- Home
- Isranews
- เวทีทัศน์
- จับเข่าคุย 'สรรเสริญ แก้วกำเนิด' ไขที่มาข้อสั่งการ 'บิ๊กตู่' รับมือสื่อยุคโซเชียล24ชม.
จับเข่าคุย 'สรรเสริญ แก้วกำเนิด' ไขที่มาข้อสั่งการ 'บิ๊กตู่' รับมือสื่อยุคโซเชียล24ชม.
"..อย่าลืมว่าอีกฝ่ายหนึ่งเขาโจมตีทุกทาง เมื่อเขาโจมตีมาเราจะนิ่งไม่ได้ ถ้านิ่งก็ตกเป็นเป้าอันนี้เสียหาย แต่ให้ยึดหลักเอาไว้ว่าเราไม่ได้ตอบโต้ หรือให้ร้ายเขา เราเอาข้อเท็จจริงมาชี้แจงต่อสังคม.."
พลันที่มีข่าวปรากฎว่า 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)' ได้มีข้อสั่งการแจ้งทุกกระทรวง หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานในกำกับดูแลทุกหน่วยงาน ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสื่อทุกประเภทตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ปล่อยให้รัฐบาล นายกฯ และครม. แก้ปัญหาหรือชี้แจงต่อเพียงลำพัง
ขณะที่ในการดำเนินการเรื่องนี้จะมีคณะของนายกฯ ติดตามการดำเนินงานของทุกหน่วยงาน ว่าดำเนินการแค่ไหน หากไม่ปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชาทุกระดับจะต้องรับผิดชอบ และจะตรวจสอบประเมินผลงานการเป็นผู้นำ และสร้างความแตกต่างให้ทันยุคสื่อโซเซียลในปัจจุบัน เพราะหากไม่ทำความน่าเชื่อถือไว้วางใจรัฐบาลจะลดลง
ซึ่งช่วงระยะเวลาที่ข้อสั่งการดังกล่าว ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เกิดขึ้นหลังจากที่ รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานอย่างหนักในสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ กรณีห้างหุ้นส่วนจัด (หจก.) คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของ นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชายคนโตของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคู่สัญญารับเหมาก่อสร้างกับหน่วยงานรัฐ โดยใช้บ้านพักในค่ายทหารเป็นที่ตั้ง หรือ กรณี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทย เพื่อร่วมประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เป็นต้น
(อ่านประกอบ : 'บิ๊กตู่' รับมือสื่อโซเชียล สั่งตั้งทีมตาม24ชม.หวั่นความน่าเชื่อถือรบ.ลด-ทำไม่ดีโดนฟัน)
น่าสนใจว่า ข้อเท็จจริงของข้อสั่งการนี้ ของพล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
@ เหตุใดท่านนายกฯจึงออกคำสั่งให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานตั้งทีมงานติดตามข้อมูลข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง
"ผมคิดว่าท่านนายกฯต้องการเดินตามที่ได้ประกาศไว้กับประชาชน แต่ปัญหาสะสม การบริหารราชการแผ่นดิน มีบางคนบางส่วนมักจะนำข้อมูลไปบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจรัฐบาลผิด ท่านนายกฯเลยสั่งให้ทุกหน่วยงานราชการ ติดตามข้อมูล ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลมีเดีย กระทรวงไหนรับผิดชอบงานด้านไหน ประเด็นอะไรก็ติดตาม หากผิดจากข้อเท็จจริงที่แต่ละทรวงมีก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ ทุกหน่วยงานจะนิ่งนอนใจไม่ได้"
"ผมขอยกตัวอย่างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางแผนที่จะพร่องน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงจะสามารถเก็บน้ำไว้ได้และไม่เสี่ยงต่อเขื่อน แต่ปรากฏว่าฝนตกเหนือเขื่อนเยอะมาก หากระบายแค่ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เกรงว่าจะเป็นอันตราย จึงขอระบายเพิ่มเป็น 2,300 ลุกบาศก์เมตรต่อวินาที ข้อมูลเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด"
"แนวทางของท่านนายกฯเป็นแบบนี้ แต่ก็มีข่าวว่าหน่วยงานราชการตีความหมายของท่านนายกฯผิด อาจจะคิดว่าท่านนายกฯสั่งให้ตอบโต้ประเด็นที่ทำให้เสียหาย ท่านนายกฯไม่ได้สั่งให้ตอบโต้ เพียงแต่ท่านต้องการใช้ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบ เพื่อป้องกันการบิดเบือน"
