- Home
- Isranews
- ข่าว
- นปช.งัดหลักฐานใหม่รื้อคดีสลายแดง-ปัดท้าทายผู้มีอำนาจ กอดคอ พธม.ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน
นปช.งัดหลักฐานใหม่รื้อคดีสลายแดง-ปัดท้าทายผู้มีอำนาจ กอดคอ พธม.ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน
นปช. แถลงรื้อคดีสลายเสื้อแดงปี’53 ยกคำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดผู้ชุมนุมตายเพราะกระสุนจริงจาก จนท. ‘ณัฐวุฒิ’ ปลุกสังคมรับรู้ความอยุติธรรมผ่านไป 7 ปี คนตายเป็นร้อย เอาผิดใครไม่ได้ ลั่นไม่มีนัยการเมืองแฝง แต่อยากให้เรื่องถึงศาล ผลเป็นอย่างไรพร้อมเคารพ สะกิด พธม. ไม่ได้เป็นศัตรูแต่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน ปัดท้าทายผู้มีอำนาจใน รบ.
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2560 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่ม นปช. ร่วมด้วยแกนนำ นปช. รวมถึงทีมทนายความของ นปช. แถลงข่าวถึงการดำเนินการเพื่อรื้อฟื้นคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกคดีดังกล่าว และศาลฎีกา วินิจฉัยยกฟ้อง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตีตกข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไปแล้ว อย่างไรก็ดีในคำพิพากษาของศาลฎีกาที่วินิจฉัยยกฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในกรณีดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นข้อยุติว่า เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองระหว่างวันที่ 7 เม.ย. 2553-19 พ.ค. 2553 ทั้งกลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน เป็นสาเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส เกิดจากการปฏิบัติการทางทหารที่ผลักดัน สลายการชุมนุม และกระชับพื้นที่หรือขอคืนพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนจริง และกระสุนปืนจริงตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ (จำเลยที่ 1)
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมาศาลอาญาได้พิจารณาหลายสำนวนเกี่ยวกับกรณีสั่งสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยการไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต มีข้อวินิจฉัยว่า เสียชีวิตเพราะกระสุนปืนจากฝั่งเจ้าหน้าที่ และสำนวนการไต่สวนทั้งหมดนี้ยังมิได้ปรากฏในกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ยกคำร้องไป ดังนั้นนี่จึงเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง ที่ ป.ป.ช. ควรหยิบยกขึ้นมาพิจารณา นอกจากนี้ยังอยู่ในอำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่ต้องแสวงหา และรวบรวมส่งต่อ ป.ป.ช. เพราะ อสส. ปฏิเสธการดำเนินการอันเป็นผลผูกพันจากคำพิพากษาศาลฎีกามิได้
“เมื่อดำเนินการเช่นที่เรียนไปแล้ว หาก ป.ป.ช. หยิบยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ แล้วมีมติชี้มูลความผิดนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อสส. มีหน้าที่นำคำฟ้องเดิม ในข้อหาฆ่าคนตายตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 80 83 84 และ 288 ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่วมไปด้วยได้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลฎีกา มิได้ยกคำฟ้องข้อหาดังกล่าว และวินิจฉัยชัดเจนว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถพิจารณาข้อหา หรือฐานความผิดอื่นนอกเหนือจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า อย่างไรก็ดีถ้าพบว่าการดำเนินของ อสส. และ ป.ป.ช. เป็นไปโดยไม่สุจริต เรามีสิทธิดำเนินคดีกับทั้ง 2 หน่วยงานในทุกบทบัญญัติของกฎหมาย แน่นอนที่สุดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ย่อมทำได้ โดยตามรัฐธรรรมนูญปี 2560 มาตรา 236 บัญญัติว่า หากเห็นว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริต ต้องรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน ยื่นประธานรัฐสภา ให้พิจารณายื่นประธานศาลฎีกา ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นอีกช่องทางหนึ่งจะดำเนินการ แต่ถ้าต้องใช้ช่องทางนี้ จะดำเนินการในสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และเห็นว่า 2 หมื่นคนเสียงเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเจ็บคนตายผ่านไป 7 ปี ไม่รู้เอาผิดกับใครอาจเบาไป ถ้าถึงตรงนั้นก็ต้องรวบรวมกัน 1 ล้านรายชื่อ
