ธรรมนัส พรหมเผ่า: แจง 2 ปมยศนำหน้า-ขายสลากฯ “ผิดเหรอ(เคย)เป็นผู้ค้ารายใหญ่”
“มันผิดเหรอครับ ที่ผมจะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ อยากเรียนท่านประธานด้วยความเคารพว่า อย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจร หรือเป็นพวกเอารัดเอาเปรียบทางสังคม”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจงถึงกรณีถูกกล่าวหาว่า ใช้คำนำหน้าเป็นยศ ‘ร้อยเอก’ ได้อย่างไร และกรณีเคยเป็นหุ้นส่วน หจก.ขวัญฤดี 1 ใน 5 เสือกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ดังนี้
----
@แจงมีหนังสือ กห.เลื่อนยศเป็น ‘ว่าที่ร้อยเอก’-ได้รับโปรดเกล้าฯ รมต.กลายเป็น ‘ร้อยเอก’
ร.อ.ธรรมนัส เริ่มต้นการชี้แจงว่า เรื่องที่พูดถึงยศ หรือคำนำหน้าของผม อยากจะกราบเรียนท่านประธานด้วยความเคารพว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2541 ท่านประธานเอง (นายชวน หลีกภัย สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี) ได้ลงนามโดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดยศ ร.ท.พชพร พรหมเผ่า (ชื่อเดิม ร.อ.ธรรมนัส) ออกจากยศตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 2541 ด้วยเหตุผลคือประพฤติตนไม่สมควรตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2541
อย่างไรก็ดีมีสารหนังสือของกระทรวงกลาโหมอีกฉบับหนึ่ง ว่าด้วยการเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร โดยอาศัยอำนาจตามความมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ยศทหารฯ พ.ศ.2475 ได้รับการเลื่อนยศเป็นว่าที่ ร.อ. โดยในเอกสารระบุลำดับที่ 1 ร.ท.พชร พรหมเผ่า ได้รับการเลื่อนเป็นว่าที่ ร.อ. โดยเอกสารฉบับนี้ลงนามโดย พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รมช.กลาโหม ปฏิบัติการแทน รมว.กลาโหม ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2541
(เอกสารจากกระทรวงกลาโหมที่ ร.อ.ธรรมนัส นำมาชี้แจงถึงกรณีการเลื่อนยศเป็น 'ว่าที่ร้อยเอก' เมื่อปี 2541)
“สิ่งที่มันทำให้เกิดความสับสนคือเนื่องจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับลงวันที่ 24 ต.ค. 2541 เรื่องการถอดยศร้อยโท แต่คำสั่งอีกคำสั่งหนึ่งลงวันที่ 1 มิ.ย. 2541 ช่วงเวลา มิ.ย.-ต.ค. 2541 เป็นระยะเวลาหลายเดือน อาจทำให้เกิดความสับสน ขออนุญาตชี้แจงโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่เคยคิดจะแอบอ้างในเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ชีวิตที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ การทำมาหากินหรืออะไรก็ตาม ไม่เคยแอบอ้างยศถาบรรดาศักดิ์ทำมาหากิน”
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงอีกว่า ครั้งเมื่อชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังใช้คำว่า ‘นาย’ ธรรมนัส พรหมเผ่า ตอนสมัคร ส.ส. ก็ใช้ ‘นาย’ แต่ครั้งเมื่อนำชื่อเสนอทูลเกล้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ มีการถกเถียงกันหลายประเด็น พยายามหาหลักฐานว่าสรุปแล้วยศยังอยู่หรือไม่ แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ใช้ชื่อ ‘ร้อยเอก’ ธรรมนัส ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ จึงใช้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ใช่ประเด็นใช้ยศนำหน้าเพื่อได้เปรียบดั่งเชิงทางการเมืองเลย
@พ้อผิดเหรอเคยเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่-ได้รับสัมปทานครั้งสุดท้ายปี 58
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็น 1 ใน 5 เสือกองสลากฯว่า เรื่องการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ปฏิเสธว่า ก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมาว่า ผมมีอาชีพเป็น 1 ใน 5 เสือกองสลากฯ ไม่เคยปฏิบัติต่อสังคม
“มันผิดเหรอครับ ที่ผมจะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ อยากเรียนท่านประธานด้วยความเคารพว่า อย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจร หรือเป็นพวกเอารัดเอาเปรียบทางสังคม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงอีกว่า วันนี้โชคดีได้พูดหลายสิ่งหลายอย่างที่สังคมเข้าใจผิดไป อยากเรียนด้วยความเคารพว่า 5 เสือกองสลากฯ มีคุณธรรม ไม่ใช่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เอาเถอะ เมื่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (1)) มีนโยบายว่าไม่ให้มี 5 เสือกองสลากฯ หรือผู้จำหน่ายสลากฯรายใหญ่ ณ เวลานั้น ประธานกรรมการบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาล (พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.)
