ฟังข้อเสนอ “นปช.” ถึง “ยิ่งลักษณ์” ให้ “อารยะขัดขืน” ตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่นสู้”
“…ผมก็เรียนท่านว่า เอาจริงทุกตอน ตอนนี้ก็ประกาศไปแล้วว่าเอาจริง ส่วนมีทุกสิ่งให้พร้อมสรรพ ก็เป็นหน้าที่ที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริงว่าสิ่งใดบ้างที่ควรมี และสิ่งใดบ้างที่ต้องมี ตลอดจนสิ่งใดบ้างที่จำเป็นอย่างยิ่งขาดไม่ได้ต้องมีแน่ ๆ อย่างเด็ดขาด…”
บรรยากาศการประชุมแกนนำแต่ละจังหวัดของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภายใต้ชื่อ “นปช.ลั่นกลองรบ วางยุทธศาสตร์รับมือฝ่ายตรงข้าม” ที่จัดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมแกนนำเข้าหารือ แสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น มีความคึกคัก และร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่มีประเด็นใดเลย ที่อนุญาตให้รัฐบาลยอมแพ้ ฉะนั้นยอมแพ้ไม่ได้ นี่คือคำสั่งของประชาชน”
เป็นคำยืนยันจากปากของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รักษาการณ์รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. ที่สรุปข้อเสนอของแกนนำแต่ละจังหวัด
ขณะที่ข้อเรียกร้องอื่น ๆ ก็น่าสนใจ และน่าพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย เช่น “ขอให้นายกรัฐมนตรีอารยะขัดขืนไม่ยอมรับการใช้อำนาจอยุติธรรมขององค์กรอิสระ” “ให้รัฐบาลพิจารณาสถานที่และเตรียมความพร้อม หากจำเป็น ต้องตั้งที่ทำการรัฐบาลในภาคเหนือ หรือภาคอีสาน” และ “หากสถานการณ์ร้ายแรง บานปลาย จนมีความจำเป็นถึงขั้นนั้น ให้รัฐบาลดำเนินการรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยต่อไป”
ส่วนที่น่าประหลาดใจ เช่น “ขอให้พรรคเพื่อไทยปฏิรูปตัวเอง”
และจากข้อเสนอต่าง ๆ ที่เหล่าแกนนำเสนอมานั้น หมายความว่า การเคลื่อนไหวของ นปช. นับจากนี้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอนำข้อเสนอที่ “ณัฐวุฒิ” รวบรวมไว้จากการประชุมดังกล่าวมาเสนอ ดังนี้
“ข้อเสนอแนะ หรือจัดการกับสถานการณ์เฉพาะหน้าจากเหล่าแกนนำแต่ละจังหวัด แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีทั้งหมดรวบรวมเป็นประเด็นได้ 11 ข้อ คือ
1.1 ขอให้นายกรัฐมนตรียืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ลาออกเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใด ๆ
1.2 ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับพี่น้องชาวนาโดยเร็วที่สุด
1.3 ขอให้รัฐบาลโดยหน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดจับกุมดำเนินคดีกับสุเทพ และแกนนำ กปปส ทันที
1.4 นายกรัฐมนตรีผู้มาจากการเลือกตั้ง และถูกปฏิบัติอย่าง 2 มาตรฐานจากองค์กรอิสระ ไม่ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ ปปช
1.5 หากมีการวินิจฉัยกรณีใด ๆ จากองค์กรอิสระที่ขัดกับหลักยุติธรรม ขาดความชอบธรรม ให้รัฐบาล ให้นายกรัฐมนตรีแสดงอารยะขัดขืนไม่ยอมรับการใช้อำนาจอยุติธรรมขององค์กรอิสระ
1.6 ข้อนี้แม้ปัจจุบันยังไม่ทำได้ แต่เรื่องนี้คงเป็นเจตนารมณ์ของประชาชน คือ ภายใต้สถานการณ์การสร้างความรุนแรงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย (จริง ๆ ทราบ) ขอให้รัฐบาลลงนามรับขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) โดยเร็วที่สุด
1.7 เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงหลายครั้งที่เกิดขึ้นชี้ชัดหลักฐานว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีกองกำลังติดอาวุธหนักจำนวนมาก ปะปน และคอยทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธเพื่อปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ
1.8 หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งอยู่ในที่นี้ จึงขอให้นำข้อเสนอนี้ไปพิจารณาด้วย คือเสนอให้ปฏิรูปพรรคเพื่อไทยไปเสียในคราวเดียวกัน
1.9 เสนอให้รัฐบาลเปิดรับอาสาสมัครจากทั่วประเทศมาช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุม
1.10 ให้รัฐบาลพิจารณาสถานที่และเตรียมความพร้อม หากจำเป็น ต้องตั้งที่ทำการรัฐบาลในภาคเหนือ หรือภาคอีสาน
1.11 หากสถานการณ์ร้ายแรง บานปลาย จนมีความจำเป็นถึงขั้นนั้น ให้รัฐบาลดำเนินการรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยต่อไป
“สรุปคือทั้ง 10 กว่าข้อไม่มีข้อใดเลยที่อนุญาตให้รัฐบาลยอมแพ้ ฉะนั้นยอมแพ้ไม่ได้ นี่คือคำสั่งของประชาชน”
2.ยื่นต่อ “นปช. แดงทั้งแผ่นดิน” ทั้งหมด 15 ข้อ คือ
2.1 ถ้ามีการนัดหมายชุมนุมใหญ่ หรือเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพ ให้ นปช. เคลื่อนไหวอย่างเสรีได้เต็มที่เหมือนที่ กปปส. ทำ เพราะแนวทางนี้ได้รับความคุ้มครองจากคำพิพากษาของศาลแพ่ง
2.2 ให้พี่น้อง นปช. ทุกจังหวัดที่มาร่วมกัน แล้วอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้มาในจังหวัดเดียวกัน กลับไปแล้ว ไปประชุมกัน จัดตั้งกองกำลังชายฉกรรจ์จังหวัดละไม่ต่ำกว่า 100 คน เชิญผู้มีประสบการณ์มาอบรมให้ความรู้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้การชุมนุม
“ตั้งแต่บัดนี้พี่น้องกลับถึงบ้านประชุมกัน ดำเนินการคัดสรรชายฉกรรจ์ติดต่อประสานผู้ที่เขามีประสบการณ์ ให้เขาฝึกเพื่อดูแลความปลอดภัยในกลุ่ม นปช. แต่ละจังหวัด”
2.3 ให้ นปช. ประสานงานกับบุคคลต่าง ๆ ที่น่าเป็นแนวร่วมได้ กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพิ่อประชาธิปไตยทุกกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวในเวลานี้
2.4 ให้เผยแพร่รายชื่อบุคคล และองค์กรที่สนับสนุนฝ่ายตรงข้าม และโจมตีทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจเหมือนที่เขาโจมตีฝ่ายเรา
2.5 ให้มวลชนที่มีลูกหลานเป็นทหาร เป็นตำรวจ เร่งทำความเข้าใจในฐานะคนในครอบครัว แล้วเชิญชวนมาสนับสนุนการต่อสู้
2.6 จัดตั้งเครือข่ายลูกเมียทหาร – ตำรวจ เพื่อทำงานด้านมวลชน และด้านการข่าว ในทุกที่ตั้งของหน่วยงานนั้น ๆ
