อัยการ ตีกลับสำนวนคดี “สรยุทธ-บ.ไร่ส้ม” ตั้งคณะทำงานร่วมป.ป.ช.
“สรยุทธ –บ.ไร่ส้ม” หายใจโล่งเฮือกใหญ่ คณะทำงานอัยการสรุปสำนวนคดีค่าโฆษณา อสมท ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จัดส่งมาให้ไม่สมบูรณ์ เตรียมส่งเรื่องคืน ตั้งคณะทำงานร่วมสองฝ่าย
(ภาพประกอบจาก Instagram @sorrayuth9111)
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ยังหายใจโล่งได้อีกเฮือกใหญ่ เมื่อคณะทำงานอัยการสรุปสำนวนการสอบสวนคดีที่ นายสรยุทธ และบริษัทไร่ส้มฯ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่ามีความผิดจากการที่พนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทุจริตช่วยเหลือให้บริษัท ไร่ส้ม ฯโดยให้โฆษณาเกินกว่าเวลาที่กำหนดในสัญญา ในการจัดรายการคุยคุ้ยข่าว เป็นเหตุให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายถึง 138,790,000 บาท ว่ายังมีความไม่สมบูรณ์ ในบางประเด็น และเห็นสมควรให้ส่งเรื่องกลับไปให้ป.ป.ช.พิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผย สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานอัยการ เจ้าของสำนวนการสอบสวนคดีนายสรยุทธ และบริษัทไร่ส้มฯ ที่ ป.ป.ช. จัดส่งสำนวนมาให้ ได้พิจารณาสรุปสำนวนคดีนี้ เสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณา
โดยเบื้องต้นพบว่า ในส่วนการสอบสวนดังกล่าว ยังมีความไม่สมบูรณ์ในบางประเด็น จึงเห็นสมควรส่งสำนวนคดีนี้กลับไปให้ ป.ป.ช. พิจารณาอีกครั้ง คาดว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด จะลงนามในหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้รับทราบอย่างเป็นทางการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนกฎหมาย หากอัยการสูงสุดเห็นว่าสำนวนมีความสมบูรณ์เพียงพอก็จะส่งฟ้องต่อศาลที่ เกี่ยวข้องได้ทันที แต่หากมีข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวน ก็จะส่งเรื่องกลับไปยัง ป.ป.ช.เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและป.ป.ช.เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 97 ระบุว่า ในกรณีที่ข้อกล่าวหาใดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ามีความผิดทางอาญา ให้ประธานกรรมการส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด หรือฟ้องคดีต่อศาลกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี โดยให้ถือว่ารายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำนวนการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาโดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง
เมื่ออัยการสูงสุดได้รับรายงานและเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามวรรคหนึ่งแล้ว เห็นว่ารายงาน เอกสาร และความเห็นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งให้ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ ให้อัยการสูงสุดแจ้งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป โดยให้ระบุข้อที่ไม่สมบูรณ์นั้นให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน ในกรณีนี้ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นโดยมีผู้แทนจากแต่ละฝ่ายจำนวนฝ่ายละเท่ากันเพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการฟ้องคดีได้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทน
แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป.ป.ช. เคยมีการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด ในกรณีที่อัยการแจ้งความไม่สมบูรณ์ของสำนวนการสอบสวนคดีที่ป.ป.ช. ส่งไปให้ ว่า หลังการตั้งคณะทำงานร่วมกันแล้ว หากการประชุมครั้งแรกยังไม่ได้ข้อยุติ ป.ป.ช. จะส่งฟ้องคดีเองทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2555 ว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา น.ส.อัญญา อู่ไทยหัวหน้าส่วนธุรการขาย ระดับ 6 ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง แต่ไม่มีมูลความผิดทางอาญา นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะส่วนตัว) และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล) มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนนุพนักงานกระทำความผิด