พิภพ ธงไชย : คุกศึกษา-วันอิสรภาพ
"...เช้าวันนั้นจึงไม่มีใครซวย แต่พวกเราก็เพลียเอามากๆ เมื่อผมก้าวออกพ้นประตูเรือนจำคนแรก สูดอากาศแห่งอิสรภาพ จึงตาลาย เห็นพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแถวสองฝั่งยาวไปถึงพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่สิบ เต็มสองข้างทาง เราทั้งห้าตรงดิ่งไปก้มกราบถวายบังคม เสร็จลุกขึ้นมาพบอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่ยืนรอตั้งแต่สองโมงเช้า ให้พระผมไว้บูชา ผมกราบอาจารย์ด้วยสำนึกในเมตตาที่ห่วงตัวผมตลอดระยะเวลา 3 เดือน ผมนึกในใจว่า ติดคุกครั้งนี้ ติดแทนอาจารย์ที่เฉียดคุกเฉียดตะรางมาโดยตลอด เป็นการทำบุญให้อาจารย์ไปด้วยในตัว..."
ผ่านไป 1 เดือนที่ออกจากคุกของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์วันนั้น เป็นเช้าที่เวลาผ่านไปช้ามาก
ผมตื่นนอนตีสี่ครึ่ง ลุกเข้าห้องน้ำนั่งบนโถส้วม ใช้สายยางอาบน้ำในเรือนพยาบาลที่แออัดไปด้วยผู้ป่วย 20 กว่าคน จนเตียงไม่พอ บางคนต้องเข้าไปนอนอยู่ใต้เตียง
มีคนหนึ่งเข้ามาใหม่ อายุเกือบ 80 ไม่ยอมลงไปนอนใต้เตียงในคืนแรก นั่งหลับบนเก้าอี้ทั้งคืน เมื่อผมตื่นขึ้นแล้วเดินไปอาบน้ำกินข้าวที่แดน 1 กลับเข้ามาตอนเย็นเห็นแกแอบขึ้นมานอนบนเตียงผม
บางวัน ผมแอบขึ้นไปดูชั้น 2 ถือวิสาสะเดินทิ้งระยะห่าง ตามหลังลูกชายเจ้าของกฤษดานครขึ้นไป เห็นเตียงว่างหลายเตียง มีห้องพิเศษเล็กๆสำหรับนักโทษพิเศษ 5 ห้อง และมีห้องเก็บของ และห้องทำงาน ซึ่งถ้าจัดใหม่ก็สามารถระบายคนไข้ขึ้นมานอนได้ แต่เพราะความเป็นชั้นพิเศษ ก็ต้องเฉพาะ”คนไข้พิเศษ”เท่านั้น
ชั้นล่างนั้นมีสองห้องใหญ่ที่มีเตียง 10 กว่าเตียง ซึ่งต้องแบ่งให้นักโทษผู้ช่วยพยาบาลใช้นอนด้วย ส่วนห้องติดกัน มีไว้สำหรับนักโทษที่ป่วยเป็นวัณโรค กักไว้ไม่ให้ออกมาข้างนอก แม้ตอนนับจำนวนเช้าและเย็น ผู้คุมก็ต้องนับผ่านห้องกระจกจากห้องผู้ป่วยทั่วไป
ผมนั้นหมอให้มานอนเรือนพยาบาลชั้น 1 จัดเตียงให้ติดกับห้องน้ำ เพราะต้องลุกขึ้นไปปัสสาวะบ่อย ตอนนอน”ซอยกลาง” ที่มีนักโทษนอนเรียงแถวยาวร่วม 80 คน ผมนอนเกือบต้นซอยกับสมศักดิ์ สมเกียรติ และสุริยะใส ใต้พัดลมเพดานที่ใสหาคนบริจาคให้ 4 ตัว ทำให้ได้พื้นที่นอนเพิ่ม ถึงแม้จะร้อนตอนหัวค่ำ แต่ตกดึกก็เย็นจนห่มผ้าได้
เหตุเพราะต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย เดินยาวไปเข้าห้องน้ำที่อยู่สุดซอย หมอจึงเห็นควรย้ายผมไปนอนเรือนพยาบาล วันจะไป หมอจากเกาะสมุยก็ค้าน เพื่อนนักโทษที่เคยไปนอนก็ค้าน ว่าจะติดเชื้อโรคต่างๆจากผู้ป่วย ผมแจ้งไปว่าไม่ไปแล้ว หัวหน้าเรือนพยาบาลไม่ยอม บอกว่าจัดเตียงไว้ให้แล้ว ก็เลยจำใจไป
แต่เมื่อไปอยู่แล้วก็สบายดี เพื่อนนักโทษที่เป็นวิศวกรสร้างโรงกลั่นที่นอนตรงหัวเตียงผม เอื้อเฟื้อแชร์พัดลมให้ และแชร์กล่องโฟมแช่น้ำผลไม้เย็นให้อีก ถัดไปเป็นคนอินเดียเกิดในไทย อ่านหนังสือภาษาอังกฤษคล่อง ก็ใจดี แถมลูกชายกฤษดานครยังมาดูแลทุกเช้าและเย็น ชวนคุยข้อมูลต่างๆและคดีของเขา บางวันสั่งอาหารอร่อยๆไปร่วมกินกันที่แดน 1
