- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- เปิดหลักฐาน คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง"ขนเงินสด2.2พันล.ลงขันธุรกิจ ก่อนเจอคดีข้าว
เปิดหลักฐาน คนสกุล"เสี่ยเปี๋ยง"ขนเงินสด2.2พันล.ลงขันธุรกิจ ก่อนเจอคดีข้าว
ดูชัดๆ หลักฐานที่มาเงินสดปริศนา 2.2 พันล้าน คนใกล้ชิด-สกุลเดียว"เสี่ยเปี๋ยง"ขนลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เผย"ธันยพร จันทร์สกุลพร" ควักมากสุด เฉียด 900 ล้าน ก่อนที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาคดีข้าวจีทูจี
ในการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท สิราลัย จำกัด ของคนใกล้ชิดและนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" นักธุรกิจขายค้าชื่อดังผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า เพื่อทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด และอยู่ในความครอบครองของบริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ADAM) กำลังถูกจับตามองอย่างมาก เกี่ยวกับที่มาของเงินเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 2.2 พันล้านบาท ว่า นำมาจากไหนกันแน่
เนื่องจากการเพิ่มทุนของบริษัทสิราลัย เกิดขึ้นหลังจากที่ บริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP” จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ และมีการตรวจพบว่า ตัวแทนบริษัทที่เข้ามาดำเนินการ คือ “รัฐนิธ โสติกุล” (“ปาล์ม” ) และ นายนิมล รักดี มีความเกี่ยวโยงกับ บริษัทสยามอินดิก้า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2555 ก่อนที่จะมีการนำข้าวไปเร่ขายต่อให้กับโรงสี ตามข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน
ขณะที่แหล่งเงินทุนเกือบทั้งหมด ที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนล้วนแล้ว ถูกระบุว่าเป็นเงินสด มาจากคนใกล้ชิดและมีนามสกุลเดียวกับ นายอภิชาติ แทบทั้งสิ้น
(อ่านประกอบ : 3คำถาม!เส้นทางเงินบ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"คดีข้าวจีทูจี ก่อน-หลังโอนหุ้นเกลี้ยง 2.2 พันล.)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลบริษัท สิราลัย จำกัด หรือชื่อปัจจุบัน บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ที่แจ้งไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า นับตั้งแต่การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ด้วยเงินทุนครั้งแรก 1 ล้านบาท
บริษัทฯ มีการแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.55 แจ้งปรับเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท
ส่วนครั้งสอง เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 แจ้งปรับเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 2,200 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่า ในการแจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 เงินทุนจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งถูกแบ่งเป็นจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
ระบุว่ามาจากบุคคล 4 คน คือ
1.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำนวน 2 แสนบาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 8,000 หุ้น
2. นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวน 47,500 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 1,900 หุ้น
3. นายธนทัต จันทร์สกุลพร จำนวน 2,475 บาท เพื่อชำระค่าหุ้น จำนวน 99 หุ้น
4. น.ส.สุธิดา จันทะเอ จำนวน 25 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 1 หุ้น
รวมวงเงินที่ชำระจริงทั้งหมด 250,000 บาท คิดเป็น 25 % จากจำนวนทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ที่ระบุว่ามีอยู่ 1 ล้านบาท
โดยบริษัท สิราลัยฯ ได้ทำใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น ของ บุคคลทั้ง 4 ราย เป็นหลักฐานประกอบ ระบุว่าได้รับชำระเป็นเงินสดไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร เป็นผู้รับเงินในฐานะกรรมการบริษัท
ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย. 55 บริษัทสิราลัย ฯ ได้แจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาท เป็น 1,200 ล้านบาท สัดส่วนหุ้นปรับเพิ่มเป็น 12,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
แหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนระบุว่า มาจากบุคคล 3 ราย คือ
1.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำนวน 599,500,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 5,995,000 หุ้น
2. นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวน 479,600,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 4,796,000 หุ้น
3. นายธนทัต จันทร์สกุลพร จำนวน 119,900,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้น จำนวน 1,199,000 หุ้น
รวมวงเงินที่ชำระทั้งหมด 1,199,000,000 บาท
