เรียกตัว3ขรก.ให้ปากคำแล้ว! ปธ.สอบป้องกันตลิ่งพังชลประทานยะลา46ล.ยันสรุปผลทัน30 วัน
'อัศวิน ปานทอง' ปธ.สืบสวนข้อเท็จจริงงานก่อสร้างโครงการป้องกันตลิ่งพังชลประทานยะลา วงเงิน 46 ล้าน ยันสรุปผลสอบได้ภายใน 30 วันตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายแน่ เผยเรียกตัว 2 ขรก. 1 พนง. เข้าให้ปากคำแล้วหลังถูกย้ายออกนอกพื้นที่ชั่วคราว ส่วนข้อมูลเอกชน ให้ ป.ป.ท.ลุยตรวจ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้าล่าสุดการตรวจสอบงานก่อสร้างโครงการป้องกันตลิ่งพังของโครงการชลประทานยะลา ใน 2 อำเภอ คือ อ.บันนังสตา กับ อ.รามัน รวมวงเงิน 46 ล้านบาท ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบว่ามีการทุจริต ไม่โปร่งใสในการก่อสร้าง ว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2561 ได้ติดต่อไปยัง นายอัศวิน ปานทอง วิศวกรชลประทานชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 17 ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ของ กรมชลประทาน เพื่อสอบถามความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้
นายอัศวิน ระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินงานโครงการป้องกันตลิ่งพังของโครงการชลประทานยะลา ใน 2 อำเภอ คือ อ.บันนังสตา กับ อ.รามัน รวมวงเงิน 46 ล้านบาท ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากกรมชลประทาน เบื้องต้น ได้มีการเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำแล้ว รวมถึงข้าราชการ 2 ราย และพนักงานราชการ 1 ราย ที่กรมชลประทาน มีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้วด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลการสืบสวนได้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามคำสั่งกรมฯ แน่นอน
เมื่อถามว่า คณะกรรมการสืบสวนจะดูข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเอกชนที่เข้ามารับงานด้วยหรือไม่ นายอัศวิน ตอบว่า "คณะกรรมการฯ ไม่ได้ดูข้อมูลในส่วนของเอกชน ขอบเขตอำนาจดูเฉพาะข้อมูลการปฏิบัติงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ว่า เป็นไปตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่"
ส่วนแหล่งข่าวระดับสูงจากกรมชลประทาน เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงการป้องกันตลิ่งพังของโครงการชลประทานยะลา ที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ทางกรมชลประทานจะดูข้อมูลในส่วนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่เท่านั้น ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเอกชน คงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท. แต่ในขั้นตอนการดำเนินงานจะมีการประสานงานภายในเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอยู่แล้ว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.61 ที่ผ่านมา นายมนัส กำเนิดมณี รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงนามในคำสั่งคำสั่งกรมชลประทาน ที่ ช.1078/2561 เรื่องมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ สาระสำคัญเป็นการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานยะลา 3 ราย หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ตรวจสอบการก่อสร้างโครงการป้องกันตลิ่งพังของโครงการชลประทานยะลา ใน 2 อำเภอ คือ อ.บันนังสตา กับ อ.รามัน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการทุจริต ไม่โปร่งใสในการก่อสร้างโครงการ
เจ้าหน้าที่ที่ถูกสั่งย้าย ประกอบด้วย
1.นายนิมะยากี นิฮะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนายช่างชลประทานชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานยะลา สำนักงานชลประทานที่ 17
2.นายเกรียงศักดิ์ ศรีเทพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน ส่วนเครื่องจักรกล สำนักงานชลประทานที่ 17
3.นายวินัย ไชยม่อม พนักงานราชการ ตำแหน่งนายช่างชลประทาน กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป โครงการชลประทานยะลา สำนักงานชลประทานที่ 17
โดยให้ทั้ง 3 คนไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงานชลประทานที่ 17 และให้อยู่ในบังคับบัญชาของผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 นับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.61 เป็นต้นไป จนกว่าการสืบสวนสอบสวนพิจารณาจะเสร็จสิ้น
คำสั่งย้ายดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มี.ค.61 เรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อ และเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิด ให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว
นอกจากนั้นในวันที่ 23 ก.ค.2561 กรมชลประทาน ยังมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ โดยมอบหมายให้ นายอัศวิน ปานทอง วิศวกรชลประทานชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 17 เป็นประธาน และมี นายเมฆินค์ ขีนทัพไทย วิศวกรชลประทานชำนาญการ หัวหน้าฝ่ายปรับปรุงบำรุงรักษา ส่วนบริหารจัดการและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 17 กับ นายประกาศิต เงาแก้ว นิติกรชำนาญการ ฝ่ายสืบสวนข้อเท็จจริง ส่วนวินัยและระบบคุณธรรม สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยให้ดำเนินการสืบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือครบกำหนดในช่วงปลายเดือนส.ค.2561 นี้