ยื่นผู้ว่าฯ สตง.สั่งกรมราชทัณฑ์ใช้‘อี-บิดดิ้ง’จัดซื้ออาหารดิบเรือนจำปีงบฯ 61
ปธ.สหกรณ์ จ.อ่างทอง ยื่นหนังสือ ผู้ว่าฯ สตง. สั่งให้กรมราชทัณฑ์ใช้ ‘อี-บิดดิ้ง’ จัดซื้ออาหารดิบเรือนจำปีงบฯ 61 วิธีการเดียว พร้อมขอ รมว.คลัง ยกเลิกสิทธิพิเศษ 3 หน่วยงาน ภารกิจไม่สอดคล้องสภาพปัจจุบัน ที่ผ่านมา ไม่ทำเอง แต่มอบอำนาจเอกชนเสนอราคา-เป็นคู่ค้าช่วงรับส่วนต่าง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2560 นายสำรวย วงษ์สนอง ประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด (จ.อ่างทอง) ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อขอให้พิจารณาสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ประกวดราคาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-BIDDING) เพียงวิธีการเดียวเท่านั้น ในการจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยให้เหตุว่า
1.เพื่อให้การจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) ของกรมราชทัณฑ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ
2.เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีอาชีพดังกล่าว ได้เข้าร่วมแข่งขันเสนอราคาในการจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์บ้าง
3.เพื่อให้การเสนอราคาเป็นไปด้วยความถูกต้องและเป็นธรรม เห็นควรให้เรือนจำและทัณฑสถาน เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อเองทั้งหมดดังเช่นการจัดซื้อของทุกปีงบประมาณ
4.เห็นควรให้ สตง. แจ้งกรมราชทัณฑ์เพื่อตัดสิทธิ์ ห้ามไม่ให้องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า เข้าร่วมการแข่งขันราคาในการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ โดยวิธีการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทุกวิธีการต่อไปด้วย
“การเข้าเสนอราคาการจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) กับเรือนจำและทัณฑสถานต่างๆของกรมราชทัณฑ์ องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ได้มีการมอบอำนาจให้เอกชนให้เป็นผู้เสนอราคา ตลอดจนให้มีอำนาจที่จะลดราคาหรือเพิ่มราคา หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขราคาหรือรายการ รวมทั้งให้มีอำนาจลงนามในใบเสนอราคา พร้อมทั้งต่อรองราคากับเรือนจำและทัณฑสถานต่างๆ แทนหน่วยงานได้ และเมื่อองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะในการเสนอราคาจากเรือนจำแล้ว องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ก็จะทำการแต่งตั้งให้เอกชนที่ได้รับมอบอำนาจดังกล่าว ให้เป็นผู้ลงทุนและเป็นตัวแทนในการจำหน่ายอาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง แทนหน่วยงานทั้งหมด โดยองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า จะเรียกเก็บจากตัวแทนเป็นจำนวนเงินในอัตราร้อยละ 3 ของวงเงินตามสัญญา”เนื้อหาของหนังสือระบุ
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในวันเดียวกัน นายสำรวย ยังได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผ่านอธิบดีกรมบัญชีกลาง ขอให้พิจารณายกเลิกการให้สิทธิพิเศษแก่องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า และให้กรมราชทัณฑ์ยกเลิกการจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) โดยวิธีกรณีพิเศษ โดยให้เหตุผลว่า
1.ขณะนี้มีหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 คือ องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า เป็นหน่วยงานที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน มีสาระไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายในปัจจุบัน ที่คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษ สมควรเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณายกเลิกการให้สิทธิพิเศษ เนื่องจากไม่มีภารกิจในการผลิต รับจ้าง จำหน่าย ให้บริการ หรือหมดความจำเป็น
2.การจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้เรือนจำและทัณฑสถาน แจ้งหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 อย่างน้อย 3 ราย ให้มาเสนอราคา แต่ปรากฏว่าการเสนอราคาขององค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของหน่วยงานและระเบียบของทางราชการ โดยการมอบอำนาจให้เอกชน เป็นผู้เสนอราคาในการจัดซื้อและต่อรองราคา ตลอดจนให้มีอำนาจที่จะลดราคาหรือเพิ่มราคาหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขราคาหรือรายการ รวมทั้งให้สามารถลงนามในใบเสนอราคาแทนองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้าได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว นอกจากอาจจะผิดข้อบังคับของหน่วยงานและระเบียบของทางราชการแล้ว ยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายของการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 อีกด้วย
ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการ
1.ให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ พิจารณายกเลิกการให้สิทธิพิเศษขององค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ในการจำหน่ายอาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ของกรมราชทัณฑ์ โดยวิธีกรณีพิเศษ
2.ให้กรมราชทัณฑ์ สั่งให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ทำการจัดซื้ออาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งพร้อมเครื่องปรุง) สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) ทั้งหมด
3.เพื่อให้เรือนจำและทัณฑสถานต่างๆ ได้คู่สัญญาที่มีศักยภาพในการจัดส่งอาหารสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง เรือนจำและทัณฑสถาน สามารถกำหนดคุณสมบัติของผู้เสนอราคา จะต้องเป็นผู้ที่มีผลงานในการจำหน่ายอาหารดิบให้กับหน่วยงานราชการโดยตรง ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินที่จะทำการจัดซื้อ
4.การกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามระเบียบฯและต้องไม่เข้าข่ายในลักษณะของการกีดกันการเสนอราคาโดยเด็ดขาด
5.เพื่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม ตลอดทั้งเพื่อมิให้เกิดความสับสนในการเสนอราคาของผู้ที่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมทำการเสนอราคา จึงขอให้เรือนจำและทัณฑสถานแต่ละแห่ง เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อเอง ดังเช่นการปฏิบัติในทุกปีงบประมาณที่ผ่านมา
6.ถ้าการจัดซื้อของเรือนจำและทัณฑสถาน โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) ไม่ได้ผลดี หรือไม่มีผู้เสนอราคา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการจัดเลี้ยงผู้ต้องขัง ให้เรือนจำและทัณฑสถาน สามารถจัดซื้อโดยวิธีตกลงราคา สอบราคาหรือวิธีพิเศษไปก่อนเป็นการชั่วคราวได้
อ่านประกอบ :
อธิบดีกรมบัญชีกลางแจ้งกรมราชทัณฑ์ทำผิด! ตั้ง‘คู่ค้าช่วง’ส่งอาหารเรือนจำ