โดยบริษัท สิราลัยฯ ได้ทำใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น ของ บุคคลทั้ง 3 ราย เป็นหลักฐานประกอบ ระบุว่าได้รับชำระเป็นเงินสดไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2555 น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร เป็นผู้รับเงินในฐานะกรรมการบริษัทเช่นกัน
(ดูตัวอย่างหลักฐานประกอบ)
ต่อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งปรับเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็นจาก 1,200 ล้านบาท เป็น 2,200 ล้านบาท สัดส่วนหุ้น ปรับเพิ่มเป็น 22,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เท่าเดิม
แหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนระบุว่า มาจากบุคคล 3 ราย คือ
1.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำนวน 300,000,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 3,000,000 หุ้น
2. นายสรวิศ จันทร์สกุลพร จำนวน 300,000,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นจำนวน 3,000,000 หุ้น
3. นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข จำนวน 400,000,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้น จำนวน 4,000,000 หุ้น
(อ่านประกอบ : พบ“หญิงปริศนา”ถือหุ้น 400 ล้านพักคฤหาสน์หรูร่วมเครือญาติ“เสี่ยเปี๋ยง”)
รวมวงเงินที่ชำระจริงทั้งหมด 1,000,000,000 บาท
โดยบริษัท สิราลัยฯ ได้ทำใบสำคัญรับชำระเงินค่าหุ้น ของ บุคคลทั้ง 3 ราย เป็นหลักฐานประกอบ ระบุว่าได้รับชำระเป็นเงินสดไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2555 น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร เป็นผู้รับเงินในฐานะกรรมการบริษัทเช่นกัน
จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจ นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ซึ่งนำเงินสดมาลงขันทำธุรกิจในบริษัทสิราลัย มากที่สุดจำนวน 899,700,000 บาท และปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในเอกชนที่ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจี
พบว่า ปรากฏชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท อย่างน้อย 5 แห่ง คือ
1. บริษัท ทีซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 18 มิถุนายน 2555 ทุน 80 ล้านบาท ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและดำเนินการทางธุรกิจ แจ้งงบดุลปี 55 ระบุว่ามีรายได้รวม 8,367.56 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,240,462.38 บาท
2. บริษัท ทีซี.แลนด์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 14 สิงหาคม 2555 ทุน 320 ล้านบาท ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ซื้อขายที่ดิน แจ้งงบดุลปี 55 ระบุว่ามีรายได้รวม 10,770.22 บาท ขาดทุนสุทธิ 466,997.48 บาท
3. บริษัท เท็นโอเวอร์เท็น จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ทุน 1,000,000 บาท ประกอบกิจการค้าผ้า เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับกาย เครื่องอุปโภค นางสาว ธันยพร จันทร์สกุลพร ถือหุ้นอยู่ 4.99% (49,900 บาท) รายได้ปี 54 รวม 4,465,941.52 บาท ขาดทุนสุทธิ 4,261,216.69 บาท
4. บริษัท เบ็ทเทอร์ ทูเก็ตเตอร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 ตุลาคม 2554 ทุน 1,000,000 บาท ประกอบกิจการค้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า เครื่องหนังและเครื่องอุปโภค แจ้งงบดุลปี 54 ระบุว่ามีรายได้รวม 139,925.03 บาท กำไรสุทธิ 35,475.02 บาท
5. บริษัท เอ แอนด์ เค เรียลเอสเตท จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 สิงหาคม 2553 ทุน 1,000,000 บาท ประกอบกิจการให้เช่าอาคารโรงงาน ที่พักอาศัย นางสาว ธันยพร จันทร์สกุลพร ถือหุ้น 80% (200,000 บาท ) แต่จดทะเบียนเลิกบริษัท ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 และได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555
นำส่งงบดุลปี 53 ระบุว่าไม่มีรายได้ มีค่าใช้จ่าย 16,350 ขาดทุน 16,350 บาท
สรุปบริษัทส่วนใหญ่ผลประกอบการทางธุรกิจไม่ค่อยดีนัก
น่าสังเกตว่า น.ส.ธันยพร นำเงินสดจากไหนจำนวน 899 ล้านบาท มาใช้ในการเพิ่มทุนธุรกิจของบริษัทสิราลัยฯ (รวมถึงคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยงคนอื่นด้วย)
และในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทใหม่ เป็น บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด พร้อมโอนหุ้นไปให้บุคคลอื่นถือแทน มีการชำระเงินเกิดขึ้นหรือไม่? จำนวนเท่าใด? และเงินไปอยู่ที่ไหน?
อ่านประกอบ :
เจาะลึก!หุ้นใหญ่บ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"โยงทุนสิงคโปร์-"ADAM"โผล่ฮุบ 800 ล.
ฮือฮา!คนใกล้ชิด"เสี่ยเปี๋ยง"โอนหุ้นบ.เอี่ยวคดีข้าวจีทูจี เกลี้ยง 2.2 พันล.
บ.เครือข่าย"เสี่ยเปี๋ยง"เอี่ยวคดีข้าว!ดอดเปลี่ยนชื่อใหม่-เซียนหุ้นนั่งกก.
พลิกปูม“บ.สิราลัย”โผล่สั่งจ่ายเช็คระบายข้าวจีทูจี“เก๊” กล่องดวงใจ“เสี่ยเปี๋ยง"?
เช็คชื่อเอกชน 91 ราย ในบัญชีแจ้งข้อกล่าวหา ป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจี!