- Home
- Investigative
- การทำผิดของเอกชน
- เปิดตัวหุ้นใหญ่ 'บ.สิราลัย' ก่อนโดนปปง.อายัดทรัพย์7พันล.-ไร้เงาคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง-บ.จีนโผล่?
เปิดตัวหุ้นใหญ่ 'บ.สิราลัย' ก่อนโดนปปง.อายัดทรัพย์7พันล.-ไร้เงาคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง-บ.จีนโผล่?
"..บริษัท สิราลัย จำกัด ถูกจดทะเบียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ทุน 2,200 ล้านบาท แจ้งประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงานที่พักอาศัยรวมปลูกสร้าง ปรากฎชื่อนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร (นามสกุลเดียวกับ “เสี่ยเปี๋ยง” หรือ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ) เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.0250% ซึ่งมีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่เลขที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า .."
ชื่อของ บริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง เมื่อล่าสุดถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงมติอายัดทรัพย์ พร้อมบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และจำเลยในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ รวม 662 รายการ มูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท
(อ่านประกอบ : ได้มาจากการทุจริต! ปปง.อายัดทรัพย์ ‘เสี่ยเปี๋ยง-พวก’ 7 พันล.พันคดีข้าวจีทูจี)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ย้อนข้อมูล บริษัท สิราลัย จำกัด ที่เคยตรวจสอบไปก่อนหน้านี้ มานำเสนออีกครั้งดังนี้
ในช่วงที่โครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล ที่ได้มาจากโครงการรับจำนำ โดยพบว่า บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัท สิราลัย จำกัด ถูกจดทะเบียนขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ทุน 2,200 ล้านบาท แจ้งประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงานที่พักอาศัยรวมปลูกสร้าง ปรากฎชื่อนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร (นามสกุลเดียวกับ “เสี่ยเปี๋ยง” หรือ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ) เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.0250% ซึ่งมีสำนักงานออฟฟิศตั้งอยู่เลขที่เดียวกับบริษัท สยามอินดิก้า คือ เลขที่ 48/7-8 ซอยรัชดาภิเษก 20 ถนนรัชดาภิเษก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลง “ทุน” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอย่างรวดเร็ว ช่วงจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 มีแค่ 1,000,000 บาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 1,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 และเพิ่มเป็น 2,200,000,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท มีผู้ถือหุ้น 4 ราย คือ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ถือหุ้นจำนวน 8,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถือหุ้น 1,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร ถืออยู่ 99 หุ้น นางสาวสุธิดา จันทะเอ ถืออยู่1หุ้น. จากทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 2 มีนาคม 2555 แยกเป็นนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 200,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 47,500 บาท นายธนทัต จันทร์สกุลพร 2,475 บาท และ นางสาวสุธิดา จันทะเอ 25บาท
ต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็น 1,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 12,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 18 มิถุนายน 2555 แยกเป็น นายธนทัต จันทร์สกุลพร 119,900,000 บาท นายสรวิศ จันทร์สกุลพร. 479,600,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร 599,500,000 บาท
ส่งผลทำให้จำนวนหุ้นในมือผู้ถือหุ้นที่ 4 ราย มีการเปลี่ยนแปลง ตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2555 โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 6,003,000 หุ้น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 4,797,900 หุ้น นายธนทัต จันทร์สกุลพร จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,199,099 หุ้น ขณะที่สัดส่วนหุ้นของ นางสาวสุธิดา จันทะเอ ยังเท่าเดิมคือ ถืออยู่ 1 หุ้น
จากนั้น วันที่ 29 สิงหาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เหลือ 3 ราย โดยปรากฏชื่อ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 4,800,000 หุ้น ขณะที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร และ นายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่คนละ 3,600,000 หุ้น ขณะที่ นายธนทัต จันทร์สกุลพร และนางสาวสุธิดา จันทะเอ ไม่มีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นอีก
ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งขอเพิ่มทุน เป็นครั้งที่ 2 เป็น 2,200,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 22,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยนางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงการรับชำระเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นแต่ละราย เป็นเงินสด ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 15 ตุลาคม 2555 แยกเป็น นายสรวิศ จันทร์สกุลพร 300,000,000 บาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร. 300,000,000 บาท และ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข 400,000,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัทสิราลัย จำกัด ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น "บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด" พร้อมเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น จำนวน22,000 หุ้น มูลค่า 2,200 ล้านบาท ทั้งหมด ภายหลังจากที่ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท สิราลัย ปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนจำนวน 91 ราย ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตระบายข้าวในโครงการรับจำนำแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี
โดยผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ มีบริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น มูลค่า 2,199,999,800 บาท ตามด้วยนายพีรศักดิ์ ไชยกุลงามดี และนายยุทธพงศ์ เสรีดีเลิศ ถืออยู่คนละ 1 หุ้น มูลค่า 100 บาท
ไม่ปรากฏชื่อคนนามสกุล จันทร์สกุลพร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด
ก่อนที่ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้ามาซื้อกิจการ ของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ต่ออีกครั้ง
ขณะที่ ADAM แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้เข้าไปซื้อหุ้น KITHA จำนวนรวม 21,999,998 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ KITHA จาก บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (T LAND) ในราคา 800 ล้านบาท และมีการระบุข้อมูลว่า KITHA เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ และมีทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน
ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ปรากฎข้อมูลที่ชัดเจนว่า คนนามสกุล จันทร์สกุลพร นำเงิน 2,200 ล้านบาท จากไหนมาใช้ในการเพิ่มทุนบริษัทฯ กันแน่?
ขณะที่ปัจจุบัน บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด) เป็นบริษัท ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีระบายข้าวจีทูจี และถือว่ามีส่วนสำคัญในกระบวนการระบายข้าวแบบจีทูจี โดยตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดนายบุญทรง กับพวก ระบุทำนองว่า ไม่มีการทำจีทูจีเกิดขึ้นจริง แต่ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด เป็นผู้เข้าไปซื้อข้าวดังกล่าวในราคาถูกแบบการขายจีทูจี ก่อนจะมาเวียนขายต่อในประเทศในราคาสูงแทน
(อ่านประกอบ : เปิดหลักฐาน คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง"ขนเงินสด2.2พันล.ลงขันธุรกิจ ก่อนเจอคดีข้าว ,หลักฐานครบชุด"คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง ขนเงินสด 2.2 พันล.รอผลป.ป.ช.ชี้คดีข้าว , 3คำถาม!เส้นทางเงินบ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"คดีข้าวจีทูจี ก่อน-หลังโอนหุ้นเกลี้ยง 2.2 พันล., พลิกปูม“บ.สิราลัย”โผล่สั่งจ่ายเช็คระบายข้าวจีทูจี“เก๊” กล่องดวงใจ“เสี่ยเปี๋ยง"?)
ล่าสุด บริษัทสิราลัย จำกัด หรือ บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ได้นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่า มีรายได้รวม 132,764,261.67 บาท รวมรายจ่าย 1,124,463,511.26 บาท ขาดทุนสุทธิ 991,634,037.19 บาท
ส่วนสินทรัพย์ แจ้งว่า มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 78,209,876.79 บาท เงินลงทุนชั่วคราว 36,259.70 บาท ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 86,842,270.53 บาท สินค้าคงเหลือ 4,022,128,628.09 บาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 216,299,868.63 บาท รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 4,403,516,903.74 บาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 25,459,264.81 บาท สินทรัพย์ไม่มีตัวตน 2,517,071.41 บาท สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 221,107,211.40 บาท สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 2,940,894,125.55 บาท รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 3,189,977,673.17 บาท รวมสินทรัพย์ 7,593,494,576.91 บาท
ส่วนหนี้สินแจ้งว่า มีเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น 1,816,593,586.80 บาท ส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี 1,740,182,400 บาท เงินกู้ยืมระยะสั้น 580,060,800 บาท รวมหนี้สินหมุนเวียน 4,136,836,786.80 บาท ส่วนหนี้สินไม่หมุนเวียน มีเงินกู้ยืมระยะยาว 5,280,365,970 บาท ภาระผูกพันผลประโยชน์พนักงาน 533,707 บาท รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน 5,280,899,677 บาท รวมหนี้สิน 9,417,736,463.80 บาท
ทั้งนี้ มีข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจ คือ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้แจ้งเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
หลังจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2559 บอร์ดฯ ADAM ได้อนุมัติการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญของบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (บริษัทถือหุ้นในบริษัท กีธา ร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท กีธา) จำนวนรวม 21,999,998 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ให้กับบริษัท เอ. ที. แลนด์ แอนด์เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ("ผู้จะซื้อ") ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท ในราคาประมาณหุ้นละ 39.45 บาท รวมเป็นมูลค่า 868 ล้านบาท
โดยรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 17 พฤษภาคม 2559 ของ บริษัท กีธาฯ นั้น บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น (เกือบ100%) มูลค่า 2,199,999,800 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2 หุ้น อยู่ในชื่อของ นางสาว ราตรี สายเมฆ และนาย ศุภกร วรธงไชย
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด นั้น เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 30 ธันวาคม 2558 มีทุน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 598 อาคารคิว.เฮ้าส์ เพลินจิต ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ และจัดการทรัพย์สินให้บุคคลอื่น ปรากฎชื่อ นางสมใจ ศรประสิทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2559 นาง สมใจ ศรประสิทธิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 25,000 หุ้น (50%) เอซีอี เพรซิชั่น อินเวลเม้นทส์ ลิมิเต็ด จากจีน ถืออยู่ 24,998 หุ้น (49.9960%) นาย ธานินทร์ พรมมา และนาย สมชาย นาราช ถืออยู่คนละ 1 หุ้น
ล่าสุด บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด นำส่งงบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2558 แจ้งว่ามีเฉพาะค่าใช้จ่ายในการบริหาร 38,035 บาท ขาดทุนสุทธิ 38,035 บาท
ส่วน บริษัท เอ.ที. แลนด์ แอนด์ เดเวล็อปเม้นท์ จำกัด และ นางสมใจ ศรประสิทธิ์ เป็นใครมาจากไหน เป็นปริศนาใหม่ที่ต้องค้นหาความจริงให้กระจ่างชัดกันต่อไป