'ยงยุทธ' ไม่รอด! ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตพิพากษาจำคุก2ปี สนามกอล์ฟอัลไพน์
ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาจำคุก 'ยงยุทธ วิชัยดิษฐ' เป็นเวลา 2 ปี ให้ประกันตัวหลักทรัพย์ 5 แสน คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์’ ชี้จงใจตีความโดยใช้กม.ผิดเพี้ยนจากความเห็นกฤษฎีกา-ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. แสวงหาผล ปย.ให้ผู้อื่น ทำลายศรัทธาผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ อ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพน์’ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมิชอบ
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากจงใจตีความโดยใช้กฎหมายผิดเพี้ยนจากความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) คำสั่งจำเลยจึงเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอนุญาตประกันตัวนายยงยุทธ ด้วยหลักทรัพย์ประกัน 5 แสนบาท
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินของมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย ผู้โอน ให้กับมูลนิธิมหามงกุฎฯ เป็นผู้รับ และมูลนิธิมหามงกุฎฯ ได้ขาย ให้กับบริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตลอดจนการจดทะเบียน ลำดับต่อ ๆ มา รวมถึงการจดทะเบียนแยกแปลงในที่ดินที่เป็นข้อพิพาทนี้ เป็นคำสั่งที่ถูกต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริงแล้ว
แต่จำเลยที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจพิจารณาการอุทธรณ์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทั้งที่จำเลยก็รับทราบมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุว่า ที่ดินเป็นดังกล่าวตกเป็นของวัดและธรณีสงฆ์ทันทีที่นางเนื่อมเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่มีการโอนชื่อให้เป็นของวัดก็ตาม อีกทั้งยังพบว่า วัดได้ปล่อยเช่าที่ดินที่ได้รับจากนางเนื่อมเพื่อให้เกิดดอกผล และยังไปจดทะเบียนว่าที่ดินที่ได้มานี้ เป็นธรณีสงฆ์
ทั้งนี้มติคณะรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้กระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติตามข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา อีกทั้งยังมีโอกาสขอทบทวนการอุทธรณ์ แต่จำเลยก็ไม่ทำ และยังทราบด้วยว่า มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับคดีทางปกครองเอาไว้ก่อน ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นหากจะต้องใช้เวลาอุทธรณ์ออกไปอีก ก็ไม่ได้เป็นเหตุให้มีความเสียหายเกิดขึ้นเกินสมควร อีกทั้งจำเลยมีอำนาจใช้ดุลยพินิจและจะต้องมีเหตุและผลในการอธิบายเพิกถอนคำสั่งได้ จำเลยเคยเป็นอธิบดีกรมที่ดินมาก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวง ย่อมทราบดีว่า กรณี รมช.มหาดไทย ไม่อนุญาตให้วัดเป็นผู้รับโอนมรดกเกินกว่า 50 ไร่ ก็มีแค่กรณีของนายเสนาะ เทียนทอง รมช.มหาดไทย (ขณะนั้น) เป็นกรณีเดียว หากพิจารณาคำสั่งโดยละเอียด ย่อมจะพบความไม่ปกติในคำสั่งของนายเสนาะ ที่ก้าวล่วงในการดำเนินการของเจ้าอาวาส
ศาลเห็นว่า จำเลยต้องใช้ความรู้ความสามารถ พิจารณาอย่างรอบคอบ ระมัดระวังในข้อกฎหมาย ให้สมกับความรู้และความสามารถในการดำรงตำแหน่งมาหลายตำแหน่ง จนได้รักษาการในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ลำดับที่ 3 ใน 7 ลำดับ
ขณะเดียวกันพินัยกรรมของนางเนื่อม ระบุชัดเจนว่ายกที่ดินให้กับวัดเท่านั้น และให้มูลนิธิร่วมกับวัด ไปร่วมกันช่วยจัดทำประโยชน์ ในการครอบครองที่ดิน โดยที่ไม่อาจขยายความไม่ถึงการขายที่ดินได้
นอกจากนี้ยังไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยได้ใช้หลักความมั่นคงแห่งสิทธิ ความสุจริต ความเสียหายต่อสาธารณะอย่างสุจริตใจ แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทอัลไพน์ 2 แห่ง ไม่ให้ถูกเพิกถอนการถือครองที่ดิน สิทธิและนิติกรรมตามคำสั่งทางปกครองของอธิบดีกรมที่ดิน ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ไม่ควรได้ให้แก่ผู้อื่น เกิดความเสียหายแก่วัดที่ถือเป็นทายาทตามพินัยกรรม เป็นการทำลายศรัทธาผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างนางเนื่อม ที่ระบุชัดไว้ในพินัยกรรมว่า ขอให้นำทรัพย์สินที่ได้หลังจากการมรณกรรมของตน นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นจตุปัจจัยถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จึงพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างฟังคำพิพากษานายยงยุทธมีสีหน้าเรียบเฉย วิตกกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากอ่านคำพิพากษา นายยงยุทธ มีนัยน์ตาแดงก่ำ ป ขณะที่บุคคลในครอบครัวเดินทางออกจากศาลโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
อนึ่ง กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 6-3 เสียง ชี้มูลความผิดนายยงยุทธ กรณีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพน์’ ที่แบ่งแยกจากโฉนดที่ดิน 2 แปลง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเห็นว่า มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา
อ่านประกอบ : 29 ส.ค.ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดพิพากษาคดีกอล์ฟอัลไพน์-'ยงยุทธ'จำเลย
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายยงยุทธ จาก เจ้าพระยานิวส์