CTH กำลังจะล่มสลาย จริงหรือ ?
ช่วงนี้ CTH อาจกำลังจะเข้าสู่ภาวะการเป็นดักแด้เพื่อรอเวลาลอกคราบ เพราะเมื่อลอกคราบออกมาแล้ว อาจกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง เหมือนหนอนกลายเป็นผีเสื้อก็ได้ คอยดูฝีมือคุณวิชัย ทองแตง ในตอนต่อไป...โปรดอย่ากระพริบตา
หลายคนคงสงสัยว่า คุณวิชัย ทองแตง ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปั้นดินให้เป็นดาว และนักเล่นหุ้นมือระดับต้นๆของประเทศไทย มาเสียท่าให้กับการทำธุรกิจเคเบิลทีวี ในชื่อ CTH ได้อย่างไร ใครเป็นคนพาคุณวิชัยมาตกที่นั่งลำบากในวัย 70 ปี หรือคุณวิชัยอยากฝากผลงานชิ้นสำคัญ (The Last Master Pice) ก่อนวางมือไปเลี้ยงหลานเอง
เขยสมุทรสาคร
ก่อนอื่นต้องบอกว่า คุณวิชัย ทองแตง เป็นเขยจังหวัดสมุทรสาคร ทุกวันนี้มีบ้านปลูกอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง และยังกลับบ้านไปนอนที่สมุทรสาครทุกวัน ในวันหยุด ก็จะไปเดินจ่ายตลาด ที่ตลาดสดแม่กลอง ใส่กางเกงขาสั้น ลากลองเท้าแตะ เดินตามหลังคุณแม่บ้าน ถือตะกล้าเพื่อให้คุณแม่บ้านจ่ายตลาด เพื่อมาทำอาหารทานที่บ้านกับครอบครัว อย่างมีความสุขไม่เคยขาด
คุณวิชัย เกี่ยวข้องกับเคเบิลท้องถิ่นได้อย่างไร
ถัดจากบ้านคุณวิชัย ไม่เกิน 100 เมตร เป็นบ้านของคุณสุรพล ซีประเสริฐ อดีตนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่มีศักดิ์เป็น น้าเขยของคุณวิชัย คงพอมองเห็นความเกี่ยวพันกันแล้วนะครับว่า คุณวิชัยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเคเบิลทีวีได้อย่างไร
ต้นเหตุมาจากเรื่องลิขสิทธิ์
คุณสุรพล เดิมมีอาชีพทำประมง เป็นไต้ก๋ง ออกเรือไปหาปลาในท้องทะเล เคยมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมประมง จังหวัดสมุทรสาคร และเคยเป็นเลขาธิการสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และเป็นคนทำโครงการน้ำมันเขียว ให้กับชาวประมง เพื่อให้ชาวประมงทั่วประเทศ ได้ใช้น้ำมันเขียวในราคาถูก คุณสุรพล เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเคเบิลทีวี เพราะทำเคเบิลท้องถิ่นอยู่ที่อำเภอกระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร มากว่า 15 ปี และต่อมาได้เข้ามาร่วมก่อตั้งบริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) มีชื่อย่อว่า CTH เพื่อมาแก้ปัญหา ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นถูกกล่าวหาว่าเป็น "เคเบิลเถื่อน" เพราะไปละเมิดลิขสิทธิ์ช่องรายการของ True Vision และเจ้าของลิขสิทธิ์รายอื่นๆเป็นประจำ
เคเบิลท้องถิ่นถูกรังแกเป็นประจำ
สาเหตุที่เคเบิลท้องถิ่นต้องไปละเมิดลิขสิทธิ์เพราะ เคเบิลท้องถิ่นแต่ละราย เป็นรายเล็ก ไม่สามารถไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ช่องรายการดีๆจากต่างประเทศมาให้บริการกับสมาชิกได้ หรือบางทีไปซื้อมาได้ ก็จะถูกเคเบิลเจ้าใหญ่ระดับชาติ เข้าไปเจรจาแย่งซื้อต่อ โดยเสนอให้ราคาที่สูงกว่า และขอซื้อแบบผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว หรือไม่ยอมให้เจ้าของลิขสิทธิ์ แบ่งขายลิขสิทธิ์ให้เคเบิลท้องถิ่น สุดท้ายเมื่อเคเบิลท้องถิ่นซื้อลิขสิทธิ์แบบถูกต้องไม่ได้ ก็ต้องขโมยเอา เคเบิลท้องถิ่นเคยพยายามเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยเหลือในเรื่องการป้องกันไม่ให้มีการซื้อลิขสิทธิ์แบบผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว เหมือนในต่างประเทศเขาทำกัน แต่ไม่เคยได้ผล เพราะภาครัฐไม่เคยดำเนินการใดๆให้ โดยถือว่าเป็นการแข่งขันโดยเสรี หากเคเบิลท้องถิ่นละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะเอา 7 หน่วยงานของทางราชการคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมประชาสัมพันธ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง มาปราบ และสั่งปิดกิจการ เพื่อไม่ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ โดยมีคนสงสัยว่า แค่ปราบเคเบิลท้องถิ่น ทำไมจึงต้องระดมถึง 7 หน่วยงาน หรือจะมี Sponsor หลักในการดำเนินการ เป็นผู้อำนวยการจัดการอยู่เบื้องหลัง
เคเบิลท้องถิ่นต้องช่วยตนเอง
เมื่อหาใครช่วยแก้ไขปัญหาไม่ได้ คุณเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยในสมัยนั้น จึงต้องประชุมผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือกันเอง โดยการจัดตั้ง บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเงินไปซื้อลิขสิทธิ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำช่องรายการที่ซื้อมาได้ มาขายต่อให้กับผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เคเบิลท้องถิ่นไปละเมิดลิขสิทธิ์รายอื่น โดย CTH จะไม่ทำเคเบิลทีวีแข่งกับผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น
CTH เริ่มต้นด้วยเงิน 50 ล้านบาท
การตั้ง CTH ในระยะเริ่มต้น เป็นการลงทุนร่วมกันของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นประมาณ 120 ราย (ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาถือหุ้น) โดยต้องการวงเงินลงทุนเบื้องต้น 50 ล้านบาท และมีข้อกำหนดที่สำคัญคือ ผู้ถือหุ้น 1 รายจะถือหุ้นได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มาเอาเปรียบรายอื่น และเป้าหมายของบริษัท ต้องการให้บริษัท มีรายได้เท่ากับรายจ่าย หรือมีกำไรเพียงเล็กน้อย เพื่อกระจายกำไรไปสู่ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นโดยรวม
CTH เริ่มต้นด้วยการเป็น Content Provider
ในการดำเนินการครั้งแรก CTH สามารถเจรจาซื้อลิขสิทธิ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาได้ 16 ช่อง และส่งขายให้ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นทั่วประเทศ (Content Provider) ส่งผลให้เคเบิลท้องถิ่นมีช่องรายการลิขสิทธิ์ที่ถูกกฎหมายเพิ่มขึ้น การละเมิดลิขสิทธิ์ช่องรายการ จากเจ้าของช่องรายอื่นๆ เริ่มลดลง
CTH ต้องการเพิ่มทุน
ต่อมา CTH ต้องการที่จะเพิ่มคุณภาพช่องรายการ และต้องการซื้อช่องลิขสิทธิ์ช่องรายการเพิ่มเติม จึงระดมเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านบาท แต่ด้วยนโยบายที่ไม่ต้องการให้ CTH มีกำไรมาก และด้วยข้อจำกัดของข้อกำหนดให้ ผู้ถือหุ้น 1 รายจะถือหุ้นได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้การระดมทุนไม่สามารถระดมได้ตามเป้าหมาย จึงมีการแก้ข้อกำหนดให้ ผู้ถือหุ้น 1 รายถือหุ้นได้ไม่จำกัด และอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาถือหุ้นเพิ่มทุนได้
คุณวิชัยถูกขอร้องให้เข้ามาช่วย
คุณสุรพล ต้องการสนับสนุนโครงการ CTH ให้สำเร็จ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นโดยรวม จึงมีการระดมเพื่อนฝูงเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน จนกลุ่มคุณสุรพล กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CTH และมีอำนาจในการบริหารงานโดยเด็ดขาด โดยในกลุ่มเพื่อนของคุณสุรพลที่เข้ามาร่วมระดมทุน ก็มีคุณวิชัย ทองแตง เข้ามาร่วมลงทุนด้วย โดยคุณสุรพล เป็นผู้เดินจากบ้านที่ริมแม่น้ำแม่กลองไปชวนด้วยตนเอง และขอให้คุณวิชัยมาเป็นที่ปรึกษา CTH เพื่อร่วมกันวางแผนช่วยเคเบิลบ้านนอกให้ลืมตาอ้าปากให้ได้
CTH กลายเป็น Operator
เมื่อคุณวิชัย ได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา CTH จึงส่งคุณกฤษณัน งามผาติพงศ์ (ต่อมาเป็น CEO คนแรกของ CTH) พร้อมทีมงานเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ CTH และพบว่า ด้วยโครงสร้างที่เข้มแข็งของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น โดยมีสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยเป็นแกนกลาง น่าจะมีช่องทางในการนำผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นเป็นฐานในการทำเคเบิลทีวีระดับชาติได้ โดยการปรับแนวคิดจาก การให้ CTH ไปซื้อลิขสิทธิ์ช่องรายการมาขายต่อให้กับเคเบิลท้องถิ่น (Content Provider) มาเป็นการเอา CTH มาทำธุรกิจเคเบิลทีวีระดับชาติ (Operator) โดยตรง เพื่อแข่งกับ True Vision และเพื่อยกระดับการให้บริการของเคเบิลท้องถิ่นโดยรวมให้มีมาตรฐาน โดยเปลี่ยนระบบการให้บริการเคเบิลท้องถิ่นจากระบบ Analog ไปสู่ Digital โดย CTH จะเป็นผู้ลงทุนระบบ Digital ให้เอง
ความบังเอิญครั้งที่ 1
เรื่องนี้มีความบังเอิญครั้งที่ 1 ที่ทำให้คุณวิชัย ตัดสินใจลงทุนใน CTH ได้ง่ายขึ้นคือ ในปี 2555 กสทช. กำลังจะออกใบอนุญาตประกอบกิจการเคเบิลทีวีระดับชาติ โดยถูกต้องตามกฎหมายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยใบอนุญาตดังกล่าวจะมีอายุ 15 ปี ซึ่งจะเป็นใบอนุญาตเดียวกันกับที่ True Vision จะมีในอนาคตเช่นกัน งานนี้หาก CTH จับมือกับเคเบิลท้องถิ่นได้ CTH ก็จะโตอย่างรวดเร็ว เพราะมีเคเบิลท้องถิ่นเป็นฐานผู้ประกอบกิจการกว่า 350 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนเคเบิลท้องถิ่นก็จะสามารถทำเคเบิลทีวีต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ถูกรังแกเรื่องการแย่งซื้อลิขสิทธิ์เหมือนในอดีตอีกต่อไป เพราะมีคุณวิชัย เป็นผู้สนับสนุน
ความบังเอิญครั้งที่ 2
เมื่อแนวคิดในการทำ CTH เปลี่ยนจากการเป็น Content Provider มาเป็น Operator หัวใจของการเป็นผู้ประกอบกิจการเคเบิลทีวีคือ ช่องรายการ และถ้า CTH จะแข่งกับ True Vision ก็ต้องเอาช่องรายการที่เป็นหัวใจของ True Vision มาให้ได้ นั้นคือการแย่งซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสด Premier League มาให้ได้ เรื่องนี้ก็เป็นความบังเอิญครั้งที่ 2 ที่ลิขสิทธิ์ดังกล่าว ของ True Vision จะหมดในเดือน พฤษภาคม 2556 ดังนั้น หากจะล้ม True Vision คุณวิชัยจะต้องไปประมูลเอาลิขสิทธิ์ Premier League มาให้ได้ เพราะการประมูลจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2555
ได้ ไทยรัฐเข้ามาร่วมโครงการ
เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า โครงการดังกล่าวจะต้องประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน คุณวิชัย จึงเพิ่มทุน CTH เป็น 300 ล้านบาท และเพิ่มอีกครั้ง เป็น 1,000 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ Grammy และ ไทยรัฐ เข้ามาร่วมลงทุนด้วย แต่ไม่สามารถตกลงกับ Grammy ได้ จึงจับมือกับ ไทยรัฐ เพียงรายเดียว เพื่อมาเป็น 3 ขาร่วมกับเคเบิลท้องถิ่น โดยคุณวิชัยลงทุนเพิ่ม 250 ล้านบาท ไทยรัฐลง 250 ล้านบาท ทำให้ CTH มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท ส่วนอีก 200 ล้านรอไว้หารายอื่นเข้ามาร่วมแทน Grammy
ได้ลิขสิทธิ์ Premier League
หลังจากได้พันธมิตรอย่างไทยรัฐเข้ามาถือหุ้นด้วย คุณวิชัยก็เหมือนเสือติดปีก การไปประมูลเอาลิขสิทธิ์ Premier League เป้าหมายของคุณวิชัยคือ "เอามาให้ได้" จึงเป็นที่มาของการสู้ราคาครั้งประวัติศาสตร์ ที่ค่าประมูลเพิ่มจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกรุงเทพ และไทยรัฐ เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
CTH มั่นใจเต็ม 100
เมื่องานใหญ่ทำสำเร็จ 3 เรื่องคือ ได้ CTH มาบริหารอย่างเต็มรูปแบบ ได้ไทยรัฐมาเป็นผู้ถือหุ้นเพิ่ม และได้ Premier League มาไว้อยู่ในมือ ทำให้ผู้บริหาร CTH มีความมั่นใจว่าจะสามารถแย่งฐานสมาชิกของ True Vision มาได้อย่างแน่นอน และจะสามารถเพิ่มฐานสมาชิกได้ถึง 10 ล้านครัวเรือนภายในเวลา 3 ปี เมื่อ 3 ก้าวแรกที่เดินไปประสบผลสำเร็จ ความมั่นใจจึงเต็ม 100 จนเป็นที่มาของความผิดพลาดของ CTH ในเวลาต่อมา
ความผิดพลาดครั้งที่ 1
เมื่อ CTH มีความมั่นใจสูง จึงมั่นใจว่า เคเบิลท้องถิ่นทุกรายจะต้องเข้าร่วมโครงการกับ CTH อย่างแน่นอน ดังนั้นการตั้งเงื่อนไขเพื่อให้เคเบิลท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการ จึงมีการตั้งแบบไม่ง้อเคเบิลท้องถิ่น นั้นคือ
1) เคเบิลท้องถิ่นที่จะเข้าร่วมโครงการ จะต้องส่งรายชื่อฐานสมาชิกทั้งหมดมาให้ CTH เพื่อยืนยันจำนวนฐานสมาชิก เพื่อ CTH จัดส่งกล่องรับสัญญาณระบบ Digital DVB-C ไปให้ติดตั้งกับสมาชิก "ฟรี" โดยลูกค้าที่ไม่ได้ส่งรายชื่อจะไม่ได้กล่อง Digital ฟรี
2) ต้องให้สมาชิกทั้งหมดของเคเบิลท้องถิ่น ที่ติดตั้งกล่อง Digital ของ CTH กรอกใบสมัครใหม่เพื่อเปลี่ยนมาสมัครเป็นสมาชิกของ CTH โดยตรง
3) CTH จะเป็นผู้วางบิล เพื่อเรียกเก็บเงินจากสมาชิกเอง และจะโอนส่วนแบ่งรายได้ให้ เคเบิลท้องถิ่นในภายหลัง
