ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก พล.ท.ไตรรัตน์ ปิ่นมณี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน-ปรับ 2,000 บาท พล.ท. ไตรรัตน์ ปิ่นมณี บอร์ดบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๑๒๒ ก ราชกิจจานุเบกษา ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า พลโท ไตรรัตน์ ปิ่นมณี กรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๑ (เดิม) ห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ลงโทษจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ เดือน และปรับ ๒,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยรับโทษจำ คุกมาก่อน โทษจำ คุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี
มีรายละเอียดดังนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ซึ่งบัญญัติว่า กรรมการของรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวัน ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่งทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง เมื่อพ้นจากตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้คัดค้านเข้ารับตำแหน่งกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในความควบคุมของกระทรวงคมนาคม ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๒๖เมษายน ๒๕๔๘ เข้ารับตำแหน่งครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๔กันยายน ๒๕๔๘ และเข้ารับตำแหน่งครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อผู้ร้องเพียงกรณีระหว่างเข้ารับตำแหน่งครั้งแรก โดยยื่นบัญชีเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ แต่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องในกรณีต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๘ ครั้ง คือ
ครั้งที่ ๑ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๘
ครั้งที่ ๒ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๙
ซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
ครั้งที่ ๓ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๘
ครั้งที่ ๔ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๘ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘
ครั้งที่ ๕ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๙
ซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๙
ครั้งที่ ๖ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๘
ครั้งที่ ๗ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ซึ่งจะต้องยื่นบัญชี
แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
และครั้งที่ ๘ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๐
ซึ่งจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้คัดค้านชี้แจงการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบดังกล่าว ๓ ครั้ง ปรากฏว่าครั้งสุดท้ายผู้คัดค้านเป็นผู้รับหนังสือด้วยตนเอง แต่ผู้คัดค้านกลับมิได้ไปชี้แจง ผู้ร้องจึงพิจารณาและมีมติว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ ๑ และในกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ รวม ๘ บัญชี
ส่วนกรณีไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ๗ บัญชีแรก เป็นเวลาที่ล่วงเลยเกินห้าปีแล้วให้ยุติการดำเนินการ จึงเสนอเรื่องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยขอให้วินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ ๓ ในตำแหน่งกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หรือนับแต่วันที่ตรวจพบการกระทำดังกล่าวแล้วแต่กรณี ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒มาตรา ๔๑ กับให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนพิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และคำรับสารภาพของผู้คัดค้านแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นกรรมการของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ครั้งที่ ๒เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ และครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘ ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเพียงครั้งเดียวกรณีเข้ารับตำแหน่งครั้งแรกโดยยื่นบัญชีเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ส่วนกรณีพ้นจากตำแหน่งในการดำรงตำแหน่งครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๖เมษายน ๒๕๔๙ กรณีเข้ารับตำแหน่งครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔กันยายน ๒๕๔๙ กรณีเข้ารับตำแหน่งครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘ พ้นจากตำแหน่งครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ครั้งที่ ๓เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๐ ผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ผู้ร้องได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้คัดค้านชี้แจงแล้ว แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉยไม่ไปชี้แจงต่อผู้ร้อง
เห็นว่า บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ บัญญัติว่า กรรมการของรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายใน ๓๐ วัน ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่ง ทุกสามปีที่อยู่ในตำแหน่ง เมื่อพ้นจากตำแหน่ง และเมื่อพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี หน้าที่ดังกล่าวถูกกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ในหมวด ๓ เรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ส่วนที่ ๒ การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่มีวัตถุประสงค์มุ่งหมายที่จะสร้างระบบตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความรัดกุมและเกิดประสิทธิผลในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริงจึงกำหนดหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน
และหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยกำหนดเวลาในการยื่นเป็นช่วงเวลาต่าง ๆ ไว้ เริ่มแต่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ร้องได้มีข้อมูลในการตรวจสอบบุคคลในตำแหน่งดังกล่าวตลอดระยะเวลาที่ผู้นั้นดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐและใช้อำนาจบริหารกิจการของรัฐอยู่ว่ามีทรัพย์สินและหนี้สินเปลี่ยนแปลงผิดปกติหรือไม่ อันเป็นกฎเกณฑ์พื้นฐานสำคัญที่ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวทุกคนต้องรู้และตระหนักว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ผู้คัดค้านเป็นกรรมการในบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามบทนิยามศัพท์ในมาตราดังกล่าว ซึ่งให้หมายความรวมถึงกรรมการของรัฐวิสาหกิจด้วยจึงมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด การที่ผู้คัดค้านเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องเมื่อเข้ารับตำแหน่งครั้งแรก แสดงว่าผู้คัดค้านได้ทราบดีถึงหน้าที่ดังกล่าวตามกฎหมายแล้ว แต่ที่ไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในครั้งหลัง สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เคยมีหนังสือแจ้งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงถึง ๓ ครั้ง และผู้คัดค้านก็ทราบแล้วโดยเป็นผู้รับหนังสือของสำนักงาน ป.ป.ช. เอง และไม่ปรากฏว่าได้ชี้แจงเหตุผลการไม่ยื่นบัญชีแต่อย่างใด จึงเป็นเหตุให้ไม่มีบัญชีที่ผู้ร้องจะเปรียบเทียบเพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงไปของทรัพย์สินและหนี้สินของผู้คัดค้านได้องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องในตำแหน่งกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งครั้งที่ ๓และการกระทำของผู้คัดค้านยังเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ด้วย
อนึ่ง องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากมีความเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้คัดค้านได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด แล้วเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ผู้คัดค้านจึงพ้นจากตำแหน่งที่ผู้ร้องเสนอเรื่องให้วินิจฉัยมาแล้วก่อนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย การให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในข้อนี้อีก ดังนั้นวันที่พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว จึงต้องถือวันพ้นตำแหน่งตามความเป็นจริง คือวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙เมื่อถือว่าผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ การห้ามผู้คัดค้านมิให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี จึงต้องนับแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๑ (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้คัดค้าน
พิพากษาว่า พลโท ไตรรัตน์ ปิ่นมณี ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๑ (เดิม) ห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ลงโทษจำคุก ๒ เดือนและปรับ ๔,๐๐๐ บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ เดือน และปรับ ๒,๐๐๐ บาทไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยรับโทษจำ คุกมาก่อน โทษจำ คุกให้รอการลงโทษไว้มีกำ หนด ๑ ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากผู้คัดค้านไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙, ๓๐ คำขออื่นให้ยก
นายมานัส เหลืองประเสริฐ
นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม
นายเอกชัย ชินณพงศ์
นางสาวเพลินจิต ตั้งพูลสกุล
นายมนูพงศ์ รุจิกัณหะ
นายพินิจ สายสอาด
นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร
นางพฤษภา พนมยันตร์
นายปัญญา ถนอมรอด_