“รบ.ยิ่งลักษณ์” อ้าง 4 เหตุผล ขยาย พ.ร.บ.มั่นคง ยาวถึง 30 พ.ย.
ฟัง 4 เหตุผล ครม.ยิ่งลักษณ์ ต่อเวลาใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ยาวถึง 30 พ.ย. ชี้ “ม็อบหวังยืดเยื้อ-ขวางรบ.สภาฯทำงาน-หวั่นมือที่3ป่วน-กม.ปกติขาดประสิทธิภาพ”
(ภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2556 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติให้ต่อเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ จากเดิม ระหว่างวันที่ 9-18 ต.ค.2556 ให้ขยายไปถึงวันที่ 30 พ.ย.2556 โดยให้คงไว้ใน เขตดุสิต เขตพระนคร และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ของ กทม.ตามเดิม ไม่มีการขยายไปยังเขตราชทวี ซึ่งเป็นที่ตั้งเวทีของผู้ชุมนุม
โดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงว่า เหตุผลของการต่อเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะยังปรากฏเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงการประชุมรัฐสภา จึงต้องมีความระมัดระวังที่จะทำให้เกิดความเรียบร้อย
ในวันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา ก็ได้เผยแพร่ ประกาศต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.2556 ซึ่งลงนามโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ให้เหตุผลของการต่อเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ดังนี้
“ด้วยปรากฏว่า สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองและการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความต้องการตามแนวทางและผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มในขณะนี้ มีความพยายามดำรงความต่อเนื่องให้เกิดความยืดเยื้อในการชุมนุมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และผลประโยชน์ของกลุ่มโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว
และปรากฏข้อเท็จจริงความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่มีความมุ่งหวังจะขัดขวางการใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลหรือการทำหน้าที่ขององค์กรนิติบัญญัติซึ่งอยู่ในระหว่างสมัยประชุมรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งอาจมีผู้ไม่หวังดีเตรียมการก่อเหตุระหว่างการชุมนุมเพื่อหวังผลให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ
ประกอบการบังคับใช้กฎหมายในระบบปกติยังขาดประสิทธิภาพที่เพียงพอในการป้องกันและระงับเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น”
ประกาศดังกล่าว จึงสรุปว่า ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการในการรักษาความสงบและความปลอดภัย มีเอกภาพ และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งเกิดความต่อเนื่องในการใช้อำนาจหน้าที่บังคับใช้ตามกฎหมาย จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคง ครม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2556
ให้เขตพื้นที่ 1.เขตดุสิต เฉพาะแขวงดุสิตและแขวงจิตรลาด 2.เขตพระนคร เฉพาะแขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม และแขวงบางขุนพรหม และ 3.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เฉพาะแขวงวัดโสมนัส กทม. เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ ระหว่างวันที่ 19 ต.ค.2556 ถึงวันที่ 30 พ.ย.2556