จากข้อกำหนดทั้ง 3 ข้อ CTH ไม่อนุญาตให้มีการต่อรอง หรือแก้ไขใดๆ เคเบิลท้องถิ่นรายใดจะมาก็มาเข้าร่วมก็มา รายใดจะไม่มาเข้าร่วมก็ไม่ต้องมา หากเปลี่ยนใจจะมาเข้าร่วมในภายหลัง จะเจอเงื่อนไขที่หนักกว่านี้อีก ซึ่งตามแนวทางที่ CTH เสนอให้กับเคเบิลท้องถิ่น จะทำให้เคเบิลท้องถิ่นเปลี่ยนสถานะจาก การเป็นเจ้าของกิจการ (Operator) ที่มีอำนาจตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวมา 30 ปี ต้องกลายไปเป็นศูนย์บริการของ CTH เหมือนกับศูนย์บริการรถโตโยต้า ประจำจังหวัด ไม่สามารถมีอิสระในการตัดสินใจด้วยตนเองได้อีกต่อไป จึงทำให้ เคเบิลท้องถิ่นประมาณ 50% ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการกับ CTH โดยยอมไปตายข้างหน้า ทำให้มีผู้เข้าร่วมโครงการเพียงประมาณ 170 ราย จากทั้งหมด 350 ราย ซึ่งทำให้คุณวิชัย ผิดหวังมาก จึงตัดสินใจเปิดเจรจากับผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจเคเบิลท้องถิ่นร่วมกับ CTH เพื่อแข่งกับเคเบิลท้องถิ่นที่ไม่เข้าร่วมโครงการกับ CTH ซึ่งเป็นการเปิดศึกกับเคเบิลท้องถิ่นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน จึงเป็นที่มาของการแตกแยกในกลุ่มผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น อีกกลุ่มหนึ่งโดยตรง
ความผิดพลาดครั้งที่ 2
เมื่อ CTH ได้ Premier League มาในราคาที่สูง การให้บริการเคเบิลทีวีผ่านเคเบิลท้องถิ่นอย่างเดียวจึง ไม่เพียงพอเพราะเคเบิลท้องถิ่นมีพื้นที่ให้บริการที่จำกัด CTH จะต้องให้บริการผ่านระบบดาวเทียมด้วย เพื่อให้สามารถให้บริการได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และจะต้องให้บริการผ่านดาวเทียม Thaicom ด้วย จึงจะสามารถแย่งลูกค้า True Vision ได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าให้บริการผ่านดาวเทียม Thaicom สมาชิกที่ต้องการรับ CTH เพียงแต่เอากล่องรับสัญญาณ CTH ไปแทนกล่อง True Vision โดยใช้จานดาวเทียม True Vision รับสัญญาณเหมือนเดิม ก็จะสามารถรับชม Premier League ผ่านกล่องรับสัญญาณของ CTH ได้ทันที ซึ่งจะทำให้การแย่งฐานสมาชิก True Vision เป็นไปได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว
แต่เกมส์นี้ CTH ช้าเกินไป True Vision ไหวตัวทัน จึงไปกว้านซื้อ Transponder ของดาวเทียม Thaicom ไปหมด จนไม่เหลือ Transponder ให้ CTH เอามาทำเคเบิลทีวีผ่านดาวเทียม Thaicom ได้ ความจริงในเรื่องนี้ หากคุณวิชัย กลับไปคุยกับ Grammy อีกครั้ง เพื่อเอามาเป็นพันธมิตร เหตุการณ์อาจจะพลิกกลับได้ เพราะในขณะนั้น Grammy มี Transponder ในดาวเทียม Thaicom เพียงพอที่จะเอามาให้บริการ Premier League และรายการอื่นๆ ของ CTH เพื่อให้บริการเคเบิลทีวีผ่านดาวเทียม Thaicom เพื่อแย่งฐานลูกค้าของ True Vision แบบตรงๆได้
แต่คุณวิชัยเลือกที่จะไปซื้อ Transponder จากเวียตนานคือดาวเทียม Vinasat ปัญหาคือ ผู้ที่จะรับชม CTH ในระบบดาวเทียม จะต้องไปติดตั้งจานดาวเทียมใหม่อีก 1 ชุด เพราะดาวเทียม Vinasat กับ Thaicom อยู่คนละองศา จึงเป็นที่มาของ "จานฟ้า" ของ CTH ซึ่งสร้างความยุ่งยากในการให้บริการในเวลาต่อมา เพราะหากต้องการรับชม CTH ผ่านดาวเทียม จะต้องไปหาตัวแทนมาติดตั้ง จานฟ้า ซึ่งก็คือกลุ่มผู้ขายจานดาวเทียม PSI ในจังหวัดต่างๆนั้นเอง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการติดตั้งทำได้ช้า ไม่ทันกับการเปิดฤดูกาลของ Premier League ในเดือนสิงหาคม 2556
True Vision เปิดเกมส์รุก
เมื่อ True Vision เตะสกัดดาวรุ่งโดยบังคับให้ CTH ต้องไปขึ้นระบบดาวเทียมที่ Vinasat ได้ เกมส์ต่อมาคือ เจรจาเอาเคเบิลท้องถิ่นจำนวน 170 รายที่ไม่เข้าร่วมกับ CTH ไปเป็นพวก โดยยอมเสนอขายช่องรายการลิขสิทธิ์ของ True Vision ในราคาถูกให้กับเคเบิลท้องถิ่นที่ไม่เข้าร่วมกับ CTH โดยไม่ยอมขายให้กับรายที่เข้าร่วมกับ CTH เพื่อแบ่งเคเบิลท้องถิ่นออกเป็น 2 กลุ่ม ให้ต่อสู้กันเอง และเป็นการกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เข้าร่วมกับ CTH ในช่วงแรก เปลี่ยนใจไปเข้าร่วมกับ CTH ในอนาคต ทำให้ฐานกำลังของ CTH อ่อนแรงลง และเคเบิลท้องถิ่นต้องต่อสู้กันเอง โดยมี CTH กับ True Vision เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ True Vision ต้องยอมกลืนเลือด โดยหันไปจูบปากกับ PSI เพื่อเอาช่องรายการของ True Vision ไปเผยแพร่ในกล่อง PSI ทั้งๆที่ในอดีต เป็นคู่แข่งชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่นี่แหละคือธุรกิจ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา มิตรของศัตรูก็คือศัตรูของเรา งานนี้ PSI ส้มหล่น คว้าพุงปลาไปกินคนเดียว
