พบ ‘สนธิรัตน์’รมช.พาณิชย์ ถือหุ้นบริษัท2แห่งเกิน 5% -รอแจงประธาน ป.ป.ช.
พบ ‘สนธิรัตน์’ รมช.พาณิชย์ป้ายแดง ถือหุ้น 2 บริษัทเกิน 5% บ.เดอะ ซิกเนเจอร์ฯ 23.5 ล. คิดเป็น 19.5% จากทุน 120 ล้าน-บ.เดอะไรท์พาวเวอร์ฯ 4.2 ล้าน คิดเป็น 7.8% จากทุน 54 ล้าน
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชุดที่ 4 แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 ระบุว่า ร่วมลงทุนในธุรกิจที่ดินเขาใหญ่ วงเงิน 20 ล้านบาท จากทุนรวมทั้งหมด 100 ล้านบาท (มีนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ร่วมลงทุนด้วย 5 ล้านบาท) โดยนายสนธิรัตน์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการโครงการ ทำหน้าที่ดูแลเงินและกิจการหรืองานที่เกี่ยวกับกิจการตามสัญญา นอกจากนี้ยังถือหุ้นใน บริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ แบรนด์ จำกัด มูลค่า 23.5 ล้านบาท และบริษัท เดอะไรท์พาวเวอร์ จำกัด มูลค่า 4,229,500 บาท นั้น
(อ่านประกอบ : ทรัพย์สิน 113 ล.‘สนธิรัตน์’รมต.ไร้บ้าน? -ร่วมหุ้น‘อุตตม’ทำธุรกิจเขาใหญ่ 20 ล.)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่าว่า นายสนธิรัตน์ ถือหุ้นบริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ แบรนด์ จำกัด มูลค่า 23.5 ล้านบาท หรือประมาณ 19.5% จากทุนจดทะเบียนทั้งหมด 120 ล้านบาท ส่วนการถือหุ้นบริษัท เดอะไรท์พาวเวอร์ จำกัด มูลค่า 4,229,500 บาท หรือประมาณ 7.8% จากทุนจดทะเบียนทั้งหมด 54 ล้านบาท
โดยตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ในมาตรา 4 และมาตรา 5 บัญญัติไว้สรุปได้ว่า รัฐมนตรีจะถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนเกิน 5% มิได้ แต่หากต้องการได้รับประโยชน์จากหุ้นเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ต้องทำหนังสือแจ้งประธาน ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน และโอนหุ้นดังกล่าวให้นิติบุคคลเป็นผู้ดำเนินการภายใน 90 วัน ก่อนที่จะแจ้งกลับไปยังประธาน ป.ป.ช. ภายใน 10 วัน
เมื่อนายสนธิรัตน์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งเป็น รมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 และ ป.ป.ช. เผยแพร่บัญชีทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 ดังนั้นหากประสงค์จะถือหุ้นเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 20 เม.ย. 2560 อย่างไรก็ดียังคงไม่มีข้อมูลชัดเจนว่านายสนธิรัตน์ ได้แจ้งความประสงค์ขอถือหุ้นเกินกว่าที่กำหนดแก่ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วหรือไม่
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของนายสนธิรัตน์ ที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ชี้แจงแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้
สำหรับ มาตรา 4 พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 ระบุว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
(1) ในห้างหุ้นส่วนจำกัด รัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ไม่เกินร้อยละห้าของทุนทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น
(2) ในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด รัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละห้าของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ในบริษัทนั้น
มาตรา 5 ในกรณีที่รัฐมนตรีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในมาตรา 4 ให้รัฐมนตรีดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) แจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และ
(2) โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้นิติบุคคลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้แจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ และเมื่อได้ดำเนินการโอนหุ้นส่วนหรือหุ้นให้กับนิติบุคคลใดแล้ว ให้รัฐมนตรีแจ้งเป็นหนังสือให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบภายในสิบวันนับแต่วันที่ได้โอนหุ้นส่วนหรือหุ้นนั้น
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความแล้วว่า คณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องปฏิบัติตาม มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 และมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. จะใช้มาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ที่บัญญัติให้ กรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใด กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมืองไม่ได้
อ่านประกอบ : กฤษฎีกาฟันธง“ครม.ประยุทธ์”ห้ามเป็นคู่สัญญารัฐ-ลูกจ้างเอกชน