@ จำเป็นถึงขั้นต้องตั้งทีมงานเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมงเลยหรือไม่
"สุดแล้วแต่กระทรวง หน่วยงานราชการ จะบริหารจัดการอย่างไร เพียงแต่ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารให้ทัน หากประชาชนไม่เข้าใจสิ่งที่ทำ เราปล่อยไว้ไม่ได้ ท่านจะเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง 18 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้มีข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วไม่ได้ชี้แจง ถ้ามาปล่อยให้มีข้อมูลบิดเบือนผ่านมา 5 วัน แล้วไม่มีการชี้แจง อันนี้ก็ต้องพิจารณา"
@ แสดงว่าจะพิจารณาว่าหากชี้แจงช้าจะมีความผิด
"ตรงนี้มีส่วน เพราะถือว่าท่านนายกฯสั่งการไปแล้ว ก็ต้องทำงานตอบโจทย์ที่สั่งการไปด้วย"
@ การพิจารณาว่ากระทรวง หน่วยงานราชการ ละเลยหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะทำงานของท่านนายกฯที่จะพิจารณา
"เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หากข้าราชการปล่อยปะละเลยไม่ชี้แจงข้อมูลตามคำสั่งท่านนายกฯ ก็ต้องมีมาตรการมาดำเนินการ ต้องยอมรับว่ารัฐบาลมาจากทหารทางกองทัพเราใช้หลักเกณฑ์นี้ คุณปล่อยไม่ได้ ถ้าปล่อยก็ถือว่าไม่ทำตามผู้บังคับบัญชา ซึ่งทางทหารถือว่ามีความผิด มันทำไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ใช่วิธีใหม่ แต่พลเรือนไม่คุ้นชิน"
@ มาตรการลงโทษถึงขั้นย้ายออกจากตำแหน่งหรือไม่
"มาตรการลงโทษยังคงไม่มี ท่านนายกฯ อาจจะขอดูใจก่อน เมื่อสั่งการไปแล้วก็ต้องเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ถ้ายังเฉยอยู่ก็จำเป็นต้องหามาตรการมาลงโทษ ถ้าใครไม่ทำท่านนายกฯคงหาแนวทางก่อน"
@ โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าออกคำสั่ง เพราะโดนโจมตีเรื่องบริษัทบุตรพล.อ.ปรีชา รับงานหน่วยงานรัฐ และกรณีเช่าเครื่องบินเหมาลำไปราชการของพล.อ.ประวิตร
"คงไม่ใช่ทั้งหมด ท่านนายกฯมักจะปรับวิธีการชี้แจงข้อมูลสังคมเสมอ ไม่ใช่คิดเป็นกรณี สมัยก่อนเราคิดว่ากระทรวงนิ่งไป เราก็แต่งตั้งโฆษกกระทรวง ครั้งนี้ก็ปรับอีก เพียงแต่สื่อมวลชนตั้งธงเอาไว้ว่าปรับเพราะมีเรื่องการเช่าเหมาลำ แต่เชื่อว่าท่านนายกฯไม่ได้ผูกโยงเรื่องเหล่านั้น แต่ถ้าคิดเป็นแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด"
"กรณีเช่าเครื่องบินเหมาลำมีมุมคิดหลายมุม เพราะท่านนายกฯ เคยคิดว่าเราอยากจะชี้แจงเฉพาะเรื่องบริหารราชการแผ่นดิน อะไรที่เป็นเฉพาะส่วนท่านนายกฯขอให้ลดการตอบโต้ แต่เรื่องนี้เรารู้สึกว่าไม่ได้เพราะมันจำเป็น จะมาชี้แจงเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้
"อย่าลืมว่าอีกฝ่ายหนึ่งเขาโจมตีทุกทาง เมื่อเขาโจมตีมาเราจะนิ่งไม่ได้ ถ้านิ่งก็ตกเป็นเป้าอันนี้เสียหาย แต่ให้ยึดหลักเอาไว้ว่าเราไม่ได้ตอบโต้ หรือให้ร้ายเขา เราเอาข้อเท็จจริงมาชี้แจงต่อสังคม"
@ นายกฯพอใจงานของสำนักโฆษกหรือไม่
"ตัวผมก็ไม่เคยถามท่านนายกฯ ผมก็พยายามปรับ ตรงไหนที่มีข้อบกพร่องก็พยายามปรับ แต่อย่าลืมว่างานข่าวไม่ได้เป็นหน้าที่ของโฆษกคนเดียว ทุกหน่วยงานราชการต้องช่วยกัน"
----------
ทั้งนี้ คือ คำชี้แจงจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อข้อสงสัยของใครหลายคนที่ว่า เหตุใดท่านนายกฯ จึงออกคำสั่งให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานตั้งทีมงานติดตามข้อมูลข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง ตามที่ปรากฎเป็นข่าวดังไปก่อนหน้านี้
ส่วนผลลัพธ์ข้อสั่งการเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามดูกันต่อไป