5G: เทคโนโลยีเจ้าปัญหา
การประท้วงของคนสวิสในเวลาเกือบจะทันทีที่ 5G เริ่มให้บริการ ทำให้เมืองอย่างน้อยที่สุดสองเมืองคือ เจนิวาและโว ต้องระงับการติดตั้งอุปกรณ์ 5G ชุดใหม่ เอาไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อรอความชัดเจนจากผลการศึกษา
เรียบร้อยโรงเรียนคุณประยุทธ์ไปอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อ ม.44 กฎหมายครอบจักรวาล ถูกนำมาใช้เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลให้สามารถคืนใบอนุญาตได้ พ่วงไปด้วยการยืดระยะเวลาการจ่ายค่างวดคลื่นวิทยุความถี่ 900 MHz ที่ประมูลไปแล้ว ออกไปอีกเป็น 10 งวด โดยมีเงื่อนไขต้องร่วมประมูลความถี่ในอนาคต แก่ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการใช้กฎหมายพิเศษที่ไม่สามารถทำได้ในสถานการณ์ปกติ
การเยียวยาดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นถึงการคาดการณ์ผลประโยชน์พึงได้จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกินเลยจากความเป็นจริงทั้งของผู้กำกับดูแลและผู้ประกอบการเองเมื่อหลายปีก่อนและได้ส่งผลกระทบแก่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลหลายรายมาจนถึงทุกวันนี้
การเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ประสบภาวะขาดทุนนั้นเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ แต่การพ่วงเอาการยืดอายุการจ่ายค่าประมูลคลื่นวิทยุสำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยที่ยังขาดความชัดเจนในเรื่องการประมูลคลื่นวิทยุสำหรับโครงข่าย 5G และผู้ประกอบการยังมีผลประกอบการที่มีกำไรเป็นกอบเป็นกำนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่จะอธิบายให้สังคมเข้าใจ ซึ่งนักวิชาการหลายต่อหลายท่านได้ออกมาให้ข้อคิดที่น่าสนใจเพื่อเตือนสติต่อการใช้กฎหมายดังกล่าว ตามที่สื่อต่างๆได้นำเสนอให้ได้รับทราบมาโดยลำดับ
การใช้ ม.44 ของรัฐบาลคุณประยุทธ์ในคราวนี้อาจมองในแง่ดีได้ว่า เป็นการปูทางในการผลักดันการสร้างโครงข่าย 5G โดยรัฐเป็นผู้ช่วยสนับสนุนเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระมากเกินไปจนถึงทางตันที่ทำให้ไม่สามารถนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งานได้ แต่ในทางกลับกัน การนำเอาผลประโยชน์ของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้ามาผูกกับภาระหนี้สินอันเกิดจากการประมูลคลื่นที่ได้กระทำสำเร็จลุล่วงมาแล้ว ไม่ต่างจากการตกเขียวเทคโนโลยี 5G ที่วางมัดจำกันไว้ล่วงหน้านั้นเป็นเรื่องที่น่าแปลกและเป็นการใช้กฎหมายแบบเอาสีข้างเข้าถู ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจการโทรคมนาคมของประเทศในทางใดทางหนึ่งในภายหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งไม่ได้ต่างจากการผูกขาดที่เคยรังเกียจกันนักหนาในอดีต
การใช้มาตรา 44 ในคราวนี้คือปัญหาเปลาะแรกของเทคโนโลยี 5G ที่ถูกผูกขึ้นจากการใช้กฎหมายพิเศษของรัฐบาล คสช.
ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่เริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาจากเทคโนโลยี 5G ผู้คนในโลกใบนี้ต่างสงสัยและตั้งคำถามต่อการใช้เทคโนโลยี 5G ในหลายแง่มุม เพราะนอกจากผลประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G ที่ทำให้ทั้งอเมริกาและจีนต่างแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G แล้ว ยังมีปัญหาในการใช้งานในแง่มุมอื่นๆ ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงกันในบางประเทศ เป็นต้นว่า
- การฟ้องร้องเรื่องการนำเงินไปอุดหนุนผู้ประกอบการ 5G ของบางรัฐในสหรัฐอเมริกา
- ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงบริการ 5G ระหว่างคนจนกับคนรวย
- ปัญหาการขัดแย้งด้านกฎหมายของรัฐบาลกลางกับกฎหมายท้องถิ่นในแต่ละรัฐต่อการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้งาน
- ปัญหาการติดตั้งอุปกรณ์ 5G ที่ประชาชนในบางชุมชนเห็นว่าเป็นการสร้างมลพิษทางสายตาหรือทัศนะอุจาด (Visual pollution) จนกลายเป็นขยะลอยฟ้าถาวรที่ทำลายทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง
- ความเป็นห่วงเรื่องปัญหาสุขภาพของผู้คนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์จากคลื่นวิทยุความถี่สูงที่แพร่กระจายจากสายอากาศ 5G เป็นต้น
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า เทคโนโลยี 5G นั้น คือการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญต่อจากเทคโนโลยี 4G เพราะ เป็นเทคโนโลยีที่สามารถส่งผ่านข้อมูลได้เร็วกว่าเทคโนโลยีเดิม แม้ว่าเทคโนโลยี 5G สามารถออกแบบให้สามารถใช้ความถี่ได้หลายย่านแต่ความมีประสิทธิภาพของการส่งข้อมูลจะอยู่ที่ความถี่ที่สูงมาก ซึ่งโดยธรรมชาติของคลื่นวิทยุความถี่สูงจะมีระยะทางในการเดินทางของคลื่นในระยะทางสั้นๆ การนำเทคโนโลยี 5G ความถี่สูงมากมาใช้งานจึงต้องการจุดติดตั้งสายอากาศเพื่อกระจายคลื่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่า การติดตั้งเสาส่งสัญญาณจะผุดขึ้นราวดอกเห็ดในแทบทุกซอกทุกมุมของพื้นที่บริการ
การที่มีการติดตั้งเสาส่งสัญญาณจำนวนมากในพื้นที่บริการใดบริการหนึ่งอย่างขาดความพิถีพิถันและขาดความสวยงามนั้น ทำให้ประชาชนในบางรัฐของสหรัฐอเมริกาเห็นว่า เป็นการสร้างความอุจาดทางทัศนียภาพและไม่สามารถยอมรับการติดตั้งอุปกรณ์ 5G ในลักษณะดังกล่าวได้
มิใช่เฉพาะเรื่องความอุจาดตาเท่านั้นที่ทำให้ 5G เป็นเทคโนโลยีที่ไม่พึงประสงค์ของชุมชนอเมริกัน ความเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งจากคลื่นวิทยุความถี่สูงก็เป็นเรื่องที่หยิบยกมาพูดถึง จนทำให้โครงการ 5G ถูกต่อต้านในหลายเมืองและอุปกรณ์ 5G ต้องถูกระงับไม่ให้ติดตั้งในบางพื้นที่ของแคลิฟอร์เนีย เช่น พื้นที่อยู่อาศัยของเมือง มิล วัลเล (Mill Valley) และยังรวมไปถึงบางเมือง เช่น ซาน อัลเซลโม(San Alselmo) และรอสส์(Ross) ที่ผ่านกฎหมายที่สามารถยับยั้งการขยายบริการ 5G ได้ หากมีประเด็นเรื่องปัญหาสุขภาพของพลเมืองเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันความไม่ลงรอยกันระหว่าง กฎหมายท้องถิ่นที่เข้มงวดต่อการติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G กับมาตรการที่ผู้ประกอบการพยายามผลักดันเพื่อต้องการให้การติดตั้งอุปกรณ์ 5G เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยพยายามทำให้กฎหมายของรัฐบาลกลางมีอำนาจเหนือกฎหมายท้องถิ่นที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้งานนั้น ทำให้เกิดเป็นคดีความที่บริษัท T-Mobile ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ 5G ในสหรัฐอเมริกา สัญชาติเยอรมัน นำเรื่องเข้าฟ้องร้องต่อศาลและในที่สุด ศาลสูงแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (California Supreme Court) ได้ตัดสินโดยมติเอกฉันท์ออกมาแล้ว จับใจความได้ว่า “ กรณีพิพาทเกี่ยวกับความสวยงามของชุมชน ก็เพียงพอจะใช้พิจารณาปฏิเสธการติดตั้งอุปกรณ์ 5G ได้ ” ซึ่งหมายความว่ารัฐแคลิฟอร์เนียสามารถที่จะพิจารณาไม่ยอมรับอุปกรณ์ 5G ที่น่าเกลียดและสร้างมลภาวะทางสายตาให้กับชุมชนได้
