ใบไม้โอบกอด…ที่ OLBRICH GARDENS แมดิสัน
"..เดินตามเส้นทางเดิน มีป้ายบอกไป ROSE GARDEN และ ศาลาไทยอันทรงคุณค่าซึ่งสมาคมศิษย์เก่าวิสคอนซินประเทศไทย (Wisconsin Alumni Association Thailand; WAAT) สร้างมอบให้แก่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว.."
หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ต้องทำหลายปีในเมืองไทยกับต้องมาใช้ชีวิตในช่วงเวลาอันจำกัดในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐ วันหนึ่งเมื่อถูกเพื่อนเอ่ย“วันอาทิตย์นี้จะมีคนมารับไปเที่ยวชมสวนพฤกษชาติ”
อุปมาเด็กน้อยที่ถูกล่อด้วยของเล่น
ใช่แล้ว!สวนพฤกษชาติที่ว่าคือ OLBRICH BOTANICAL GARDENS เมืองแมดิสัน รัฐวิสคอนซิน นั่นเอง
บ่ายโมงวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน 2556 อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส “ดอรีน” (Doreen) ภรรยาของ“รอน”( Ron Seely) อาจารย์อาวุโส คณะ LIFE SCIENCES COMMUNICATION มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ซึ่งเป็นนักข่าวสืบสวนของ Wisconsinwatch.org ขับรถสี่ประตูคันโตมารับกับเพื่อน 2 คนถึงที่พัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็จอดสงบนิ่ง
OLBRICH BOTANICAL GARDENS อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 ไมล์ ติดทะเลสาบ โมโนนา (Lake Monona) มีเนื้อที่ 16 เอเคอร์ส ประกอบด้วย
1.อาคารเรือนกระจก ภายในมีพืชพันธุ์ไม้นับพันชนิดในทุกทวีปในโลกรวมทั้งอย่างน้อย 1 ชนิดจากประเทศไทย ชื่อว่า Mauve Dancing Ladies สวนนกกินเมล็ดพืชตัวเล็ก น้ำตกขนาดเล็ก สะพานไม้ ลำธารเลี้ยงปลา หากต้องการศึกษาพันธุ์ไม้ในเรือนกระจกอย่างละเอียดทุกต้นอาจต้องใช้เวลากันเป็นวัน
2.ห้องโถงใหญ่มีภาพที่ปักด้วยผ้าสวยงามติดผนังจำนวนมาก
3.ร้านขายของที่ระลึก
ขณะที่ด้านนอกอาคารเป็นพื้นที่โล่ง เป็นสวนธรรมชาติ ROSE GARDEN จุดชมวิว ซึ่งครอบคลุมไปถึงศาลาไทย หรือ Thai Pavilion สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมือง
พลันที่หย่อนเท้าเยียบย่างเข้าในสวนธรรมชาติ จินตนาการเหมือนเด็กที่ถูกจับโยนลอยล่องในอากาศ รับรู้ความสุข ความไร้เดียงสาผุดขึ้นเต็มไม่หมด นี่ต้นอะไร ดอกอะไร?
สีสันแห่งพันธุ์ไม้ย่างสู่ฤดูหนาวเต็มตัว ต้นใหญ่น้อยแข่งกันตกแต่งใบหลากเฉดสี บางต้นเขียว บางต้นน้ำตาล บางต้นยืนตระหง่านเหลืองอร่าม ยิ่งยามลมหนาวยะเยือกพัดพลิ้วไหว ทิ้งใบร่วงหล่นสู่ผืนพื้นงดงามตระการตา ราวกับรู้ล่วงหน้าจะมีคนแปลกหน้ามาเยือน
ชวนให้หลับตา..สูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ…สุขทุกข์เป็นแค่เส้นพรมแดนกั้นบางๆจริงๆ ลืมไปว่ายังมีจุดอื่นรออยู่
เดินตามเส้นทางเดิน มีป้ายบอกไป ROSE GARDEN และ ศาลาไทยอันทรงคุณค่าซึ่งสมาคมศิษย์เก่าวิสคอนซินประเทศไทย (Wisconsin Alumni Association Thailand; WAAT) สร้างมอบให้แก่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว
จุดที่ห้ามพลาดก่อนถึงศาลาไทยมีสะพานข้ามลำน้ำใสไหลลงสู่ทะเลสาบโมโนนา (Lake Monona) ยืนบนสะพานมองตามลำน้ำ ขณะที่ริมสองฝั่งมีต้นไม้ใหญ่สีทองทอดเงาสะท้อนกับสายน้ำ ลอดทะลุเห็นทะเลสาบได้ราวกับเอื้อมถึง
เสน่ห์แห่งสีสันใบไม้…โอบกอดแบบไม่รู้ตัว สายธารหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งไหลอยู่เบื้องล่าง ความลงตัวของธรรมชาติงดงามราวกับภาพวาดของจิตกรเอก
เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงจึงสั้นกว่าปกติ
ณ เดือน ต.ค. 2556 ประชากรของเมืองแมดิสันมีทั้งสิ้น 233,000 คน ในจำนวนนี้เป็นนักศึกษาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ประมาณ 40,000 คน พอถึงช่วงวันหยุดจึงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวหาความรู้จำนวนมาก บางคนเป็นคู่หนุ่มสาว ผู้สูงอายุ บางคนมากับครอบครัวพร้อมลูกน้อย
เราออกจาก OLBRICH BOTANICAL GARDENS เกือบ 5 โมงเย็นอย่างที่ไม่อยากจาก เนื่องเพราะ“ดอรีน”ส่งเสียงเรียก เพราะทนความหนาวเหน็บยามเย็นไม่ไหว
OLBRICH BOTANICAL GARDENS ตั้งอยู่เลขที่ 3330 ATWOOD AVE แมดิสัน อยู่ในความดูแลของเทศบาล เปิดให้ชมวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า - 4 โมงเย็น วันอาทิตย์เปิดเวลา 10 โมงเช้า - 5 โมงเย็น หยุดวัน Thanksgiving วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ 1 ม.ค. อัตราค่าเข้าชมคนละ 2 เหรียญ เด็กอายุ 5 ขวบและต่ำกว่าฟรี สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวด้วยรถประจำทาง
นอกจากสวนแห่งนี้แล้วในเมืองแมดิสันยังมีสวนสาธารณะที่อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยวิสคอนซินกับสวนที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลอีกนับสิบแห่ง จากจำนวนสวนและป่าทุกประเภทของรัฐวิสคอนซิน 103 แห่ง (ข้อมูลจากคู่มือท่องเที่ยว Wisconsin State Park System)
ข้อดีอย่างหนึ่งของสวนที่นี่ สะอาด มีระเบียบ เนื่องเพราะพลเมืองส่วนใหญ่และผู้บริหารเมืองมีจิตสาธารณะ กำหนดและบริหารนโยบายเพื่อสาธารณะอย่างแท้จริงมากกว่ากลุ่มตนและพวกพ้อง
เทียบมิได้กับนักการเมืองบางจำพวกในบ้านเรา