พิษนกหวีด! เบื้องลึก “ทยา” ถอยห่าง "กปปส.& ลุงกำนัน"
การประกาศถอนตัวออกจากการทำงาน “หน้าฉาก” ร่วมกับ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ของ นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. อาจทำให้ใครหลายคนถึงกับ “ช็อก”
“ช็อก”เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็น "หัวหอก" ลุยนำหน้าแบบเต็มตัวไม่น้อยหน้าแกนนำคนไหน ทั้งการเคลื่อนขบวนการชุมนุมหลายครั้ง
รวมถึงการออกตัวเป็นเจ้าของบัญชี “ครัวราชดำเนิน” จนถูก “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)อายัดบัญชีทั้งส่วนกลางและส่วนตัวมาแล้ว
และที่สำคัญ “ทยา” มีบทบาทความเข้มแข็งปรากฎอยู่ในหลายสถานการณ์
ยกตัวอย่างเช่น กรณี “ณัฏฐพล ทีมสุวรรณ” อดีตผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ผู้เป็นสามีต้องลาออกจากส.ส.และทุกตำแหน่งในพรรค
เธอเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยความหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไร เมียเลี้ยงได้” และล่าสุด “ทยา” ก็ได้สร้างวีรกรรมนำเป่านกหวีดไล่ “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร” กลางห้างดังมาแล้ว
“การเป่านกหวีดไม่ใช่ความรุนแรง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวทางอารยะขัดขืน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับการเผาบ้านเผาเมือง การแสดงความดีอกดีใจเมื่อมีผู้เสียชีวิต การส่งสรรพากรไปตามเช็คภาษี” “ทยา” โพสเฟซบุ๊กแสดงจุดยืนการกระทำ
แต่ทว่าหลังวีรกรรมครั้งล่าสุด ชีวิตของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป
เพราะบ้านที่เขาใหญ่ของมารดาถูกคุกคามอย่างหนักทั้งยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามและระเบิด หรือแม้กระทั่งที่โรงเรียน “ศรีวิกรม์” เอง ก็ถูกคุกคาม จนในที่สุด ท่าทีที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อน จึงออกจากตัว “ทยา” และหลังจากเธอประกาศถอนตัว ทั้งตัวเธอและ “ณัฏฐพล” ก็เก็บตัว
ข่าววงใน “พรรคประชาธิปัตย์” เปิดเผยว่า เหตุผลที่ทำให้ “ทยา” ต้องตัดสินใจแบบนี้ เพราะไม่ลำพังแค่ตัวเธอที่ถูกกดดันอย่างหนักสารพัดรูปแบบ
แต่ “ครอบครัว” พลอยโดนหางเลขไปด้วย
ทั้งนี้ “ทยา” เป็นผู้บริหาร “โรงเรียนศรีวิกรม์” นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน มีสกุลเดิมคือ "ศรีวิกรม์" เป็น บุตรีคนเล็กของ “เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กับ “คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์” ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีวิกรม์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย หรือ "พรมไทปิง" และ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ มีบุตรธิดาด้วยกันรวม 3 คน คือ ณฤทัย ทีปสุวรรณ นรุตม์ ทีปสุวรรณ และ นฤพล ทีปสุวรรณ
และนามสกุล “ศรีวิกรม์” ในยุค “เฉลิมพันธ์” ถ้าจำกันได้ คือยุคที่ “พรรคประชาธิปัตย์” แตกกันเองครั้งใหญ่เรียกว่า “10มกราฯ” “เฉลิมพันธ์” เป็นนักการเมืองสังกัด “พรรคประชาธิปัตย์” เคยเป็นเลขาธิการพรรค ก่อนจะลาออกจากพรรคจากกรณี "กลุ่ม 10 มกรา" เมื่อปี 2531 เมื่อ “วีระ มุสิกพงศ์” และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่งต้องการหนุนให้ “เฉลิมพันธ์” เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเหตุนี้ได้กลายเป็นความขัดแย้งกันเองในพรรคจนเล่าขานเป็นตำนานการประลองกำลังระหว่างฝ่าย “เฉลิมพันธ์” กับ ฝ่ายของ “ชวน หลีกภัย” ที่มี “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ให้การสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ “พิชัย รัตตกุล” เป็นหัวหน้าพรรคได้สำเร็จ จนฝ่าย “วีระ” และ “เฉลิมพันธ์” รวมทั้งส.ส.จำนวนหนึ่งต้องเป็นฝ่ายออกไปตั้ง “พรรคประชาชน”
นอกจากนี้ เหตุที่ “ทยา” ต้องแคร์ครอบครัวหากมองดูดีๆแล้ว น่าฟังได้ เพราะธุรกิจครอบครัวมีความสำคัญเสมือน “กงสี” ที่ทำรายได้ของทุกคน
โดยจากข้อมูลบัญชีทรัพย์สินที่ “ณัฏฐพล” ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พบว่า รายได้ส่วนใหญ่ของทั้งสองมาจากรายได้เงินเดือนประจำ โดย “ณัฏฐพล” แจ้งว่ามีรายได้ประจำจากเงินเดือน ส.ส. และรองผู้ว่าฯ กทม. และรายได้จากทรัพย์สิน ค่าเช่าที่ ดอกเบี้ยและเงินปั่นผล ส่วน “ทยา” แจ้งว่ามีรายได้จำนวนถึง 14,500,000 บาท จากการรับให้หรือจำหน่ายทรัพย์สิน ซึ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดิน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วงในระบุอีกว่า “ได้เจอทยา กับ ณัฏฐพล ล่าสุด ทั้งสองขอโทษที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ ซึ่งแกนนำกปปส.ตลอดจนแกนนำประชาธิปัตย์ก็เข้าใจ เพราะทั้งสองตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เพราะครอบครัวและธุรกิจครอบครัวถูกคุกคามอย่างหนัก และหากไม่ตัดสินใจอะไรออกมา เชื่อว่าฝ่ายที่คุกคามจะไม่ยอมหยุดและจะลงมือหนักกว่านี้อีก”
ตระกูล “ศรีวิกรม์” นั้นเป็นตระกูลดังที่มีความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย ทั้งทางมิตรภาพและทางธุรกิจ
แม้แต่กับ “ครอบครัวชินวัตร” เองก็ตามทีผ่านทางตัวมารดาของ “ทยา” และโดยเฉพาะ “พิมล ศรีวิกรม์” พี่ชายของ “ทยา” ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เคยเป็นส.ส.กทม.สังกัด “พรรคไทยรักไทย” ในยุคแรก
ดังนั้น แม้คนในครอบครัว “ศรีวิกรม์” จะให้อิสระกับการทำงานทางการเมืองกับคนในครอบครัว
แต่ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในครอบครัวเอง
โดยเฉพาะกรณีการเป่านกหวัดไล่ “คุณหญิงพจมาน” ซึ่งถือเป็น “กล่องดวงใจ” ที่ห้ามแตะของ “ตระกูลชินวัตร”
ผลที่ออกมาจึงค่อนข้างรุนแรง! เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
เพราะมีฝ่ายที่ต้องการ “จัดให้” มากมาย จน “ทยา” ไม่สามารถรับมือได้
"พิษนกหวีด" ดังกล่าว จึงเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้ “ทยา” ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุด และเจ็บปวดที่สุดในชีวิต
ประกาศ “เว้นวรรคการเมือง” เพื่อร่วมปฏิรูปประเทศกับมวลมหาประชาชน กลุ่ม กปปส. และ ลุงกำนันสุเทพ
ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้!