CTH ไม่อยากลงทุนในสาย Coaxial ของเคเบิลท้องถิ่น
แต่ CTH ก็ยังไม่รู้ตัวว่า กำลังถูกเตะตัดขา กลุ่มเคเบิลท้องถิ่นที่เข้าร่วมกับ CTH ส่วนใหญ่เป็นรายเล็ก โครงข่ายสายเคเบิลที่จะให้บริการระบบ Digital DVB-C ของ CTH จะต้องลงทุนปรับปรุงโครงข่ายสายเคเบิลทีวีใหม่ จึงจะรับสัญญาณระบบ Digital ได้ ซึ่งเคเบิลท้องถิ่นหลายรายต้องการได้เงินทุนจาก CTH เพื่อเอาไปปรับปรุงโครงข่ายสาย เพื่อให้ทันกับการเปิด ฤดูกาล Premier League แต่ CTH ไม่ยอม อาจเนื่องจาก CTH มีความมั่นใจว่า ถึงอย่างไรก็จะสามารถล้ม True Vision ได้ และเคเบิลท้องถิ่น ถึงอย่างไรก็ต้องยอมลงทุนในสาย Coaxial ด้วยตนเอง แม้จะช้าไปบ้างก็ไม่เป็นไร ส่วน CTH ก็มีอีกแผนที่เตรียมวางโครงข่ายสายเคเบิลแบบ FTTX คู่ขนานกับสาย Coaxial ของเคเบิลท้องถิ่น เพื่อเตรียมการในอนาคต เพื่อเปลี่ยนผ่านสมาชิกที่ใช้สาย Coaxial ของเคเบิลท้องถิ่น มาใช้สาย Fiber To The Home ของ CTH เองเพื่อให้บริการ Triple Play และ Quod Play ในอนาคต จึงไม่ต้องการลงทุนโครงข่ายสาย Coaxial ในโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นให้ซ้ำซ้อนกัน
CTH ยึดฐานสมาชิกเคเบิลท้องถิ่น
การให้บริการของเคเบิลท้องถิ่นที่เข้าร่วมกับ CTH จะต้องเปลี่ยนระบบการให้บริการจาก ระบบ Analog ไปสู่ Digital โดยให้ CTH เป็นผู้ลงทุนห้องส่งกลาง (Headend) เพื่อส่งสัญญาณเคเบิลทีวีไปให้เคเบิลท้องถิ่น และลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ห้องส่งระบบ Digital ที่ปลายทางที่ห้องส่งของเคเบิลท้องถิ่นแต่ละราย พร้อมส่งกล่องรับสัญญาณ Digital DVB-C ไปให้เคเบิลท้องถิ่นเพื่อติดตั้งให้กับสมาชิก "ฟรี" โดยสมาชิกที่ติดตั้งกล่อง Digital ของ CTH ทั้งหมด จะต้องกรอกใบสมัครใหม่ เพื่อสมัครเป็นสมาชิกของ CTH (ไม่ใช่สมาชิกของเคเบิลท้องถิ่นอีกต่อไป)
CTH ผิดพลาดเรื่อง "เงิน"
เมื่อ CTH เปิดให้บริการจริงในสายเคเบิลท้องถิ่น ในทางเทคนิค สามารถให้บริการได้ แต่ติดขัดที่ระบบการเก็บเงินของ CTH ที่ CTH มีหน้าที่ต้องเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนจากสมาชิก แล้วแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้เคเบิลท้องถิ่นตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกัน หากสมาชิกไม่จ่ายเงิน CTH ก็สามารถสั่งตัดสัญญาณได้โดยตรง ตามเงื่อนไขที่ CTH ได้กำหนดไว้ในใบสมัครสมาชิก ปรากฎว่า หลังจากที่เปิดสัญญาณให้บริการกับสมาชิกแล้ว เคเบิลท้องถิ่นก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้จาก CTH ตามที่ได้ตกลงกัน และ CTH ก็ไม่ได้ตัดสัญญาณกับสมาชิก ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า CTH เก็บเงินจากสมาชิกได้แล้ว ไม่แบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้เคเบิลท้องถิ่น หรือ CTH เก็บค่าบริการรายเดือนกับสมาชิกไม่ได้ จึงไม่แบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้เคเบิลท้องถิ่น แต่ก็น่าสงสัยว่า หากสมาชิกไม่จ่ายค่าบริการรายเดือนให้ CTH ทำไม CTH จึงไม่ตัดสัญญาณเคเบิลทีวีของสมาชิก ทั้งๆที่ระบบของ CTH สามารถตัดสัญญาณได้ทันที โดยไม่ต้องไปตัดที่บ้านสมาชิก ปัญหาเรื่อง "การจ่ายเงินค่าส่วนแบ่งรายได้" จึงเป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่างเคเบิลท้องถิ่น กับ CTH จนเคเบิลท้องถิ่นหยุดส่งสมาชิกให้ CTH และกลับไปให้บริการระบบ Analog กับสมาชิก และเก็บค่าสมาชิกกับสมาชิกเหมือนเดิม เส้นทางการทำงานร่วมกันระหว่าง CTH กับเคเบิลท้องถิ่นจึงไม่ราบรื่น ทำฐานสมาชิกที่ CTH ได้จากเคเบิลท้องถิ่นไม่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ และเคเบิลท้องถิ่นหลายรายก็หยุดทำงานร่วมกับ CTH
CTH จับมือกับ PSI
