ศาลฎีกาฯนัดอดีตปลัดคมนาคม คดีซุกเงินสด 18 ล.อีก 3 ครั้งกรณีโจรปล้นบ้าน
ศาลฎีกาฯ นัด ‘สุพจน์ ทรัพย์ล้อม’ปลัดคมนาคม อีก 3 ครั้งคดีใหม่ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. กรณีเงินสด 18 ล.คราวถูกโจรปล้นบ้านก่อนหน้าถูกยึดทรัพยแล้ว 64.9 ล.
สำนักข่าวอิศรา www.isranew.org รายงานว่า เมื่อ 25 ก.ค.2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตาแหน่งทางการเมืองได้เผยแพร่บัญชีนัดความคดีที่อยู่ในพิจารณาในจำนวนนี้เป็นคดีความผิดเกี่ยวกับการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จำนวน ทั้งสิ้น 67 คดีโดยศาลฎีกาฯนัดพิจารณาครั้งแรกหรือนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 26ก.ค.-21 ก.ย.2560
จำแนกเป็นนักการเมืองท้องถิ่น 63 คดี (ราย) และผู้ดำรงตำแหน่งอื่น 4 คดี (ราย) ในจำนวนประเภทหลัง คือ คดี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ศาลฎีกาฯนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 3ก.ค.2560 , 26 ก.ค.2560ที่ผ่านมา และ นัดไต่สวน3 ครั้ง คือ 21 ส.ค.2560 , 30ส.ค.2560 และ 31 ส.ค.2560 และยังไม่กำหนดวันตัดสิน (คดีหมายเลขดำที่ อม.27/2560 )
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า นายสุพจ์ปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเนื่องจากกรณีเหตุการณ์มีเงินสดเก็บไว้ที่บ้านเมื่อคราวถูกโจรปล้นจำนวน18 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น เหตุเกิดในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2554
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2560 เจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช. ได้ไปรับมอบของกลางที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ตรวจยึดไว้ได้ในคดีปล้นทรัพย์บ้านของ นายสุพจน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 ประกอบด้วยเงินสดจำนวน 18 ล้านบาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น และสร้อยข้อมือหนัก 5 บาท 1 เส้น
สำนักข่าวอิศรารายงาน เมื่อ 24 ก.ค. 2555 นายสุพจน์ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลในข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 64.7 ล้านบาท และ ส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลอาญายึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน กระทั่ง ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของ นายสุพจน์ กับพวก ซึ่งเป็นเครือญาติ 7 คน อาทิ เงินสด เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รวม 9 บัญชี เงินฝากในสหกรณ์ออมทรัพย์กรมทางหลวง โฉนดที่ดินย่านต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บ้านพัก รถยนต์ ห้องชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 64,998,587 บาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2557 นายสุพจน์ถูกศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตามคำร้องของอัยการสูงสุด 19 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 46,141,038 .83 บาท ของนายสุพจน์ และที่มีชื่อของภรรยา , บุตรสาว และบุตรเขย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นนั้นตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยให้นายสุพจน์ ส่งมอบทรัพย์สินต่อกระทรวงการคลัง
11 พ.ย. 2558 ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าทรัพย์ตามคำร้องได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่และเกิดจากความร่ำรวยผิดปกติ จึงต้องสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทรัพย์สินรวม 46,141,038 .83 บาท ตกเป็นของแผ่นดินโดยนำบัญชีเงินฝาก 3 บัญชี ที่ปิดแล้วจำนวน 15,857,548.69 บาท หักออกจากมูลค่าทรัพย์สินที่ อสส.ยื่นคำร้องนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย เมื่อฟังได้ว่านายสุพจน์ ผู้คัดค้านที่ 1 ร่ำรวยผิดปกติ แม้ภายหลังมีการปิดไปแล้วก็ต้องนำเงิน 15,857,548.69 บาท มารวมอยู่ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติด้วยส่วนรถยนต์ยี่ห้อ VOLK SWAGEN มูลค่า 3 ล้านบาทแม้ไม่มีชื่อของนายสุพจน์เป็นเจ้าของ แต่รับฟังได้ว่ามีการมอบรถให้นายสุพจน์ใช้อย่างถาวร จึงเป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเกิดจากการร่ำรวยผิดปกติด้วย เมื่อนำทรัพย์สินดังกล่าวกับมูลค่าทรัพย์สินที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จะรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 64,998,587.52 บาท อุทธรณ์ผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้รถยนต์ยี่ห้อ VOLK SWAGEN มูลค่า 3 ล้านบาท รวมเข้ากับทรัพย์สินอื่นตามคำสั่งศาลชั้นต้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 64,998,587.52 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
อ่านประกอบ : โดนอีกคดี‘สุพจน์ ทรัพย์ล้อม’! ป.ป.ช.ชงศาลฎีกาฯซุกบัญชีทรัพย์สิน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก kapook