2.7 เสนอให้มีการจัดตั้งเวทีชุมนุมรอบปริมณฑล เพื่อกดดันการชุมนุมของนายสุเทพ ไม่ให้สามารถเคลื่อนไหวไปไหนก็ตามโดยอิสระ
2.8 ให้ความรู้กับประชาชนผู้เป็นแนวร่วมต่อสู้ ในการใช้คอมพิวเตอร์ ในการเข้าไปเป็นนักรบไซเบอร์
“มีน้อง ๆ หน่มสาวกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันทำงานเป็นจิตอาสา เปิดห้องชั้น 5 ที่อิมพีเรียล เดินเข้าไปแสดงตัวสมัครเรียนคอมพิวเตอร์ สอนตั้งแต่ไม่เป็น จนบุกเข้าไปด่าพวกนั้นในเฟซบุ๊กได้”
2.9 เสนอว่าถ้าถึงเวลาเข้ากรุงเทพ เหตุการณ์ขับคับ สถานการณ์ได้เสีย ประกาศชัตดาวน์องค์กรอิสระทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร
“อันนี้ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะ กปปส. ทำได้ เราก็ทำได้”
2.10 จัดตั้งองค์กรเงา เช่น กรรมการสิทธิมนุษยชนเงา ศาลรัฐธรรมนูญเงา ที่ประชุมอธิการบดีเงา
“พี่น้องบอกว่าให้หาคนที่มีความรู้เช่น ใครเคยเป็นอธิการบดีก็เรียนเชิญให้มารวมตัว ใครมีประสบการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนมารวมตัวเหล่านี้เป็นต้น แล้วขอให้พวกเขาเหล่านั้นทำหน้านี้ เพราะองค์กรอิสระพวกนี้ที่ออกมาสนับสนุนเผด็จการแถลงท่าทีต่อสถานการณ์การเมือง องค์การเงาก็ออกมาแถลงตอบโต้ สู้กันชนิดเรียกว่าทุกเม็ด ทุกบรรทัด”
2.11 จัดตั้งกรรมการส่งเสริมประชาชน และต่อต้านศัตรูประชาธิปไตย โดยกรรมการนี้มีหน้าที่ทำกิจกรรมในทางอีเวนต์สีสัน เชิดชูผู้รักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ เช่น ประกาศศักดาเชิดชูประชาธิปไตย ประกาศต่อต้านสินค้า ดารา เผด็จการ อย่างนี้เป็นต้น
2.12 รณรงค์ต่อต้านรัฐประหารเต็มรูปแบบ อันนี้เป็นหน้าที่ปรากฏเป็นแนวนโยบายของเราอยู่แล้ว
2.13 ถ้ามีการชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพ ต้องมีกำลังในพื้นที่เฝ้าระวังในค่ายทหาร
2.14 ถ้าสถานการณ์เพลี้ยงล้ำ ให้เตรียมช่องทางล่าถอย และแหล่งหลบภัยไว้ด้วย
“มวยมันต้องมีทั้งรุกทั้งรับ พี่น้องเราเสนอเผื่อว่ามีความจำเป็นต้องเข้าเกียร์ถอยหลังบ้าง”
2.15 เสนอมาแทบทุกคน บอกว่า เที่ยวนี้ขอให้สู้จริง และมีทุกสิ่งให้พร้อมสรรพ
“ผมก็เรียนท่านว่า เอาจริงทุกตอน ตอนนี้ก็ประกาศไปแล้วว่าเอาจริง ส่วนมีทุกสิ่งให้พร้อมสรรพ ก็เป็นหน้าที่ที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริงว่าสิ่งใดบ้างที่ควรมี และสิ่งใดบ้างที่ต้องมี ตลอดจนสิ่งใดบ้างที่จำเป็นอย่างยิ่งขาดไม่ได้ต้องมีแน่ ๆ อย่างเด็ดขาด”
จากข้อเสนอของแกนนำ นปช. แต่ละจังหวัดทั้งหมด 25 ข้อ ชี้ชัดให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวใหญ่ของ นปช. ที่ (อาจ) กำลังมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้นั้น จะไม่มีการ “รอมชอม” กับกลุ่ม กปปส. อีกต่อไป
ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลและ “ยิ่งลักษณ์” จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของ นปช. ที่ให้ ‘อารยะขัดขืน’ องค์กรอิสระต่าง ๆ หรือไม่
โปรดติดตามต่อไป อย่ากระพริบตา