ประการต่อมาหากเห็นว่า การดำเนินการในทุกขั้นตอนดังกล่าวไม่ปรากฏความยุติธรรมขึ้นแล้ว จะดำเนินการโดยให้ฝ่ายกฎหมาย รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมการฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในทุกจุด ทุกเหตุการณ์ที่มีการสูญเสีย ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้ช่องเอาไว้ และสามารถยื่นฟ้องได้เป็นรายกรณี ตามความพร้อมของพยานหลักฐาน ทั้งนี้ทราบจากการติดตามข่าวสารทางสื่อว่า มีญาติของผู้เสียชีวิตบางส่วนจะใช้สิทธิดำเนินคดีตามแนวทางของตน นปช. เคารพ และถือเป็นสิทธิโดยชอบของแต่ละบุคคล แต่แนวทางของ นปช. เป็นไปตามที่แถลงไว้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เรียนถึงประชาชนทั้งประเทศว่า เรื่องนี้ นปช. ไม่มีเป้าหมายแอบแฝงทางการเมือง จะไม่เคลื่อนไหวเดินขบวน ไม่มีการปลุกปั่นหรือปลุกระดมใด ๆ แต่ถ้าปลุกได้ ตนอยากปลุกสังคมไทยด้วยความจริงของคดีให้ตื่นขึ้นมารับรู้ว่า คนถูกฆ่าตายเป็นร้อย มือเปล่า ๆ กลางเมืองหลวง ผ่านไป 7 ปี ยังเข้าถึงความยุติธรรมไม่ได้ ที่เจ็บปวดไปกว่านั้นคือ ผ่านไป 7 ปี แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่ นปช. ต้องการให้คดีที่คนถูกฆ่าตายเป็นร้อยไปถึงศาล เมื่อไปถึงศาลแล้ว กระบวนการพิจารณา และคำพิพากษาเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่พวกตนพร้อมจะเคารพ
“แน่นอนที่สุด เรามีความจำเป็นต้องเปรียบเทียบการใช้ดุลยพินิจของหน่วยงานสำคัญอย่าง ป.ป.ช. ใน 2 กรณี คือ กรณีสั่งฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในการสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯปี 2551 และการสลายชุมนุม นปช. ปี 2553 แต่การเปรียบเทียบนี้มิได้ประสงค์จะให้เกิดการกระทบกระทั่ง บาดหมางแตกแยก ระหว่างกลุ่ม นปช. และกลุ่มพันธมิตรฯแต่อย่างใด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เลขาธิการ นปช. กล่าวด้วยว่า นปช. มิได้ต้องการทับถมผู้บาดเจ็บหรือสูญเสียในการเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯแต่อย่างใด ตนคิดว่าถึงวันนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย นปช. หรือพันธมิตรฯ หรือไม่ว่าจะเป็นมวลชนเคลื่อนไหวกลุ่มใดก็ตาม สมควรทบทวนทุกอย่างที่ผ่านมา และมีข้อสรุปร่วมกันหรือไม่ว่า เราไม่ได้เป็นศัตรูกันแล้ว แท้ที่จริงเราทั้งหลายต่างเป็นเหยื่อของความขัดแย้งครั้งนี้หรือไม่
“ดังนั้นขอได้โปรดเข้าใจ และยืนยันว่า การเคลื่อนไหวนี้ มิได้ประสงค์จะเผชิญหน้า หรือท้าทายใด ๆ ต่อผู้มีอำนาจปัจจุบัน ไม่ได้มีความต้องการผลักดันโค่นล้มอะไรต่ออำนาจของท่าน ถ้าผมจะท้าทาย คือผมจะท้าทายต่อความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมไทยว่า คนตายเป็นร้อย แล้วคดีไม่ถึงศาล ท่านยอมรับได้หรือไม่ว่านี่คือความยุติธรรม” เลขาธิการ นปช. กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนพูดมาตลอดว่า นปช. ไม่ได้มีขัดข้องหรือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดอง แต่ความปรองดองของชาติต้องมีความยุติธรรมเป็นเสาเข็ม หากไร้ซึ่งความยุติธรรม ไม่มีทางเกิดความปรองดองได้ ที่ผ่านมา นปช. พยายามแบกรับความอยุติธรรมอย่างถึงที่สุด แต่พวกตนก็เป็นมนุษย์ มนุษย์ทุกคนไม่มีใครก้มหน้ารับความอยุติธรรมได้ตลอดไป
“ดังนั้นทุกอย่าง ทุกช่องทาง ทุกขั้นตอนที่กฎหมายเปิดให้ทำได้ พวกผมจะทำ และถ้าหากกระบวนการยุติธรรม ยื่นมือมารับคดีนี้ เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล พวกผมก็พร้อมที่จะเป็นประชาชนผู้ซึ่งติดตามการพิจารณาคดีด้วยความสงบ เฉกเช่นประชาชนคนไทยทั่วไป ตามกระบวนการถูกต้องตามหลักนิติธรรม สิ้นสงสัย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
อ่านประกอบ :
ข้อเท็จจริงคดีสลายแดงปี’53 ศาลยกคำร้อง-ป.ป.ช.ตีตก ตายเฉียดร้อยศพเอาผิดใครไม่ได้?
'มาร์ค-สุเทพ-บิ๊กป๊อก'รอด! คดีสลายแดง ป.ป.ช.ยันทำตามหลักสากล
ยังไร้หลักเกณฑ์เปิดเผย! ป.ป.ช.ไม่ให้ข้อมูลปมตีตกคดีสลายแดงปี’53