- Home
- Isranews
- ข่าว
- แข็งแกร่งถึงฐานราก "น่าน" จ.แรกเดินหน้าอนุมัติสินเชื่อช่วย 4 เอสเอ็มอี สร้างงานในพื้นที่
แข็งแกร่งถึงฐานราก "น่าน" จ.แรกเดินหน้าอนุมัติสินเชื่อช่วย 4 เอสเอ็มอี สร้างงานในพื้นที่
บสย.จับมือ ธพว. และหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัวแคมเปญ "โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Transformation Loan-กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีแนวประชารัฐ" ผลักดันผู้ประกอบการ SMEs สู่ Thailand 4.0 จ.น่าน ประเดิมปล่อยสินเชื่อ -ค้ำประกัน 4 ผู้ประกอบการรายเล็ก วงเงิน 22 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆ นี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และหน่วยงานพันธมิตร จัดงานเปิดตัวแคมเปญ "โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Transformation Loan ผลักดันผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ Thailand 4.0 สร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ณ โรงแรมดิ อิมเพรส จ.น่าน
นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล สร้างการรับรู้ และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดต่างๆ ได้สินเชื่อที่มีต้นทุนต่ำและได้รับการค้ำประกันสินเชื่อเต็มวงเงิน ภายใต้โครงการสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ SMEsTransformation Loan โครงการนี้ บสย.เตรียมวงเงินค้ำประกันไว้ถึง 15,000 ล้านบาท ปีแรก บสย.ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน ในส่วนของปีที่ 2 และ ปีที่ 3 คิดอัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ต่อปีของเงินค้ำประกัน โดยมีวงเงินค้ำประกันสูงสุดถึง 15 ล้านบาท โดยให้การค้ำประกันสูงถึง 7 ปี และสิ้นสุดรับคำขอในวันที่ 20 มีนาคม 2561
"บสย.และ ธพว.ได้ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล โดยจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ และกระตุ้นสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ ผ่านโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan สู่จังหวัดต่างๆ รวมถึงจ.น่าน ซึ่งพบว่า ประสบความสำเร็จน่าพอใจ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน หลังการลงนามMOU บสย.มียอดค้ำประกันแล้ว 500 ล้านบาท และมีการอนุมัติหนังสือค้ำประกันไปแล้ว 125 LG"
นายนิธิศ กล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้นับเป็นย่างก้าวสำคัญของบสย. ในโอกาสดำเนินงานครบรอบ 25 ปี เป็น 25 ปีของความมุ่งมั่นพัฒนาผู้ประกอบการไทย ผลสำเร็จจากการให้การสนับสนุนส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 300,000 LG วงเงินค้ำประกัน 600,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อหมุนเวียนในระบบกว่า 900,000 ล้านบาท ตอกย้ำให้เห็นว่า บสย.คือเครื่องมือที่รัฐใช้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ช่วยพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยกระดับ เพิ่มขีดความสามารถ และช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้จริง
ด้านนายกันตพนธ์ แก้วมณี ปฏิบัติหน้าที่ผู้รับผิดชอบสายงานสาขา ธพว. กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2560 เห็นชอบจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีกตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีมุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 และช่วยเติมเต็มผู้ประกอบการให้มีเงินทุนเพียงพอ รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยมีเงินทุนเริ่มต้น 18,000 ล้านบาท จ.น่านได้รับการจัดสรรเบื้องต้น 186 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตมีโอกาสได้รับจัดสรรเพิ่มเติมได้ หากสามารถหาธุรกิจที่เหมาะสมกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด
"กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีกตามแนวประชารัฐ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ต้องจัดสรรไม่น้อยกว่า 75% ของจังหวัดนั้นๆ และกลุ่มที่ 2 วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ไม่เกิน 10 ล้านบาท ต้องจัดสรรไม่น้อยกว่า 25% ของจังหวัดนั้นๆ โดยกองทุนนี้มุ่งหวังสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก กระจายวงเงินให้ทั่วถึงทั้งจังหวัด" นายกันตพนธ์ กล่าว และว่า หากกระจายวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งจ.น่านจะมีผู้ประกอบการ 62 ราย สำหรับเงื่อนไขกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 1 ต่อปี และปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรกที่ขยายธุรกิจ ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้ใน 3 ปีแรก
นายกันตพนธ์ ยังกล่าวถึงมติครม.วันที่ 21 มี.ค.2560 เห็นชอบหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan มุ่งช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจให้สามารถมีสภาพคล่อง ส่งเสริมเอสเอ็มอีให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจากธุรกิจ 2.0 3.0 สู่ 4.0 และให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำได้ ลดต้นทุนทางการเงิน ทั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญของโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan คือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่สามารถกู้ยืมไปเพื่อรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินอื่นได้ และธพว. จะไม่รับลูกค้าโดยตรงเข้ามาที่สาขา แต่จะรับลูกค้าผ่านการกลั่นกรองของพันธมิตรในท้องถิ่นจังหวัดนั้นๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นต้น
"โครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan กำหนดวงเงินกู้รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% คงที่ 3 ปีแรก ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLRต่อปี นอกจากนี้กรณีกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้ บสบ.ค้ำประกันได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ เป็นการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี"
นายกันตพนธ์ กล่าวด้วยว่า 2 มติครม. กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีกตามแนวประชารัฐ มีความเชื่อมโยงกับโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan กรณีที่ผู้ประกอบการได้รับสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ซึ่งมีเพดานไม่เกิน 10 ล้านบาท แต่เมื่อมีความจำเป็น มีการลงทุนที่มากก็สามารถขอบริการ SMEs Transformation Loan ไปพร้อมกัน วงเงินสูงสุด 25 ล้านบาท"
"2 โครงการนี้สิ่งที่กำหนดไว้เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของเอสเอ็มอี คือ ต้องเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนนิติบุคคลบัญชีเดียวเท่านั้น เพื่อส่งเสริมบุคคลธรรมดาให้ประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคล การเข้าสู่ระบบภาษีตามหลักเสมอภาคและโปร่งใส ซึ่งจะมีสิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐเข้ามาดูแลหลายประการ หมดเขต 31 ธ.ค.2560" นายกันตพนธ์ กล่าว และว่า ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ธนาคารภาครัฐไม่ให้การสนับสนุนกับคนธรรมดาในการเข้าถึงแหล่งเงินอีกแล้ว โดยเฉพาะธพว.มีช่องทางเหลือน้อยมากสำหรับบุคคลธรรมดา
ขณะที่นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในวันนี้ อยากให้มีความแข็งแกร่งไปถึงฐานราก ซึ่งการพิจารณาโครงการต่างๆ จึงเสริมตั้งแต่ฐานรากเป็นต้นไป
"การเจริญเติบโตของ จ.น่าน ผมไม่อยากให้ใครโต โดยทิ้งธุรกิจอื่นไว้เบื้องหลัง เราต้องเดินไปพร้อมไป เพราะพื้นที่ผลิตภาพจ.น่านมีไม่มากพอเหมือนจังหวัดอื่น วันนี้เรากำลังช่วยเหลือพยุงธุรกิจฐานรากให้แข็งแกร่ง ทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคเกษตรกรรม"
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวถึงการพิจารณาให้ 2 บริษัทแรก คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน ชมพูภูคา เพราะเป็นส่วนหนึ่งทำให้ธุรกิจอื่นขยับตาม จ้างคน สร้างงานภายในจังหวัดดึงธุรกิจอื่น
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการประกาศเดินหน้าโครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐนั้น จ.น่าน เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทยที่ได้ขับเคลื่อนกองทุนดังกล่าว ที่ได้อนุมัติวงเงินสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการจังหวัดน่านรวม 4 ราย คือน่านดูโอ คอฟฟี่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน ชมพูภูคา และห้างหุ้นส่วนจำกัดน่านชัยวัฒน์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดน่านอินเตอร์ซัพพลาย ผู้ประกอยการรับเหมาก่อสร้าง 2 รายล่าสุด พร้อมมอบเงินสนับสนุนอย่างเป็นทางการ วงเงินรวม 22 ล้านบาท