นักวิชาการ ยังบี้ กสท.ออกประกาศ beauty contest เตือนระวังถูกฟ้อง
นักวิชาการเดินหน้ากดดัน กสท.ออกประกาศ beauty contest เตือนเสี่ยงถูกฟ้อง อ.หอการค้าอัดวิธีคิดโบราณ

(นันทวัฒน์ บรมานันท์ - นวลน้อย ตรีรัตน์)
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2556 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการสัมมนาเรื่อง “ทีวีดิจิตอล...จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ตอนทีวีดิจิตอลสาธารณะ โดยจุฬาฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ศ.นันทวัฒน์ บรมานันท์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า อยากให้ กสทช.โดยเฉพาะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ว่าด้วยการคัดเลือกผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ (ไลเซ่นส์) ทีวีดิจิตอล บริการสาธารณะ หรือ beauty contest เพราะลำพังบอกว่ามีอยู่ในประกาศ กสทช.ฉบั้บอื่นๆ แล้ว มันไม่ง่ายที่ประชาชนจะตรวจสอบ แต่ถ้าออกประกาศ beauty contest มา คนที่เข้ามาตรวจสอบจะได้ checklist ได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นประโยชน์สาธารณะ
“ควรจะออกประกาศ beauty contest เพื่อให้ กสท.เองก็ปลอดภัย ส่วนสังคมก็ตรวจสอบได้” ศ.นันท์วัฒน์กล่าว
ศ.นันทวัฒน์ ยังกล่าวว่า ตามกฎหมาย คำว่า “บริการสาธารณะ” ต้องมีองค์ประกอบ 1.มีความยึดโยงกับรัฐ 2.ตอบสนองความต้องการประชาชน
นายมานะ ตรีรยาภิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หาก กสท.ไม่ออกประกาศ beauty contest ระวังจะถูกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียฟ้องร้อง เพราะการให้ไลเซ่นส์โดยใช้มติ กสท.อย่างเดียว ตนไม่แน่ใจว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่
“เท่าที่ได้ยินข้อมูลซึ่งเล็ดรอดจากที่ประชุม กสท. พบว่ากรอบคิดกรรมการ กสท.บางคนยังเป็นแบบพรีอนาล็อก หรือเก่ายิ่งกว่าอนาล็อก ไม่ใช่แค่ไม่ดิจิตอล คือยังคิดว่าคลื่นทีวีวิทยุเป็นของรัฐ ใช้สื่อสารกับประชาชนด้านเดียว ทั้งๆ ที่สังคมไทยเปลี่ยนมานานแล้ว” นายมานะกล่าว
ผศ.พิรงรอง รามสูต อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คำว่าบริการสาธารณะแปลตรงตัวมาจาก public service broadcasting หรือ psb ตนจึงไม่เห็นประเด็นว่ามันจะต่างกับทีวีสาธารณะ อย่างที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท.พยายามแยกอย่างไร อย่างไรก็ตาม นิยามของ psb ของไทยเท่าที่ตนสังเกตอาจจะต่างจากสากล เพราะประเทศกำลังพัฒนาชอบเข้าใจผิดว่า governance service broadcasting หรือ gsb เป็น psb
“นอกจากนี้ ยังอยากให้ กสทช.ตั้งคณะทำงานมาติดตามว่า ผู้ที่ได้ไลเซ่นส์ทีวีดิจิตอล บริการสาธารณะไป ทำตามเจตนารมณ์หรือไม่ และใครที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย กสทช.ควรจะมีอำนาจนการเรียกไลเซ่นส์คืนได้” ผศ.พิรงรองกล่าว
ด้าน รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า กสทช.ควรจะออกประกาศ beauty contest ไม่ใช่แค่ชื่อเหมือนกัน แต่ทำไม่เหมือนที่นานาชาติทำ ใช้แค่ดุลยพินิจอย่างเดียว ทั้งนี้ ควรจะมีการวางข้อกำหนดว่าผู้ที่ได้ไลเซ่นส์ทีจิตอล บริการสาธารณะ ต้องเปิดเผยงบการเงิน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ จะได้ไม่เป็นแค่ตัวผ่านเงิน เนื่องจากกฎหมายให้สามารถหารายได้ได้เพียงพอต่อการประกอบกิจการ และในทางเศรษฐศาสตร์ จะมีกรณีที่ใช้เป็นตัวผ่านเงิน 2 กรณี 1.ในบางรายการที่จ้างผลิตได้ ก็อาจจะจ้างบริษัทพวกพ้องตัวเอง ด้วยราคาสูงๆ 2.กฎหมายให้เช่าช่วงได้ 10-40% ถ้าคิดราคาเช่าช่วงถูก รายได้จะเข้าสถานีน้อย เหมือนจะไม่มีกำไร ทั้งที่จริงๆ กำไรมันถูกส่งผ่านไปด้วยวิธีอื่น
“เหตุที่หน่วยงานราชการอยากได้ทีวีดิจิตอล เพราะ 1.คิดว่าสื่อมีอิทธิพลเยอะ 2.ใช้เป็นช่องทางหาเงินจากภาครัฐ ถ้าเราให้ส่วนราชการเอาทีวีดิจิตอล บริการสาธารณะไปทำหมด สิ่งที่สูญเสียคือเราเอาทรัพยากรไปกองอยู่เฉยๆ ซึ่งน่าเสียดาย” รศ.นวลน้อยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กสท.เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2556 ได้มีมติด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ว่าจะไม่ออกประกาศ beauty contest แต่ให้ใช้เกณฑ์ภายในแทน