แทนที่ CTH จะเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้ถูกจุด CTH กลับมองว่า การให้บริการผ่านเคเบิลท้องถิ่น ไม่ได้ผล และไม่มีอนาคต จึงต้องการหาช่องทางอื่นเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มฐานสมาชิก CTH โดยการไปติดต่อกับ PSI (ตาอยู่อีกแล้ว) เพื่อให้บริการช่องรายการของ CTH ผ่านฐานสมาชิกของ PSI โดยมีการออก Package ร่วมกับ PSI และเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนเพียง 270 บาท/เดือน เมื่อรับชมผ่านจานดาวเทียม PSI ซึ่งเป็นการออก Package เข้ามาชนกับเคเบิลท้องถิ่นโดยตรง เพราะเคเบิลท้องถิ่นเรียกเก็บค่าบริการกับสมาชิก 300-350 บาท/เดือน จุดแตกหักระหว่าง CTH กับ เคเบิลท้องถิ่นจึงเกิดขึ้น เพราะ เคเบิลท้องถิ่นมองว่า PSI เป็นคู่แข่งแต่เดิมอยู่แล้ว ครั้งที่แล้วก็เจอ True Vision ครั้งนี้มาเจอ CTH ไปเสริมเขี้ยวเล็บให้กับ PSI โดยไม่ปรึกษาเคเบิลท้องถิ่นเลย จึงเป็นการประกาศสงครามกับเคเบิลท้องถิ่นนั้นเอง
CTH จับมือกับ Grammy
หลังจากนั้น CTH ก็หันไปจับมือกับ Grammy (ไม่มีอะไรแน่ในทางธุรกิจ อะไรอะไรก็เกิดขึ้นได้) โดย CTH เข้าไปถือหุ้นใน GMMZ โดยหวังจะเอา Transponder ของ Grammy และกล่อง GMM-Z มาเป็นเครื่องมือในการบุกตลาด จานดาวเทียม Ku-Band ของ True Vision ตามแผนเดิม คู่กับ PSI ผ่านดาวเทียม Thaicom โดยไม่ต้องติด "จานฟ้า" ของ CTH รวมทั้งเอาระบบ IPTV ของ Grammy ในชื่อ "ZIP TV" มาให้บริการแบบไร้สายกับสมาชิกเพิ่มเติม
เกมส์รุก CTH ล้มเหลว
แต่สายไปแล้ว เพราะชื่อเสียงของ CTH เริ่มส่อไปในทางที่ไม่ดี ประชาชนเริ่มไม่แน่ใจ ซึ่งต่างจากเมื่อได้ลิขสิทธิ์ Premier League มาใหม่ๆ ทำให้ยอดขายที่เข้ามาทางช่องทางจานดาวเทียม ทั้ง PSI และ กล่อง GMM-Z ไม่เป็นไปตามเป้า กลับเป็นการเพิ่มภาระ และเพิ่มต้นทุนการให้บริการเข้าไปอีก จนทำให้ CTH ขาดทุนเพิ่มขึ้น
กลับมาทบทวนแผน CTH
หากพิจารณาย้อนหลังในภาพรวม จะพบว่า สุดท้ายแล้ว CTH ต้องเปิดช่องทางการให้บริการสัญญาณเคเบิลทีวีของ CTH กับสมาชิกครบทั้ง 5 ช่องทางซึ่งแต่ละช่องทางก็ทำให้ CTH มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนี้
1) ให้บริการผ่านเคเบิลท้องถิ่น
CTH จะต้องเช่าสาย Fiber Optic ของ Symphony และ TOT เพื่อส่งสัญญาณไปให้เคเบิลท้องถิ่น 170 รายทั่วประเทศ งานนี้ CTH ต้องเสียค่าเช่าสาย Fiber Optic ปีละเกือบ 200 ล้านบาท หากได้รายได้จากเคเบิลท้องถิ่นไม่เพียงพอ CTH ก็จะขาดทุนเพิ่มเติม
2) ให้บริการผ่านจานดาวเทียม Vinasat ของเวียตนาม
โดยทาง CTH ไปเช่า Transponder จากดาวเทียม Vinasat คงต้องดูว่า สัญญาเช่ากี่ปี และเสียค่าเช่าปีละเท่าใด จึงจะตัดสินใจได้ว่า จะคุ้มค่าหรือไม่ หรือจะให้บริการต่อไปหรือไม่
3) ให้บริการผ่านจานดาวเทียม PSI
โดยทาง CTH ต้องเสียค่าเช่า Transponder กับดาวเทียม Thaicom เพื่อส่งสัญญาณไปให้บริการเพิ่มในจานดาวเทียม PSI คงต้องดูว่า รายได้ที่ได้จากสมาชิก PSI จะเพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้นหรือไม่
4) ให้บริการผ่านกล่อง GMMZ ในระบบ Ku-Band
เมื่อไปซื้อ GMMZ จาก Grammy มาได้ จึงสามารถให้บริการ CTH ผ่านกล่อง GMMZ ในดาวเทียม Thaicom ได้ งานนี้ CTH หวังเอาไว้มาก เพราะสมาชิก True Vision ที่ต้องการรับชม Premier League ของ CTH สามารถเอากล่อง GMMZ ไปเปลี่ยนกล่อง True Vision ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งจานดาวเทียมเพิ่มเติม แต่การได้มาก็ต้องเพิ่มต้นทุนค่า Transponder ในดาวเทียม Thaicom คงต้องดูว่า สัญญาเหลือกี่ปี และต้องจ่ายค่าเช่าปีละเท่าใด รายได้ที่เข้ามา คุ้มค่าหรือไม่
5) ผ่าน IPTV ในชื่อ ZIP TV ระบบนี้ เป็นระบบที่จะมีประโยชน์ในอนาคต ที่อยู่ในแผนของ CTH
CTH วางแผนลงจากหลังเสือ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา CTH ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ ไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ เพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด หรือเมื่อวางแผนล่วงหน้า แผนมักจะรั่ว จนคู่แข่ง สามารถมองเกมส์ออก และแก้เกมส์ได้ทุกครั้ง ต่อให้ CTH เปลี่ยน CEO กี่คน ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะต้องรบทั้งศึกภายใน และศึกภายนอก ที่สำคัญต้องรบกับเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด เพราะทุกนาทีที่ผ่านไปคือเงินที่ไหลออกจากกระเป๋า ชนิดที่ไม่สามารถทวงคืนมาได้จน คุณวิชัย ต้องตัดสินใจยอมแพ้ และต้องวางแผนลงจากหลังเสือแบบเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ปี2558 ดังนี้
1) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 CTH ประกาศยุติการให้บริการผ่านเคเบิลท้องถิ่น
นั้นหมายความว่า สมาชิกเคเบิลทีวีของ CTH ที่รับบริการเคเบิลทีวีของ CTH โดยใช้กล่องรับสัญญาณ DVB-C ของ CTH ผ่านโครงข่ายสายเคเบิลของเคเบิลท้องถิ่น จะไม่สามารถรับสัญญาณช่องรายการของ CTH ได้อีกต่อไป เป็นการตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่าง CTH กับ เคเบิลท้องถิ่น และเกิดกรณี ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทั้ง 2 ฝ่ายในเวลาต่อมา ซึ่งเกมส์นี้คงจะยืดเยื้อไปอีกนาน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เคเบิลท้องถิ่นที่ให้บริการสัญญาณ CTH ผ่านกล่องดิจิตอลของ CTH จะต้องติดต่อกับสมาชิกเพื่อให้เปลี่ยนมารับสัญญาณระบบ Analog ของเคเบิลท้องถิ่นต่อไป หรือเคเบิลท้องถิ่นบางรายที่ได้ลงทุนติดตั้งระบบ Digital ไว้แล้ว ก็แจ้งให้สมาชิกเปลี่ยนมารับสัญญาณในระบบ Digital ของเคเบิลท้องถิ่นเอง แต่เนื่องจากมีเวลาเพียง 30 วันในการเปลี่ยนแปลง ความโกลาหนจึงเกิดขึ้นมากพอสมควร
ส่วน CTH เองเมื่อตัดสัญญาณเคเบิลท้องถิ่นแล้ว CTH ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าโครงข่ายสาย Fiber Optic ที่ CTH ไปเช่าจาก Symphony และ TOT ปีละเกือบ 200 ล้านบาท นั้นแสดงว่า สัญญาเช่าสาย Fiber Optic น่าจะครบสัญญา CTH จึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะ รายได้ที่ CTH ได้จากการให้บริการผ่านโครงข่ายสายเคเบิลของเคเบิลท้องถิ่น น่าจะไม่คุ้มกับค่ากับค่าใช้จ่ายที่ CTH ต้องจ่ายค่าเช่าสาย Fiber Optic จึงต้องปิดสัญญาณเป็นรายแรก และเรียกกล่อง Digital DVB-C จากเคเบิลท้องถิ่นกลับ เพื่อเอากล่อง DVB-C ไปขายต่อให้กับ เคเบิลทีวีที่อินเดีย เพราะกล่อง DVB-C กำลังขาดตลาด จึงเป็นโอกาสที่ CTH จะได้ปล่อยกล่อง Digital ที่ค้างอยู่ในโกดังหลายแสนกล่อง ออกไปให้อินเดียต่อไป
2) ในวันที่ 1 มีนาคม 2559 CTH ประกาศปิดสัญญาณที่ให้บริการผ่าน PSI
นั้นน่าจะหมายความว่า ค่าสมาชิกที่ CTH ได้รับจากสมาชิกที่ใช้จาน PSI ไม่คุ้มกับค่าเช่า Transponder ของดาวเทียมไทยคม เมื่อสัญญาเช่า Transponder ครบกำหนด CTH จึงไม่เช่าต่อ จึงต้องแจ้งตัดสัญญาณ CTH ที่ให้บริการผ่านสมาชิก PSI ส่วนลูกค้าที่จ่ายค่าบริการล่วงหน้าไว้ ก็ต้องตามไปแก้ไขกันต่อไป
3) ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 CTH ประกาศปิดสัญญาณ Ku-Band ที่ให้บริการผ่านดาวเทียม Thaicom
นั้นหมายความว่า สมาชิก CTH ที่รับบริการผ่านกล่อง GMMZ ก็น่าจะไม่คุ้มกับค่า Transponder ที่ CTH เสียค่าเช่า Transponder ให้กับดาวเทียม Thaicom จึงต้องประกาศ ยุติการให้บริการในระบบ Ku Band และเป็นที่มาของปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า CTH จะแก้เกมส์อย่างไร
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นแสดงว่า หลังจากวันที่ 1 สิงหาคม 2559 สมาชิกที่ต้องการดูเคเบิลทีวีของ CTH จะต้องดูผ่านดาวเทียม Vinasat เพียงช่องทางเดียว โดยการติดตั้ง "จานฟ้า" ของ CTH เท่านั้น นี่คงเป็นคำตอบว่า CTH ยังไม่ปิดกิจการ เพราะยังเปิดให้บริการต่อไป คงต้องรอจนกว่า สัญญาเช่าดาวเทียม Vinasat ของเวียตนาม จะหมดลงเมื่อใด ถึงตอนนั้นคงต้องมาดูว่า CTH จะตัดสินใจอย่างไร กับอนาคตของตนเอง
กสทช. จะออกมาขวาง
ส่วนเรื่องที่ กสทช. ออกมาบอกว่า CTH จะปิดสัญญาณย่าน Ku Band ไม่ได้ จะผิดกฎหมายข้อนั้นข้อนี้ ขอร้องเถอะครับ ก็ CTH เขาขาดทุน งบดุลออกมา 2 ปี (ปี 2556 กับ 2557) ขาดทุนไป 8,000 ล้านบาท หากงบปี 2558 ออกมา ก็น่าจะขาดทุนรวมไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา CTH ต้องเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีถึง 3 คน ก็น่าจะเป็นแสดงให้เห็นแล้วว่า CTH มีปัญหามากโขอยู่ เขากำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่
การปิดสัญญาณครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