ผู้ช่วยพยาบาลดูแลสุขภาพ ตรวจน้ำตาลในเลือดและวัดความดันทุกเช้าเย็น เลยอยู่จนครบวันออก 10 พค. รวม 15 วัน ใสบอกว่า “ถ้าพี่อยู่ต่ออีกหน่อย ผมกำลังเจรจาให้พี่ไปนอนชั้นสอง” เสียดายอยู่เหมือนกัน
ผมกลายเป็น”คนที่ถูกเกรงใจพิเศษ”ไปโดยไม่รู้ตัว เช้าเดินไปอาบน้ำ กินข้าว อ่านหนังสือ นอนกลางวันในแดน 1 ได้ เย็นอาบน้ำเสร็จก็เดินกลับเรือนพยาบาล เพื่อนนักโทษบอกว่า
“อากลายเป็นคนคุกคนไข้พิเศษ เดินกลับไปกลับมาได้ทุกวัน เพราะผู้คุมเขาเกรงใจอา” ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัว เพราะทุกครั้งจะเดินออกไปและเดินกลับมา ก็ขออนุญาตและทำความเคารพผู้คุมทุกครั้ง ก็ไม่มีใครห้ามปราม
เช้าวันที่ 10 ผมเข้าไปทำพิธีการปล่อยตัวตอน 7 นาฬิกา เช็คชื่อ พิมพ์ลายนิ้วมือ ลงนามเอกสาร ทำใบกำกับการติดคุก ที่เขียนว่า “ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์” เพื่อไม่ให้ปล่อยผิดตัว เสร็จเอา 10 นาฬิกา วันนั้นมีนักโทษที่ได้รับการอภัยโทษจาก 8 แดน 238 คน
เพื่อนผู้คุมบอกว่า “พี่ พวกผมทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ทำเอกสารนำไปให้ศาลอนุมัติ แล้วนำกลับมาตรวจสอบ ถ้าพวกผมปล่อยผิดตัว พวกผมซวยแน่ ถ้าพวกพี่ไม่ถูกปล่อยชุดแรก ผมก็ซวยอีก”
เช้าวันนั้นจึงไม่มีใครซวย แต่พวกเราก็เพลียเอามากๆ เมื่อผมก้าวออกพ้นประตูเรือนจำคนแรก สูดอากาศแห่งอิสรภาพ จึงตาลาย เห็นพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแถวสองฝั่งยาวไปถึงพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่สิบ เต็มสองข้างทาง เราทั้งห้าตรงดิ่งไปก้มกราบถวายบังคม เสร็จลุกขึ้นมาพบอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่ยืนรอตั้งแต่สองโมงเช้า ให้พระผมไว้บูชา ผมกราบอาจารย์ด้วยสำนึกในเมตตาที่ห่วงตัวผมตลอดระยะเวลา 3 เดือน ผมนึกในใจว่า ติดคุกครั้งนี้ ติดแทนอาจารย์ที่เฉียดคุกเฉียดตะรางมาโดยตลอด เป็นการทำบุญให้อาจารย์ไปด้วยในตัว
เสร็จจึงเดินทักทายญาติๆและมิตรสหาย พี่น้อง พธม.โดยมี”เข้ม”ในอ้อมแขน ให้สัมภาษณ์นิดหน่อยถึงแนวคิดและประสบการณที่คิดได้ในคุก คือออกมาจะเสนอมหาวิทยาลัยต่างๆให้เปิด”วิชาคุกศึกษา” กับจะทำเรื่อง”ฉลาดแบบยิว เห็นแก่ตัวแบบพุทธ” ที่ห้องเรียนของโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก
อยู่ร่วมกับพี่น้อง พธม.ร่วมชั่วโมง ก็เดินทางกลับ ไม่ได้พบลุงจำลองที่ถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่อยู่ใกล้ๆกัน
ผมนั่งรถมากับรสนา แอ๊ว เข้ม เอ้ ตรงไปกิน”ซาบูซาบู”ที่ร้านจักรเพ็ชร ศาลายา เพราะอดอาหารเช้ามาตั้งแต่ตีสี่ครึ่งถึงเกือบเที่ยงวัน และไม่ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยมาร่วม 3 เดือน
พิภพ ธงไชย
อดีตนักโทษหมายเลข 0410/621 คดีบุกรุก(ทำเนียบรัฐบาล 193 วัน)และทำให้เสียทรัพย์
เขียน ณ วันครบรอบปล่อยตัวสู่อิสรภาพ 1 เดือน
10 มิ.ย.2562
อ่านประกอบ :