“ผู้จัดการ-เพื่อนเจ๊เป้า”ไขปม“ร้านกินเส้น”ไฉน!ไม่คืนทางเท้าสาธารณะ
เปิดคำให้การ ผู้จัดการร้านกินเส้น ยันจ่ายค่าเช่า “เจ๊เป้า”เดือนละ 3 หมื่น ไขข้อข้องใจทำไมไม่คืนทางเท้า ก่อนบานปลายสู่ปัญหาแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.?
“ถ้าทางร้านได้รับหนังสือแจ้งจากทางราชการ ว่าให้ทำการปรับปรุงทางเท้ากลับไปมีสภาพเดิม เราก็พร้อมจะทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข”
นี่คือ คำยืนยันจากปากของ นายมนัส พัวศรีพันธุ์ ผู้จัดการร้านอาหาร “กินเส้น” ที่ตอบคำถามกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการดัดแปลงทางเท้าบริเวณหน้าร้านอาหาร “กินเส้น” ฝั่งตรงข้าม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นที่จอดรถให้กับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหาร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องความเหมาะสม ในการนำทางเท้าที่เป็นสมบัติส่วนรวมของคนทั่วไปไปใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจของร้านแห่งนี้
“ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้ ใครเอาไปร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการว่าร้านเราทำผิด แต่ผมไม่เชื่อว่าคนที่ไปร้องเรียนจะเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ติดกับร้านของเรา เพราะที่ผ่านมาเขาก็ได้รับประโยชน์จากการที่ลูกค้ามาซื้อของร้านเขา แล้วไม่มีที่จอดรถ และนำรถมาจอดบริเวณด้านหน้าร้านของเราด้วย”
นายมนัส เล่าให้ฟังว่า เดิมที่ร้านอาหารกินเส้น มีสภาพเป็นศูนย์การเรียนรู้การทำอาหารตามแนวคิดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
แต่แนวคิดนี้ เงียบหายไป ตึกถูกปิดทิ้งไว้เฉยไม่ได้ทำอะไร จนกระทั่งถูกปรับปรุงให้เป็นร้านกินเส้น ในช่วงต้นปี 2552
“หลังจากที่แนวคิดการเปิดศูนย์เรียนรู้ ของมัชฌิมาธิป ยุติไป ตึกถูกปิดทิ้งไว้ไม่ได้ทำอะไร ท่านอนงค์วรรณ (ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย) ซึ่ง เป็นคนชอบทำอาหาร จึงมีแนวคิดที่จะเปิดร้านอาหาร โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เพื่อรองรับศูนย์ราชการหลายแห่งที่จะมาเปิดที่ทำการใหม่ที่นี้ เช่น ป.ป.ช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ก็เลยชวนผมซึ่งเป็นเพื่อนกับท่าน และพอมีฝีมือทำอาหาร มาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ ”
เมื่อถามว่า คุณอนงค์วรรณ เป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ใช่หรือไม่ นายมนัส ระบุว่า “ผมมีชื่อเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้เอง ไม่ใช่ชื่อของท่านอนงค์วรรณ ”
นายมนัส ขยายความให้ฟังต่อไปว่า “ ผมทำร้านอาหารแห่งนี้ในนามของผมเอง โดยจ่ายค่าเช่าร้านให้ท่านอนงค์วรรณ ประมาณเดือนละ 30,000 บาท ซึ่งเป็นราคามิตรภาพ โดยเริ่มเข้ามาทำซื้อของ ซื้อโต๊ะอาหารมาลง และจัดร้าน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 และก็เริ่มขายอาหารเรื่อยมา”
เมื่อถามว่า ในสัญญาเช่าระบุชื่อของคุณอนงค์วรรณ ชัดเจนหรือไม่ ผู้จัดการร้านอาหารกินเส้น ตอบว่า “การทำสัญญาของเรา เป็นสัญญาแบบสุภาพบุรุษ ไม่มีเอกสารอะไร ตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น คือ ผมต้องนำเงินไปจ่ายค่าเช่าทุกเดือนๆ 30,000 บาท ”
เมื่อถามว่าคุณอนงค์วรรณ สนับสนุนเรื่องเงินให้เปิดร้านในช่วงแรกหรือไม่ ผู้จัดการร้าน ระบุว่า ไม่ได้สนับสนุน เพียงแต่ให้เช่าสถานที่เฉยๆ”
เมื่อถามว่า คุณอนงค์วรรณ รับทราบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการนำทางเท้าหน้าร้านมาทำเป็นที่จอดรถหรือไม่ ผู้จัดการร้านกินเส้น ตอบว่า “ท่านอนงค์วรรณ รับทราบแล้ว และก็มีแนวคิดแบบที่ผมแจ้งไปแล้วว่า ถ้าได้รับหนังสือจากราชการ ก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ เพราะเราไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับใคร เราต้องการทำมาค้าขายเท่านั้น”
ผู้จัดการร้านอาหารกินเส้น ยังระบุด้วยว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการนำทางเท้าหน้าร้านมาทำเป็นที่จอดรถ มีอยู่ก่อนที่ตนจะเข้ามาทำร้านเมื่อเดือนมีนาคม 2552 แล้ว
“ทางเท้าหน้าร้านที่ถูกดัดแปลงเป็นที่จอดรถมันมีอยู่แล้วก่อนที่ผมจะเข้ามา ไม่แน่ใจว่าหน่วยงานไหนมาเป็นทำให้เป็นแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีฝ่ายโยธาของเทศบาล และเทศกิจ เข้ามาตรวจดู แจ้งว่าอาจมีปัญหาและถ่ายรูปกลับไป พร้อมระบุว่า ถ้าได้ความชัดเจนอย่างไร จะติดต่อกลับมา แต่จนถึงขณะนี้ทางร้านก็ยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับมาแต่อย่างใด”
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่า การปรับปรุงทางเท้าเป็นที่จอดรถ มีมาก่อนที่ร้านอาหารจะเปิด ผู้จัดการร้าน กล่าวว่า “ มันมีอยู่แล้ว และทางร้านไม่ได้เป็นคนดำเนินการ”
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่หน่วยงานราชการเป็นผู้ดำเนินการเอง เพื่อรองรับศูนย์การเรียนรู้ของพรรค มัชฌิมาธิปไตย ผู้จัดการระบุว่า “ผมไม่ทราบ เพราะผมเข้ามาทำร้านเมื่อปี 2552มันก็มีของมันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ปัจจุบันบริเวณด้านข้างของร้าน ก็มีการจัดทำลานจอดรถให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่นั้น เพียงอย่างเดียว ผู้จัดการร้านระบุว่า “ปัจจุบันก็มีลูกค้ามาจอดรถบริเวณพื้นที่ด้านข้างร้านอยู่แล้ว และก็มีพื้นรองรับรถลูกค้าลึกเข้าไปจนถึงบริษัทลูกของท่านอนงค์วรรณที่ตั้งอยู่ข้างใน ”
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อมีที่จอดรถอยู่แล้ว ทางร้านก็สามารถห้ามลูกค้ามาจอดรถบริเวณทางเท้าหน้าร้าน แล้วไปใช้ที่จอดรถด้านข้าง เพื่อจะได้แก้ไขปัญหานี้
ผู้จัดการร้าน ตอบว่า “ถ้าเราได้รับหนังสือจากราชการ ห้ามไม่ให้ใช้ทางเท้าด้านหน้าร้านเป็นที่จอดรถ เราก็พร้อมจะทำตาม แต่ไม่เห็นมีหน่วยงานราชการไหนแจ้งเรื่องเข้ามาให้เราปรับปรุง เราก็สามารถทำแบบเดิมต่อไปได้”
“ที่ผ่านมานายกเทศบาล ก็พาคณะมารับประทานอาหารที่ร้านนี้บ่อยๆ ก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจึงคิดว่าสิ่งที่ทำมามันทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เรายืนยันว่า เมื่อใดก็ตามที่ได้รับหนังสือราชการแจ้งมาเป็นทางการ เราจะปรับปรุงให้ทันที เพราะเราแค่ทำมาค้าขาย ไม่อยากมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว”
ผู้จัดการร้านอาหารกินเส้น ยืนยันคำพูดเดิม ....