ศาลฎีกาฯรับอุทธรณ์ พิพากษาแก้ จำคุก1 เดือนรอลงโทษ-ปรับ 4 พัน นักการเมือง จ.ชลบุรี
คดีแรก! ศาลฎีกาฯรับอุทธรณ์ป.ป.ช.ฟังขึ้นพิพากษาแก้โทษ เพิ่มจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท สมาชิกสภาเมืองพัทยา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ให้รอลงโทษ 1 ปี ก่อนหน้าห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีอย่างเดียว
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาแก้ให้นายวิทยาผลลูกอินทร์สมาชิกสภาเมืองพัทยาอ.บางละมุงจ.ชลบุรีมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาจำคุก 2 เดือนและปรับ 8,000 บาทผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.163/2560 -26 มี.ค.2561)
คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาฯพิพากษาลงวันที่ 10 ส.ค. 2560 ครั้งนั้นศาลฎีกาฯพิพากษาว่านายวิทยาผลลูกอินทร์ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 19 พ.ค.2554 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสองข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ขณะที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งกับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 34, 119
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์รับอุทธรณ์วันที่ 17 ม.ค.2561 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัย 2 ประเด็น
ประเด็นแรก วินิจฉัยว่า ผู้ร้องฟ้องคดีได้ตัวผู้คัดค้านมาศาลภายในเวลาห้าปีนับแต่วันที่ผู้คัดค้านกระทำความผิดคดีส่วนอาญาที่ขอให้ลงโทษผู้คัดค้านในข้อหาดังกล่าวจึงไม่ขาดอายุความอุทธรณ์ข้อนี้ของผู้ร้องฟังขึ้น
ประเด็นที่สอง คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีผู้ใดอุทธรณ์โต้แย้งว่าผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยาเมื่อวันที่ 22พ.ค.2551 โดยปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับหน้าที่ต่อสภาเมืองพัทยาเมื่อวันที่2มิ.ย.2551 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่19 พ.ค.2559 ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 4 ดังนั้นการกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 119 อันเป็นความผิดในคดีส่วนอาญาตามคำร้องอุทธรณ์ข้อนี้ของผู้ร้องฟังขึ้นเช่นกัน
จึงมีคำพิพากษาแก้ ข้างต้น และนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อ่านฉบับเต็ม http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/040/10.PDF
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าคดีนี้เป็นคดีแรกที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ร้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯพิพากษาแก้ตามคำร้องอุทธรณ์ (เฉพาะที่มีการเผยแพร่คำพิพากษา)
อ่านประกอบ: ศาลฎีกาฯสั่งจำคุกจริง 2 นักการเมืองท้องถิ่นซุกบัญชีทรัพย์สินฯ เหตุมีคดีเก่า