- Home
- Isranews
- เวทีทัศน์
- คำต่อคำ 'ธนาธร-ปิยบุตร' : การเดินทาง1ปี4 ด.18 วันที่สวยงาม-นิติสงคราม เล่นจริง เจ็บจริง
คำต่อคำ 'ธนาธร-ปิยบุตร' : การเดินทาง1ปี4 ด.18 วันที่สวยงาม-นิติสงคราม เล่นจริง เจ็บจริง
"...ในวันนี้ผมขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางทางมากับเรา 1 ปี 4 เดือน กับ 18 วัน เป็นการเดินทางที่สวยงามและมีเรื่องที่ประทับใจในการเดินทางครั้งนี้มากมาย และนั้นเป็นสิ่งที่เรากล้าสู้ต่อถึงแม้ว่าเราจะโดนทำลายความน่าเชื่อถือผ่านกลไกข่าวปลอมในโลกออนไลน์ โดนทำลายด้วยข้อหา ข้อร้องเรียนต่างๆที่มีถึง 29 กรณีด้วยกัน แต่สิ่งที่ท่านให้พวกเราคือแรงผลักดันให้พวกเรามาไกลถึงเท่านี้..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เป็นเนื้อหาคำแถลงของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ต่อกรณี ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ร้อง ขอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีกู้เงินนายธนาธรวงเงิน 191.2 ล้านบาท โดยมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแก่กรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2562 หรือ 11 เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นวันที่กระทำการอันเป็นเหตุให้ยุบพรรค เป็นเวลา 10 ปี และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคดังกล่าว จดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หรือกรรมการบริหารพรรค หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ภายใน 10 ปี (อ่านประกอบ:'ธนาธร'ประกาศตั้งคณะอนาคตใหม่ลุยการเมือง- 'ปิยบุตร'เย้ยผกก.เบื้องหลังหยุดปีศาจไม่ได้)
@ นายธนาธรจึง รุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
"...เมื่อบ่ายวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัย ซึ่งผลคำวินิจฉัยก็คือการยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารของพรรค พรรคอนาคตใหม่จดทะเบียนจัดตั้งพรรคกับ กกต.เมื่อปี 2561 วันที่ 21 พ.ค.ในปีเดียวกันเราได้ประชุมพรรคครั้งแรกขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคอนาคตใหม่ได้รับรองจาก กกต.ให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2561 นับจากวันที่พรรคได้รับการรับรองพรรคมีชีวิตทั้งสิ้น 507 วัน พรรคอนาคตใหม่ มีชีวิตทั้งสิ้น 1 ปี 4 เดือน 18 วัน
ผมขอย้อนกลับไปกล่าวถึงวัตถุประสงค์การตั้งพรรคอนาคตใหม่ พวกเรา คือ การรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต้องการพรรคการเมืองแบบใหม่ พรรคการเมืองที่ไม่ซื้อเสียงและเป็นเสาหลักของสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมกันในระยะยาว เราต้องการจะเป็นพรรคที่กล้าพูดถึงเรื่องการปฏิรูปซึ่งก้าวหน้า พูดถึงเรื่องการปฏิรูปกองทัพในสภาผู้แทนราษฎร เราอยากเห็นสังคมไทยซึ่งก้าวหน้า เราอยากเห็นการยุติระบบรัฐราชการรวมศูนย์ เราต้องการสร้างสังคมมีความมั่นคงในชีวิต ความมั่นคงพื้นฐานผ่านกลไกรัฐสวัสดิการ นี่คือความฝันที่รวมตัวพวกเราให้เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 นั่นคือสิ่งที่ร้อยรัดพวกเราให้มาตั้งพรรคการเมืองนี้
ในวันนี้ผมขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางทางมากับเรา 1 ปี 4 เดือน กับ 18 วัน เป็นการเดินทางที่สวยงามและมีเรื่องที่ประทับใจในการเดินทางครั้งนี้มากมาย และนั้นเป็นสิ่งที่เรากล้าสู้ต่อถึงแม้ว่าเราจะโดนทำลายความน่าเชื่อถือผ่านกลไกข่าวปลอมในโลกออนไลน์ โดนทำลายด้วยข้อหา ข้อร้องเรียนต่างๆที่มีถึง 29 กรณีด้วยกัน แต่สิ่งที่ท่านให้พวกเราคือแรงผลักดันให้พวกเรามาไกลถึงเท่านี้
นอกจากคำขอบคุณแล้ว สิ่งที่ผมต้องกล่าวกับประชาชนที่เคารพก็คือ พรรคอนาคตใหม่สิ้นสุดลงแล้ว ผมในฐานะหัวหน้าพรรคขอโทษพี่น้องประชาชนที่พวกเราทำตามสัญญาไม่ได้ เราสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราสัญญากับทุกท่านว่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2560 เราสัญญากับทุกท่านที่จะปฏิรูปกองทัพ สิ่งต่างๆเหล่านี้ เราทำไม่ได้ตามสัญญา ผมในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขอกล่าวขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคน
แต่ผมเรียนพี่น้องประชาชนว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมและกรรมการบริหารพรรคได้ทำอย่างสุดความสามารถตลอดระยะเวลาและทรัพยากรที่เรามีอยู่ เพื่อที่จะผลักดันให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา และวันนี้ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากได้ว่าในวันที่สังคมมืดมนที่สุด ผมไมได้นั่งอยู่เฉยๆรอวันที่สังคมจะลุกเป็นไฟ แต่ผมและชาวอนาคตใหม่ทุกคนลุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรม ลุกขึ้นมาเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในการที่จะผลักดันหยุดยั้งความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่ในสังคมไทย
ในวันนี้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบแล้ว กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์แล้ว แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะร้องไห้ เพราะพรรคอนาคตใหม่เป็นมากกว่าพรรคการเมือง คุณยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ แต่คุณยุบคนเหล่านี้ไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนที่เคารพ พวกเขาต้องการทำลายเรา เราต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาทำลายเราไม่ได้ เราต้องเข้มแข็งกว่าเดิม พวกเขาต้องการเหยียบย่ำเราให้จมดิน ดังนั้น นี่คือเวลาของการลุกขึ้นยืนให้มั่นคง นี่ไม่ใช่เวลาของการที่จะเสียใจหรือเวลาของการที่จะร้องให้กับสิ่งเหล่านั้น
วันนี้ยานพาหนะที่ชื่อพรรคอนาคตใหม่ได้สิ้นสุดลง แต่ผู้คนยังเดินทางต่อ ดังนั้น เพื่อการนี้ประชาชนที่เคารพ ผมขอประกาศตั้งคณะอนาคตใหม่ คณะรณรงค์การเคลื่อนไหวสังคมเพื่อผลักดันวาระที่ก้าวหน้าซึ่งเป็นที่รวมของกลุ่มคนที่ต้องการสืบสานอุดมการณ์และแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ขึ้น
ผมขอประกาศตั้งคณะอนาคตใหม่ขึ้นเพื่อทำงานการเมืองต่อ โดยมีวัตถุประสงค์กลับไปเมื่อครั้งตอนที่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ครั้งแรก เพื่อปักธงความคิดของประชาชนให้มีความเชื่อได้ว่าระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่ดีที่สุดสำหรับสังคมไทย
ปักธงความคิดเพื่อ ให้ประชาชนเชื่อว่าทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ของสังคมไทยก็คือการแก้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560
ถ้าเราทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่ามีแต่การสร้างรัฐสวัสดิการเพื่อให้ประชาชนมั่นคง ถ้าทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่าต้องปฏิรูปกองทัพถึงจะปลดล็อกทางการเมืองได้
ถ้าหากทำให้ประชาชนเชื่อได้เมื่อไรแล้วเสียงก็จะมาเอง ไม่ต้องรณรงค์แต่อย่างใด ถ้าเราทำให้ประชาชนเชื่อได้เมื่อไร เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคที่มีอุดมการณ์แบบนี้จะชนะการเลือกตั้งเอง
คณะอนาคตใหม่จะทำในส่วนของการเมืองท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นมืออาชีพพอที่จะบริหาร ที่จะทำให้ความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น นอกจากนี้จะมีงานมูลนิธิใหม่ที่ผมจะตั้งเพื่อจะทำเรื่องการศึกษาและตระหนักเพื่อให้ประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม
และทั้งหมดนี้ก็คือก้าวต่อไปของทั้งผมและกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิ์
ผมเชื่อว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่นั้นจะยังหนักแน่นและสานต่อนโยบายพรรคต่อไป และขอให้สมาชิกพรรค 60,000 คน เดินไปกับพวกเขาต่อไป ไม่ว่าเขาจะไปอยู่พรรคไหน เหมือนกับที่พวกท่านได้เคยเชื่อใจผมมาแล้วครั้งหนึ่ง..."
@นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
"...ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอใช้สิทธินี้ในการวิจารณ์และไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรซึ่งใช้อำนาจตุลาการตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตย ผมจึงย่อมจะมีสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นี่คือการวิจารณ์ การแสดงความเห็นอย่างสุริตใจเพื่อจรรโลงให้ระบอบประชาธิปไตยและการแบ่งแยกอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลกันนั้นดำรงอยู่ได้ นี่ไม่ใช่การละเมิดอำนาจ ดูหมิ่นศาลแต่อย่างใด
ในทางกฎหมายคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งผลสืบเนื่องดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 พรรคการเมืองซึ่งเป็นการรวมตัวกันของปัจเจกบุคคล รวมตัวกันแล้วก่อตั้งขึ้นมาก็ไปจดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงก่อตั้งเป็นพรรคการเมืองได้ ไม่ได้ครองอำนาจรัฐ ถือครองอำนาจมหาชน สถานะของบุคลากรในพรรคการเมือง มิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มิใช่ข้าราชการ
แต่ ณ วันนี้ จากนิติบุคคลเอกชน แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าพรรคการเมืองกลายเป็นนิติบุคคลมหาชนไปแล้ว
ประการที่ 2 เงินกู้อาจกลายเป็นเงินบริจาค อาจกลายเป็นประโยชน์อื่นใดได้ทันที ถ้าศาลรัฐธรรมนูญประสงค์ตีความเป็นเช่นนั้น ดังนั้นพรรคการเมืองทุกพรรคที่กู้เงิน ด้วยความปรารถนาดี โปรดระมัดระวังว่าการกู้เงินของท่านอาจจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นเงินบริจาคหรือประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 10 ล้านบาทได้
ประการที่ 3 การใช้มาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อมายุบพรรคอนาคตใหม่นั้นไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งต่อจากนี้ทุกๆความผิดเกี่ยวกับการเงินในกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งมีบทกำหนดโทษอยู่แล้ว
แต่หลังจากนี้เมื่อมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมือง จะส่งผลให้ถูกยุบพรรคทันที ในเมื่อมาตรา 66 ระบุว่าเมื่อพรรคการเมืองใดกระทำความผิดกฎมีบทลงโทษอยู่แล้ว
แต่ ณ วันนี้ เมื่อคุณความผิดมาตรา 66 หรือมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาจจะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงการยุบพรรคทันที ต่อไปนี้ใครรับเงินบริจาคเกินมา 1 บาท อาจถูกยุบพรรคได้
ต่อไปนี้ใครรับเงินแล้วแจ้งบัญชีไม่ครบ ทุกอย่างจะถูกโยงให้เป็นการได้เงินมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และนำไปสู่การยุบพรรคได้ทันที ซึ่งนี่คือการขยายความมาตรา 72 เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ประการที่ 4 หากระบบกฎหมายในประเทศไทยต้องการมิให้พรรคการเมืองกู้เงินจริงๆหรือต้องการจะวางเงื่อนไขของการกู้เงิน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรากฎหมาย กำหนดข้อห้ามเงื่อนไข ข้อจำกัดเกี่ยวกับการกู้เงินเอาไว้ชัดเจน
เพราะพรรคการเมืองจะได้รู้ล่วงหน้าแล้วเขาจะได้ใช้เสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมของเขาได้ตามกฎหมาย มิใช่ปล่อยให้คลุมเครือ ปล่อยให้ไม่ชัดเจน จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการกู้เงินไม่สามารถทำได้ เพราะอาจจะกลายเป็นเงินบริจาคหรือประโยชน์อื่นใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโทษนั้นรุนแรงถึงขึ้นการยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งนี่ก็เปรียบเสมือนกับการประหารชีวิตทางการเมือง การใช้กฎหมายและการตีความต้องเคร่งครัดเป็นอย่างยิ่ง มิใช่ตีความขยายความไปอีกอย่าง แบบที่เราไม่สามารถตีความคาดการณ์ล่วงหน้าได้เช่นนี้
ประการที่ 5 คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ได้พูดถึงหลายคำเกี่ยวกับการไม่ต้องการให้นายทุนครอบงำพรรค ต้องการสร้างประชาธิปไตย ต้องการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของพรรคการเมือง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกลับกลายเป็นเรื่องที่ยอกย้อนที่สุด เพราะว่าพรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งขึ้นมา เราต้องการทำงานการเมืองอย่างโปร่งใส เราต้องการทำงานการเมืองเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ารายได้ เงินที่เรามาใช้ในกิจกรรมทางการเมือง เราได้มาจากที่ใดบ้างและเอาไปจ่ายเพื่อการใดบ้าง ทุกๆอย่างเราเอาขึ้นบัญชีบนโต๊ะ
แต่กลับกลายเป็นว่าเรากลับถูกยุบพรรค
ในขณะที่ทุกท่านก็ทราบดีว่าทุกพรรคการเมืองในประเทศไทยนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารณรงค์ทำกิจกรรมกันต่างๆ ส่งผู้สมัครเลือกตั้งครบทุกเขต ตั้งกันมาใหม่ๆพร้อมๆกับพรรคอนาคตใหม่ ถึงเวลาไม่นานก็ตั้งสาขาได้ครบหมด ตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ถึงเวลาส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้หมด เขาเอาเงินมาจากไหน
ผลสืบเนื่องของคำวินิจฉัยนี้คืออะไร คือต่อไปนี้พรรคการเมืองจงอย่าโปร่งใส พรรคการเมืองจงอย่าเปิดเผย แต่พรรคการเมืองจงปกปิดให้มิดแล้วจะอยู่รอดได้ ยิ่งโปร่งใสเท่าไร ยิ่งซวย ยิ่งเดือดร้อน ยิ่งถูกยุบพรรค ในท้ายที่สุดพรรคใดซ่อนเก่ง ซุกเก่ง ปกปิดเก่งกลายเป็นพรรคที่ทำถูกกฎหมาย พรรคใดที่โปร่งใส แสดงที่มาของเงินที่มาใช้ทำกิจกรรมของพรรค กลับถูกยุบพรรค ประเทศไทยจะกลับตาลปัตรยอกย้อนแบบนี้หรือ
ประการที่ 6 สืบเนื่องจากคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ต่อเนื่องมายังคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่และเพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี ก่อนหน้านี้ เราใช้รัฐธรรมนูญ 2540,2550 เพิกถอนสิทธิกัน 5 ปีก็ว่าเยอะแล้ว
แต่ ณ วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพูดว่านี่คือหลักที่สอดคล้องกับความสมควรแก่เหตุ โทษหนักเช่นนี้สาสมกับการกระทำ จึงเพิกถอนสิทธิ 10 ปี ผลจากคำวินิจฉัยเช่นนี้กลายเป็นว่าการเพิกถอนสิทธิกรรมการพรรคเป็นเวลา 10 ปี นี่คือปราณีแล้ว
ทุกท่านครับ รัฐธรรมนูญก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมา กำหนดอำนาจหน้าที่ให้กับศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดกระบวนการที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีผลบังคับผูกพันทุกองค์กรเป็นเด็ดขาดและเป็นที่สุด
แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลผูกพันในใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีเหตุผล ถูกต้อง ชอบธรรม
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มิใช่เพียงคนใส่ชุดครุยบนบัลลังก์ที่ติดชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต่อเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีได้อย่างมีเหตุมีผล กกต.,ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบผู้อื่น คำถามคือว่าใครตรวจสอบ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ
คำถามนี้ คำตอบชัดเจนที่สุดก็คือประชาชนคนไทยผู้ทรงอำนาจอธิปไตย ที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นี่คือการตรวจสอบถ่วงดุล เมื่อใดที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ยุบพรรค ประชาชนก็จะเป็นคนวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
ในวันนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเช่นไร มีคุณภาพหรือไม่ พวกท่าน ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของแผ่นดินนี้เป็นคนตัดสิน ผลสืบเนื่องทางการเมืองไทยจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ แน่นอนว่ากระทบทุกองค์กร กระทบทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ
ผลสืบเนื่องทางการเมืองไทยวันนี้คือประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีพรรคการเมืองที่ทำงานสร้างสรรค์ เปิดเผย โปร่งใส มีความคิดก้าวหน้า ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยถึงโครงสร้าง ประเทศไทยเลือกใช้นิติสงคราม กำจัดศัตรูทางการเมือง แบบเดิม แบบที่เคยทำมากว่าทศวรรษ และนิติสงครามเช่นนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ตรงกันข้าม นิติสงครามแบบนี้จะตอกลิ่มความขัดแย้งมากกว่าเดิม 10 กว่าปีที่ผ่านมามีคนไทยจำนวนมากตั้งคำถามถึงระบบกระบวนการยุติธรรม การตรวจสอบการใช้อำนาจต่างๆ พวกเขาชอกช้ำและตั้งคำถามดังๆว่ายุบที่เขาเลือก ยุบพรรคที่เขาสนับสนุนไปทำไม ได้อย่างไร
ณ วันนี้มีคนอีกจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เขาอาจจะไม่รู้เรื่องรู้ราวม กับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น 10 กว่าปีที่ผ่านมา เขาอาจจะเพิ่งมาสนใจการเมือง
แต่ ณ วันนี้ เขาเห็นปรากฎการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าแล้วว่านิติสงครามเขาทำกันอย่างไร เล่นจริง เจ็บจริงกันอย่างไร
ของเดิมยังไม่แก้ ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามา ซึ่งนิติสงครามนั้นก็ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงระบบการตรวจสอบถ่วงดุลมากขึ้นๆ หากการยุบพรรคอนาคตใหม่ครั้งนี้ เพียงเพราะว่าผู้มีอำนาจต้องการกำจัดความคิดแบบอนาคตใหม่ออกไป เพียงเพราะว่าต้องการผลักไส ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และผมออกไป
ผมยืนยันว่าพวกเขาคิดผิด เพราะความคิดแบบอนาคตใหม่จะเจริญงอกงามเติบโตกว้างไกลไปยิ่งกว่าเดิม
เพราะธนาธรและผมจะออกไปโลดแล่นรณรงค์การเมืองทั่วประเทศยิ่งกว่าเดิม
หากผู้มีอำนาจคิดว่านี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม แต่ผมยืนยันว่าพวกเขาคิดผิด เพราะนี่คือไฟลามทุ่ง
หากผู้มีอำนาจคิดว่านี่คือการกำจัดศัตรูทางการเมืองเพื่อให้พวกเขาครองอำนาจสืบทอดอำนาจได้ต่อไปอย่างสายใจ พวกเขาคิดผิด
เพราะอาการนี้คืออาการของโรคที่แสดงให้เห็นว่าอำนาจที่พวกคุณถือครองและสืบทอดอยู่นั้นปราศจากความชอบธรรม จึงต้องงัดทุกวิถีทางมากำจัดพวกเรา
หากผู้มีอำนาจคิดว่าประชาชนไม่รู้สึกอะไร ผ่านไปสักพักเดี๋ยวก็ลืม แล้ววันหน้ามีใหม่ ก็ทำใหม่
ขอยืนยันว่าพวกเขาคิดผิด เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ของประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย เราจะร่วมกันต่อสู้ต่อไป ความคิดแบบอนาคตใหม่จะเติบโตยิ่งกว่าเดิม
ผมและธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะรณรงค์การเมืองต่อเนื่องต่อไปทั่วประเทศไทยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่นี่คือจุดเริ่มต้น
เพราะว่าพกเราเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดละเมอ หวดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที
ผมขอประชาชนออกมารวมตัวเพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกันและให้เขาเห็นพลังของพวกเราและส่งสัญญาณไปยังผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเขาจะไม่ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ..."
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/