เรียนประธานด้วยความเคารพต่อไปว่า ผมได้รับสัมปทานในฐานะเป็นคู่สัญญากับกองสลากครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 ประธานบอร์ดกองสลากฯ มีนโยบายว่า สลากกินแบ่งการกุศล ต้องถูกจำหน่ายทางธนาคารกรุงไทย หรือผ่านองค์กรการกุศล ในจำนวนที่เป็นไปตามข้อบังคับหรือระเบียบของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
“เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2558 ครั้งสุดท้ายที่ผมอยู่ในฐานะคู่สัญญากับกองสลาก จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีสัมปทาน หรือเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯแม้แต่เล่มเดียว แต่ที่ได้สำแดงทรัพย์สิน ได้สำแดงรายได้ว่า มีรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3 ล้านบาท คงเข้าใจผิดว่าผมคงเป็นคู่สัญญากับสลากกินแบ่ง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
@ปัจจุบันเช่าช่วงเจ้าของตลาดเปิดแผงสลากฯ 10 แผง-ยันทำอาชีพสุจริต
ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ด้วยข้อเท็จจริงอยากเรียนว่า รายได้จากการทำธุรกิจในส่วนของสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท คือรายได้จากการไปเช่าแผงค้าสลากฯที่ข้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นการเช่าช่วงจากเจ้าของตลาด ตนมีแผงค้าสลากฯจำนวนทั้งหมดเกือบ 10 แผง เพราะมีความจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงลูกค้าตนที่ทำธุรกิจเรื่องสลากฯกันมาเกือบ 10 ปี เพราะลูกค้าเหล่านั้น สมัยเป็นเจ้าของสัมปทาน รับสลากไปขายแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอทั่วประเทศไทย มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องประคองชีวิตพ่อค้าผู้มีอาชีพเหล่านั้น ให้มีอาชีพต่อไป แม้รายได้จะลดน้อยลง แต่เขาก็สามารถทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเมื่อเปิดแผงค้าเกือบประมาณ 10 แผง เอาไว้ทำอะไร ก็ไว้รับซื้อสลาก ไว้จำหน่ายสลากเหมือนเดิม การทำอาชีพอย่างนี้ถือว่าเป็นอาชีพสุจริต ถึงแม้ว่าเราจะดำรงตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรี หรือฐานะ ส.ส. ก็ตาม
“การเป็นรัฐมนตรี ถือว่าสาหัสพออยู่แล้ว แต่อีกสถานะหนึ่งการเป็น ส.ส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แทนตลาดล่าง เงินเดือนแต่ละเดือนจากการได้รับจากรัฐบาลประมาณ 1.2 แสนบาท ถามเพื่อน ส.ส. ที่นั่งอยู่ตรงนี้ งานแต่ละงานในฐานะการเป็น ส.ส. มันเลี้ยงพวกเราอยู่ได้หรือ ใครไม่เป็นผู้แทนที่เป็นผู้แทนจากเขต ไม่รู้หรอก ยกตัวอย่าง ส.ส.พะเยา คุณจิรเดช ศรีวิราช ดูแลพื้นที่ จ.พะเยา ตั้งกี่อำเภอ กี่ อบต. กี่หมู่บ้าน เดินออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว สิ้นเดือนยิ่งกว่าสิ้นใจ” ร.อ.ธรรมนัส ระบุ
ท้ายที่สุด ร.อ.ธรรมนัส สรุปว่า สิ่งที่กำลังสะท้อนให้เห็นเชื่อว่า ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ต่างตระหนักดีว่า เราต้องทำมาหากิน ไม่งั้นพวกเราอยู่ไม่ได้ อยากกราบเรียนประธานผ่านไปยังเพื่อน ส.ส. ที่ได้อภิปรายว่า ไม่ว่าประเด็นเรื่องคำนำหน้า หรือจะประเด็นเรื่องค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นประเด็นที่ชี้แจงตามข้อมูล
อ่านประกอบ :
'นิคม'เปิดปมรายได้ขายหวย'ธรรมนัส'3 ล./ด.-เจ้าตัวแจงเปิดแผงเอง ไม่เป็นคู่สัญญากองสลากฯแล้ว
เช็กธุรกิจขายหวย‘ธรรมนัส’ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นหลายครั้ง - ปี 57 รายได้สูงสุด 1,400 ล.
'ธรรมนัส’แจ้ง ป.ป.ช. เมีย 2 คน ‘อริสรา - น้องจุ๊บจิ๊บ’ - รายได้ขายหวยเดือนละ 3 ล.
‘ธรรมนัส’โอนหุ้นธุรกิจค้าหวยให้ 2 หญิงสาว ลูก‘เจ๊แดง’- คนในธรรมนัสกรุ๊ป
เปิดขุมข่ายธุรกิจล่าสุด ‘ธรรมนัส’ 17 บริษัท อู้ฟู่หลายร้อยล้าน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/