‘ไพบูลย์ ศรีทอง’ผู้ถูกเรียกภาษี 800 ล. ‘ผมไม่ใช่นอมินี’
“ …เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมามีคนแนะนำให้ไปจดทะเบียนเลิกบริษัท เพื่อเรื่องจะได้ยุติ แต่กลับไม่เป็นเช่นกัน เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นเพราะผมไม่รู้กฎหมาย แต่ไม่อยากพูดอะไรแล้ว…”
กรณีกรมสรรพากรเรียกภาษีเงินได้ นายไพบูลย์ ศรีทอง ชาวจังหวัดปราจีนบุรี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด เนื่องจากค้างชำระภาษีหลายปีติดต่อกันรวมเป็นเงินประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทฯและครอบครัวมีฐานะยากจน ทำงานอาชีพรับจ้างได้เงินแค่วันละ 500 บาท จึงไม่มีเงินชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากร
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบการจดทะเบียน บริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด พบว่า จดทะเบียนวันที่ 19 ธ.ค.2537 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับทำเฟอร์นิเจอร์และรับเหมาก่อสร้าง ที่ตั้งเลขที่ 63 หมู่ที่ 2 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี นายสมบัติ สิทธิมงคล เป็นกรรมการผู้ริเริ่มจดทะเบียนและถือหุ้นใหญ่ ต่อมาวันที่ 24 ต.ค. 2556 ได้จดทะเบียนให้ นายวราพงษ์ ขาวพราย เป็นกรรมการ และถือหุ้นใหญ่ กระทั่ง 3 มิ.ย. 2557 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง นายไพบูลย์ ศรีทอง เป็นกรรมการ และ ถือหุ้นใหญ่ หลังจากนั้นจดทะเบียนให้นายธนเดช ผดุงจิตต์ เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่ แต่ถูกเพิกถอน
วันที่ 16 ม.ค.2562 เวลาประมาณ 15.00 น. ชี้แจงเรื่องต่อสำนักข่าวอิศราดังนี้
สำนักข่าวอิศราถามว่า เคยทำงานเป็นลูกจ้างบริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่าเคยเป็นลูกจ้างเมื่อประมาณปี 2544 ลาออกเมื่อเดือน ก.พ.2561
สำนักข่าวอิศราถามว่า ทราบเรื่องที่มีชื่อเป็นเจ้าของบริษัทฯมาก่อนหรือไม่
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยทราบ จนมาทราบเมื่อกรมสรรพากรส่งหนังสือมาให้ไปชำระภาษีอากร ส่วนการลงลายมือชื่อในเอกสารการต่างๆบริษัทฯ และเอกสารที่ประชุมเพื่อจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทจากตนเองเป็นนายธนเดช ผดุงจิตต์ ก็ไม่ใช่ลายมือชื่อของผม
สำนักข่าวอิศรา ถามว่า การจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ตอนเข้าเป็นกรรมการ บริษัท เมื่อปี 2557 ทำไมมีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของนายไพบูลย์แนบเป็นหลักฐานประกอบคำร้องยื่นจดทะเบียน นายไพบูลย์ตอบว่า ผมไม่ทราบ ผมไม่เคยเอาไปให้ใคร ตอนเป็นลูกจ้างก็แค่เป็นลูกจ้าง
สำนักข่าวอิศราถามว่า รู้จักกับ นายวราพงษ์ ขาวพราย คนที่ปรากฏในเอกสารจดทะเบียนว่าเป็นผู้โอนหุ้นให้นายไพบูลย์หรือไม่ นายไพบูลย์ ตอบว่า เห็นกันแค่ 3 ครั้ง แต่ไม่สนิท
สำนักข่าวอิศราถามว่า รู้จักนายสมบัติ ประสิทธิมงคล หรือไม่
นายไพบูลย์ ตอบว่า รู้จัก เพราะเป็นนายจ้าง นายสมบัติเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเป็นกำนัน แต่งตั้งตนเป็นสารวัตรกำนัน มีบ้านห่างกันประมาณ 500 เมตร เมื่อตอนที่ผมยังทำงานที่บริษัทฯตอนนั้น เขาบอกว่าเขาขายบริษัทฯไปแล้ว
สำนักข่าวอิศราถามว่าขายให้ใครจริง หรือไม่ นายไพบูลย์ ตอบว่า ไม่ทราบ ไม่อยากพูดมาก
สำนักข่าวสำนักข่าวอิศราถามว่าปัจจุบันนายสมบัติเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ ยอมรับว่าเป็น ส.อบจ.ปราจีนบุรี
สำนักข่าวอิศราถามว่า ทราบหรือไม่ว่า บริษัท มาแทนฯ มีรายได้มาจากอะไร? นายไพบูลย์ตอบว่าไม่ทราบ ผมเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่รู้เรื่องหรอก
สำนักข่าวอิศราถามว่ารู้จักคนรับมอบอำนาจในการยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่าไม่รู้จัก
สำนักข่าวอิศราถามว่า เอกสารปรากฏลายมือชื่อของนายไพบูลย์ในการจดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2561 ลายมือชื่อดังกล่าวเป็นของนายไพบูลย์หรือไม่
นายไพบูลย์ ตอบว่า ใช่เพราะเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมามีคนแนะนำให้ไปจดทะเบียนเลิกบริษัท เพื่อเรื่องจะได้ยุติ แต่กลับไม่เป็นเช่นกัน เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลายมือชื่ออื่นๆในเอกสารก่อนหน้านี้ไม่ใช่ของผม
“เป็นเพราะผมไม่รู้กฎหมาย ผมทำมาหากิน แต่ไม่อยากพูดอะไรแล้ว อยากให้เป็นเรื่องของตำรวจ ขณะนี้ผมมี 2 เรื่องคือเรื่องกรมสรรพากรเรียกภาษี 800 กว่าล้านบาท และ คดีที่นายธนเดช ผดุงจิตต์ แจ้งความกล่าวหาว่าผมปลอมแปลงเอกสาร เอาชื่อเขาไปเป็นกรรมการบริษัทต่อจากผม (นายธนเดช มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่ต่อจากนายไพบูลย์) ซึ่งผมไม่รู้เรื่อง เขาก็แจ้งความ เวลานี้คดีอยู่ที่อัยการ ผมยังกังวลอยู่ว่าถ้าสั่งฟ้องผมต้องติดคุก เพราะไม่มีเงินประกันตัว แต่คิดว่าเป็นคราวเคราะห์กรรม”
พอเกิดเรื่องขึ้นมามีคนพูดกันว่าผมเป็นนอมินี ผมยืนยันว่าผมไม่ใช่นอมินีของใคร ไม่มีรายได้จากใคร ตรวจสอบได้ มีอาชีพรับจ้าง มาดูที่บ้านได้ แค่นี้ก่อนนะ
(อ่านประกอบ :เจ้าของผู้ก่อตั้ง บ.รับเหมา คดีภาษี 800 ล. ที่แท้เป็นนักการเมือง จ.ปราจีนฯ)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
เจ้าของผู้ก่อตั้ง บ.รับเหมา คดีภาษี 800 ล. ที่แท้เป็นนักการเมือง จ.ปราจีนฯ
เปลี่ยนตัว กก. หุ้นใหญ่ 2 หน หลังถูกสอบภาษี ปมสรรพากรเรียกเก็บชายชาว จ.ปราจีนฯ 800 ล.
บ.ชายวัย 42 ปี จ.ปราจีนฯ ถูกสรรพากรเรียกภาษี 850 ล. แจ้งงบฯปี 58 รายได้ 1.8 พันล.
(หมายเหตุ : ภาพประกอบเรื่องจาก https://mgronline.com/local/detail/9620000005051)