การประกาศปิดสัญญาณ Ku-Band ที่ให้บริการผ่านดาวเทียม Thaicom ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 นั้น เป็นการปิดสัญญาณครั้งที่ 3 แล้ว และครั้งนี้น่าจะมีคนเดือดร้อนน้อยที่สุด เพราะไม่มี Premier League แล้ว ก่อนหน้านี้มีการปิดไป 2 ระบบคือ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 CTH ประกาศยุติการให้บริการผ่านเคเบิลท้องถิ่น และในวันที่ 1 มีนาคม 2559 CTH ประกาศปิดสัญญาณที่ให้บริการผ่านจานดาวเทียม PSI ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา มีคนเดือดร้อนมากมาย เพราะจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว ไม่ได้ดู Premier League หากจะผิดกฎหมายข้อใด หรือต้องลงโทษอย่างไร กสทช. ก็น่าจะเตือนไปนานแล้ว ครั้งนี้คงไม่ต้องออกข่าวว่าจะเรียกมาเตือนอีก
กสทช. อย่าตามกระแส
หากจะให้คำแนะนำ ก็อยากจะบอกว่า เอกชนเขาขาดทุน เขากำลังจะพยายามลดการขาดทุนลง จึงต้องพยายามลดต้นทุนในทุกช่องทางที่ทำได้ อย่าตามกระแสของนักข่าวนักเลย หากไม่ยอมให้เขาปิด เขาก็จะขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก จะเป็นการสร้างปัญหาใหม่คือ เขาจะไม่มีเงินไปจ่ายค่า Transponder ให้ Thaicom เท่าที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่ามีหนี้ค้างกันอยู่เท่าไร เดี๋ยวปัญหาจะไปเกิดกับ Thaicom ต่อเป็นลูกโซ่
ทีวีดิจิตอลทางธุรกิจเป็นตัวอย่างมาแล้ว
บางที กสทช. ก็ควรมองในมุมเอกชนบ้าง หากเขาขาดทุน และเขาต้องการปิดกิจการ ก็ควรยอมให้เขาปิดกิจการไปแต่โดยดี จะไปดึงดันให้เขาขาดทุนต่ออยู่ทำไม เหมือนทีวีดิจิตอลทางธุรกิจภาคพื้นดิน เขาอยากปิดกิจการเพราะสู้ไม่ไหว ก็ไม่ยอมให้เขาปิด จะรีดเอาเงินเขาจนทำให้เขาล้มละลายให้ได้ อ้างแต่ข้อกฎหมายที่ตนเป็นคนเขียนขึ้นมา เมื่อเขาแพ้ เขาก็ยอมแพ้แต่โดยดี ทำไมจึงไปดึงดันไม่ให้เขายอมแพ้ การยอมแพ้ของคนหนึ่ง จะทำให้คนที่เหลือมีทางรอดมากขึ้น เป็นการแก้ปัญหาไปในตัวตามหลักการค้าทั่วไป หาก กสทช. หมดหนทางที่จะช่วยเหลือ ก็ควรปล่อยให้เขาตายเร็วๆตามที่เขาต้องการเถอะ อย่ายื้อชีวิตเขา อย่าทรมานเขาต่อไป เพื่อรีดเอาค่ารักษาพยาบาลเขาต่อไปอีกเลย เขาไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่แล้ว ช่วยอนุเคราะห์โดยการปล่อยให้เขาตายโดยสงบเถอะครับ ไม่ต้องรอให้ คสช. ต้องออก ม. 44 เพื่ออนุญาตให้เขาตาย โดยไม่ต้องเอากระดูกเขาไปขายเพื่อมาใช้หนี้เลยครับ
ถึงอย่างไรก็ต้องบาดเจ็บ
ในมุมของ CTH ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2558 ก็คงมองเห็นแล้วว่า CTH กำลังจะค่อยๆ Down Scale ลงมาเรื่อยๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย มุมบุกในธุรกิจเคเบิลทีวีคงไม่มีแล้ว เพราะอาวุธที่สำคัญคือ Premier League ก็ไม่มีตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2559 แล้ว อาวุธที่จะไปต่อสู้ในธุรกิจเคเบิลทีวีคงจะหมดแล้ว ในวันนี้เหลือแต่ลิขสิทธิ์จากกลุ่ม Fox ที่ซื้อมา 2,000 ล้านบาท ไม่รู้จะหมดสัญญาเมื่อไร คิดว่า หมดสัญญาเมื่อไร ก็น่าจะถึงเวลาที่ CTH จะต้องปิดกิจการจริงๆเสียที ซึ่งจะเป็นการลงจากหลังเสือ แบบที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากพอสมควร แต่การลงทุนเป็นความเสี่ยงที่เอกชนทุกคนเข้าใจ เมื่อมีโอกาสได้มาก ก็มีโอกาสเสียมาก เรื่องนี้ คุณวิชัย ทองแตง ท่านคงเข้าใจ ส่วนกสทช. ก็ควรจะเข้าใจด้วย อย่าเอาแต่อ้างกฎหมายว่าฉันไม่ผิด ฉันทำตามกฎหมายที่ฉันเขียนขึ้นมา
CTH อาจลอกคราบกลายเป็นอย่างอื่นที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็ได้
อย่างไรก็ตาม คุณวิชัย ทองแตง คงไม่ทำให้ตนเองเสียชื่อ หรือเสียเหลี่ยมความเป็นมืออาชีพ เชื่อว่าเคเบิลทีวีของ CTH ที่อยู่ในมือ คุณวิชัย น่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เช่น เอาไปให้ AIS ใช้เป็นอาวุธ ในกิจการ Internet เพื่อแข่งกับ True Move ที่เอาเคเบิลทีวีของ True Vision ไปแถมในกิจการ Internet ของ True Move เป็นต้น หรือคุณวิชัย อาจมีไม้เด็ดอื่นๆออกมาอีก หลังจากปลดภาระต่างๆของ CTH ออกไปจนหมดแล้วก็เป็นได้ ช่วงนี้ CTH อาจกำลังจะเข้าสู่ภาวะการเป็นดักแด้เพื่อรอเวลาลอกคราบ เพราะเมื่อลอกคราบออกมาแล้ว อาจกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง เหมือนหนอนกลายเป็นผีเสื้อก็ได้ คอยดูฝีมือคุณวิชัย ทองแตง ในตอนต่อไป...โปรดอย่ากระพริบตา