่างไร ใครมีความผิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งข้อมูลทั้งหมดนี้ให้กับพนักงานอัยการ โดยอัยการอยู่ระหว่างตรวจสำนวนของตำรวจที่ส่งเข้ามาว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่ ครบถ้วนไหม หากยังไม่ครบถ้วนก็จะให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มแล้วแต่ว่าอัยการเห็นว่าควรสอบในประเด็นไหน
“ตอนนี้ สำนวนอยู่ในขั้นที่อัยการตรวจดูแล้วและสั่งให้ตำรวจสอบเพิ่มในบางอย่าง ซึ่งเราไม่รู้ว่าอัยการให้ตำรวจสอบเพิ่มในประเด็นไหนบ้าง” นายสุรพงษ์ระบุและกล่าวว่าเมื่อตำรวจสอบเพิ่มแล้วอัยการก็จะทำความเห็นว่าเรื่องนี้ควรส่งฟ้องศาลหรือไม่ หากอัยการเห็นว่าควรส่งฟ้องศาลก็จะนำเรื่องนี้ส่งฟ้องศาลต่อไป แต่หากอัยการเห็นว่าข้อมูลหลักฐานไม่ชัดเจน ก็ไม่ส่งฟ้องศาล ซึ่งหากเป็นในกรณีที่ส่งฟ้องแล้วศาลรับฟ้อง สำนวนจะถูกส่งมาให้ผู้ต้องหาและทนายของผู้ต้องหา ซึ่งในชั้นศาลผู้ต้องหาก็จะถูกเปลี่ยนเป็นจำเลย สำนวนจะถูกส่งมาให้ทนายรับทราบเพื่อสู้คดีกันในชั้นศาลต่อไป
นายสุรพงษ์กล่าวว่าแต่ในขั้นตอนระหว่างการตรวจสำนวนของอัยการนี้มีการร้องเรียนแทรกเข้ามา คือ เมื่อทีมทนายจากสภาทนายความได้พบผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คน แล้ว ผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลว่าเขาอยากเรียกร้องความเป็นธรรม
“เขาบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ข่มขืน ไม่รู้อะไรเลยว่าที่เซ็นไปนั้น คืออะไร ล่ามก็เป็นคนละความเชื่อคนละศาลสนากับเขา และเขาก็ถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพ กระบวนการเหล่านี้เขาอยากให้สังคมรับทราบ รับรู้เรื่องนี้ ว่าเขาไม่ได้ทำผิด แล้วข้อมูลส่วนนี้ตอนนี้อยู่ที่อัยการ ผู้ต้องหาเขาก็ยินดีให้อัยการได้รับทราบข้อมูล สภาทนายความจึงได้ผสานไปยังอัยการ แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้า” นายสุรพงษ์ระบุ และกล่าวว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อแม่ของผู้ต้องหาได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องหาและเห็นด้วยกับการยื่นเรื่องดังกล่าวต่ออัยการ แต่เมื่อยื่นอัยการปกติแล้วเรื่องก็ยังเงียบ สภาทนายความจึงยื่นหนังสือไปยังอัยการสูงสุดด้วย ซึ่งตอนนี้ทีมทนายยังไม่รู้ว่าอัยการจะนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณาในสำนวนหรือไม่ ไม่ทราบว่าอัยการจะเชื่อสำนวนของตำรวจเพียงอย่างเดียวหรือจะรับฟังข้อร้องเรียนข้อมูลจากผู้ต้องหาและญาติด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าอัยการสูงสุดจะรับฟังข้อมูลส่วนนี้จากผู้ต้องหาหรือไม่
นายสุรพงษ์กล่าวว่า “ไม่ทราบเลย แต่ตามหลักการแล้วเราหวังว่าเสียงทุกเสียงต้องได้รับการรับฟังและมีการตรวจสอบ” นายสุรพงษ์ระบุ
ภาพประกอบจาก : breakingnews.nationtv.tv,www.hfocus.org