ศาลสั่ง ‘ราเกซ’ นักโทษคดีทุจริต ‘บีบีซี’ ล้มละลาย -เคยถูกพิพากษาชดใช้ 1.1 พันล.
เผยแพร่ประกาศ ศาลสั่ง‘ราเกซ สักเสนา’ นักโทษ คดีทุจริต ‘บีบีซี’ เป็น ‘บุคคลล้มละลาย’ ก่อนหน้านี้ ปี 55 ถูกพิพากษา ชดใช้ค่าเสียหาย 1.1 พันล. ตามรอย ‘เกริกเกียรติ’ ถูกปลดเรียบร้อย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2559 ราชกิจจาบุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้ นายราเกซ สักเสนา ล้มละลาย เนื้อหาระบุว่า
ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้ นายราเกซ สักเสนา จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2559 และศาลได้กำหนดนัดไต่สวนจำเลยที่ 2 โดยเปิดเผยที่ศาลล้มละลายกลาง ในวันที่ 11 สิงหาคม 2559 จำเลยที่ 2 เลขประจำตัวประชาชน - เกิดเมื่อวันที่ - มีอาชีพ ไม่ปรากฏอาชีพ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ (ไม่พบในฐานข้อมูลสำนักทะเบียนบ้านกลาง) เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วมีสิทธิไปฟังการไต่สวนและซักถามจำเลยที่ 2 ที่ศาลได้ หรือจะมอบฉันทะเป็นหนังสือให้ผู้หนึ่งผู้ใดไปแทนก็ได้ ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/D/058/257.PDF
ก่อนหน้านี้ 15 ก.ย.2552 ศาลฯสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นายราเกซ สักเสนา ตามที่
บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ บริษัท ซัพพอร์ตซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ 1 นายราเกซ สักเสนา ที่ 2 ลูกหนี้ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจ จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป เก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สิน ซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้ หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับ จากผู้อื่น และ ประนีประนอมยอมความ หรือฟ้องร้อง หรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2552/D/104/137.PDF
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายราเกซ สักเสนา เป็นนักการเงินการธนาคาร ชาวอินเดีย อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ (บีบีซี) เจ้าของฉายา ‘พ่อมดการเงิน’ ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์เป็นเงิน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2539 หลังการล้มละลายของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ในปี 2538 และออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2539
นายราเกซ เดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทย ไปอาศัยอยู่ที่เมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และถูกจับกุม เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2539 ทางการไทยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่แคนาดา เพื่อนำตัวนายราเกซเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่นายราเกซได้ให้ทนายความยื่นคัดค้าน โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทยอาจถูกสังหารหรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้ายทารุณ ศาลฎีกาแคนาดายกคำร้องคัดค้านของนายราเกซเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นผลให้ทางการแคนาดาต้องส่งตัวนายราเกซ ให้ทางการไทยตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนวันที่ 31 ตุลาคม 2552
ต่อมา ในเดือนมิถุนายน 2555 ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาให้จำคุกนายราเกซ เป็นเวลา 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท หาก จำเลย ไม่ชำระค่าปรับให้กักขัง 2 ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับธนาคารบีบีซี เป็นจำนวนเงิน 1,132,000,000 บาท
สำหรับ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ศาลล้มละลายกลาง มีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อปี 2552 และถูกปลดล้มละลายเมื่อปี 2555 ก่อนหน้านี้ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ บริษัท สเปเชียล แอสเซ็ตส์ จำกัด ที่ 1 นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ที่ 2 ลูกหนี้ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และเสียชีวิตเมื่อ 20 ต.ค.2555
ภาพประกอบ : thaipublica.org