ดังนั้นบริษัทผู้รับงานติดตั้งอุปกรณ์ 5G จึงไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ตามอำเภอใจได้อีกต่อไป ที่สำคัญคือนอกจากอุปกรณ์ 5G จะต้องสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่บริการตามที่ระบุไว้แล้ว มาตรฐานความสวยงามและความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้ให้บริการต้องตระหนักเพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะทางสายตาและกลายเป็นคดีความกับประชาชนและรัฐบาลท้องถิ่นที่กำกับดูแลและรับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆจนนำไปสู่การถูกระงับการให้บริการได้
ประเทศที่มีการประท้วงเทคโนโลยี 5G ที่เข้มข้นที่สุดในโลกในขณะนี้คงไม่มีใครเกินประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพราะแทนที่จะประท้วงด้วยกระบวนการทางยุติธรรม แต่เพียงอย่างเดียว คนสวิสกลับเลือกใช้มวลชนในการประท้วงการให้บริการ 5G ที่กำลังเริ่มต้นแล้วในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
การประท้วงของคนสวิสในเวลาเกือบจะทันทีที่ 5G เริ่มให้บริการ ทำให้เมืองอย่างน้อยที่สุดสองเมืองคือ เจนิวาและโว(Vaud) ต้องระงับการติดตั้งอุปกรณ์ 5G ชุดใหม่ เอาไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อรอความชัดเจนจากผลการศึกษาของสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐเสียก่อน
การที่คนนับพันคน ซึ่งมีทั้ง นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ วิศวกร นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักการเมืองฝ่ายซ้าย นักดนตรี รวมทั้งผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยจากคลื่นวิทยุ ภายใต้การนำขององค์กรผู้ต่อต้านเทคโนโลยี 5G เช่น กลุ่ม Stop 5G กลุ่ม Association Romande Alerte และกลุ่ม Gigaherz Club ได้ออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยี 5G ของรัฐบาลสวิส ด้วยเหตุผลหลักสามประการคือ
- ความกังวลจากความเสี่ยงจากคลื่นวิทยุความถี่สูงต่อสุขภาพของประชาชน
- ความกังวลต่อการทำลายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและการใช้พลังงานของเทคโนโลยี 5G
- ความกังวลต่อเรื่องการคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวจากการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆ
ทำให้การประท้วงมีพลังและเกิดการประท้วงที่ต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการประท้วงที่จริงจังต่อภัยคุกคามจากเทคโนโลยีที่พบได้ไม่บ่อยครั้งนักและถ้าภาครัฐยังไม่สามารถตอบคำถามต่อความแคลงใจของประชาชนในเรื่องดังกล่าวได้ เทคโนโลยี 5G ก็แทบจะไม่ได้มีความหมายใดๆต่อชาวสวิสเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนนั้นชาวสวิสถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจากผลการสำรวจของนิตยสาร L’illustre ของสวิสเซอร์แลนด์ พบว่า ชาวสวิสมากถึง 54 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่าเทคโนโลยี 5G คือภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชน
การที่คนอเมริกันและคนสวิสซึ่งถือว่าเป็นพลเมืองของประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโลก ตระหนักว่าการใช้เทคโนโลยีโดยหวังเพียงผลประโยชน์หรือความสะดวกสบายแต่เพียงอย่างเดียวโดยมิได้พิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นอย่างรอบด้านนั้นอาจส่งผลกระทบไปถึงความเป็นอยู่และสุขภาพของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นและ คำถามเดียวกันนี้ควรเป็นคำถามที่คนไทยต้องเรียนรู้และส่งต่อคำถามเหล่านี้ไปยังผู้กำหนดนโยบายการใช้เทคโนโลยีของประเทศไทยด้วย
แม้ว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มากมายเพียงใดก็ตาม หากประชาชนยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากภาครัฐ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเหล่านี้ก็ไม่ได้มีคุณค่าใดๆสำหรับมวลมนุษย์อีกต่อไป
อ้างอิง
1. https://techcrunch.com/2018/09/10/bay-area-city-blocks-5g-deployments-over-cancer-concerns/
2. https://www.swissinfo.ch/eng/anti-tech_swiss-5g-debate-heats-up-with-protest-in-bern/44956038
3. https://lenews.ch/2019/04/11/swiss-canton-blocks-5g-mobile-rollout/
อ่านประกอบ https://tdri.or.th/2019/04/7-things-to-know-section-44-assist-telecom-operators/
ภาพประกอบ https://www.swissinfo.ch/eng/anti-tech_swiss-5g-debate-heats-up-with-protest-in-bern/44956038