ข่าวดี ผู้บริหารเนชั่น ชี้แนวโน้มสื่อใหม่ โกยเม็ดเงินโฆษณา
'อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ' เผยอัตราผู้รับข่าวสาร มีแนวโน้มหันไปเสพข่าวบนสื่อออนไลน์มากขึ้น แนะนสพ.ไทยต้องปรับตัว ไม่ให้ตกขบวน
วันที่ 20 กรกฎาคม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สถาบันอิศรามูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และภาควิชาวาสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมใหญ่วิชาการและวิชาชีพสื่อมวลชนประจำปี 2555 "ยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตวารสารศาสตร์ครั้งที่ 2" ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ "การบริหารจัดการธุรกิจสื่อยุคใหม่ (DIGITAL MEDIA LANDSCAPE 2012)" โดยกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสื่อต่อจากนี้ เมื่อผลการศึกษาของต่างประเทศ คาดการณ์ว่าสถานการณ์หนังสือพิมพ์ในประเทศไทย จะมีบทบาทลดลงหลังปี พ.ศ.2580 หรืออีก 25 ปีข้างหน้า เนื่องจากการเติบโตของอินเตอร์เน็ตและสื่อใหม่
"โดยส่วนตัวเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่มีการพยากรณ์ไว้ เห็นได้จากการเติบโตของโซเชียลมีเดีย อย่างเช่นทวิตเตอร์ ที่เติบโตรวดเร็วภายใน 1-2 ปี เกิดชุมชนข่าวบนโลกออนไลน์ที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมการรับชมโทรศัพท์ที่ผู้ชมสามารถเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการทวิตข้อความ แทนการส่งข้อความ (SMS) ผ่านโทรศัพท์มือถือ และปัจจุบันทวิตเตอร์ แทบจะกลายเป็นสื่อกระแสหลัก ในการชี้นำประเด็นข่าว ดังนั้น หนังสือพิมพ์ในประเทศไทยจะต้องมีการปรับตัว ไม่เช่นนั้นจะตกขบวน สูญหายไปได้"
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า อัตราผู้รับข่าวสาร อ่านหนังสือพิมพ์ มีแนวโน้มหันไปเสพข่าวบนสื่อออนไลน์มากขึ้น ซึ่งขณะนี้หนังสือพิมพ์ค่ายใหญ่ได้มีการปรับตัวไปทำทีวีดาวเทียม เช่น หนังสือพิมพ์ในเครือโพสต์ทูเดย์ บางกอกโพสต์ ลงทุน 100 ล้าน ทำทีวีดาวเทียม เช่นเดียวกับเดลินิวส์ ข่าวสด มติชน ปรับแผนจากทีวีดาวเทียมเป็น iptv เป็นต้น ส่วนกลุ่มฟรีทีวีได้มีการปรับตัวครั้งใหญ่เช่นกัน เพื่อสู้ทีวีดาวเทียมและดิจิตอลทีวี เช่น ช่อง 7 กรมประชาสัมพันธ์ มีการปรับไปทำทีวีดาวเทียมแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางด้านดีในแง่วารสารศาสตร์สื่อมวลชน เพราะจะมีพื้นที่ในการผลิตสื่อ ผลิตเนื้อหา มีความต้องการบุคลากรด้านการผลิตสื่อ โปรดิวเซอร์ ทีมตัดต่อต่างๆ มากขึ้น
นอกจากนี้การเกิดขึ้นของช่องทางใหม่ (news platform) หรือสงครามกล่องรับสัญญาน เช่น จีเอ็มเอ็มแซด ทรูวิชั่น พีเอสไอ ไอพีเอ็ม ซันบ็อก บิ๊กโฟร์ ยังทำให้เคเบิลทีวีต้องรวมกันเป็นกลุ่ม (cluster) เพื่อลงต้นทุนการบริหารจัดการ ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ธุรกิจพบว่า งบโฆษณาของช่องฟรีทีวี ช่อง satellite ที่มีรวมกันจำนวน 21 ช่อง สามารถเข้าถึงประชาชนได้ถึง 50% กลับได้งบโฆษณาเพียง 11% เท่านั้นหรือราว 7,000 ล้านบาทต่อปี
"กระแสการใช้งบโฆษณาจากเอเจนซี่ใหญ่ต่างประเทศ เช่น ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี มีนโยบายชัดว่าจะใช้งบในสื่อใหม่มากขึ้น"
นายอดิศักดิ์ กล่าวถึงการเปลี่ยนมีเดียแลนด์สเคปในประเทศไทยในช่วงต่อจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากมีการเกิดขึ้นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แต่ขณะนี้บางเรื่องทำถูกทาง บางเรื่องก็ถูกปลุกปั่นเป็นจิ้งหรีดไม่รู้ว่าจะวนไปทางไหน
"อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่สำคัญในอีก 4-5 ปีข้างหน้าเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ จะสื่อสารผ่านหลายช่องทาง (multi-channel) โดยผ่านทางเคเบิลทีวี/ดาวเทียม ในอัตราประมาณ 80%-90% หรือมีการติดตั้งดาวเทียมเพิ่ม 1.5-2 แสนครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งเชื่อว่าจะมีบทบาทสูงโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ขณะที่อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 30% ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โตช้า ส่วน 3G network ถ้าดูจากโรดแมปของ กสทช. น่าจะมีการประมูลดิจิตอลในไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 ประมาณช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายคือ ดิจิตอลทีวี ตามโรดแมปของ กสทช ระบุว่าจะเข้าถึงครัวเรือนไทย 80 % คำถามคือจะเป็นได้หรือไม่ เมื่ออัตราเคเบิลทีวีดาวเทียมพบว่าสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเกิดคำถามว่า ดิจิตอลทีวี ที่หวังจะได้เงินประมูล 50,000 ล้านบาท อาจไม่เกิดขึ้นจริง เกิดคำถามถึงเรื่องความคุ้มค่า ผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าถ้าช่องทางการสื่อสารเหล่านี้เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งด้านการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ การศึกษา ธุรกิจ ความบันเทิง"
ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ กล่าวถึงการปรับตัวของเนชั่นด้วยว่า มีปรับตัวนานพอสมควร โดยเน้นการผลิตเนื้อหา เพื่อป้อนสื่อทุกช่องทาง (platform) คำนึงถึงเนื้อหาที่สอดรับและไปได้กับธุรกิจ เชื่อมโยงกับผู้อ่านทางผ่านไอแพด โซเชียลมีเดีย และมีการวางโรดแมปเรื่องรายได้ในอีก 5 ปีไว้แล้วว่า จะมาจากสิ่งพิมพ์ 40% ปรับลดลงจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 80% มาจากดิจิตอลทีวี บอร์ดแคสติ้ง 40% และมาจากด้านการศึกษา 20%
