COVID-19:เด็กติดเชื้อได้พอๆกับผู้ใหญ่
"...ที่สำคัญคือ Furin นี้มีอยู่ในเซลล์หลากหลายชนิดในร่างกาย เช่น ปอด ลำไส้เล็ก ตับ ฯลฯ นั่นทำให้นักวิจัยอธิบายว่า มันจึงมีโอกาสติดได้ง่ายกว่าเชื้ออื่น และพอติดแล้วจึงเกิดภาวะการทำงานล้มเหลวของหลายอวัยวะ เช่น ตับวาย ดังที่เห็นในเคสรุนแรงได้..."
เสาร์เช้าตื่นมาซักผ้าเพลินๆ
ระหว่างสั่งแกร็บให้ช่วยไปซื้ออาหาร ก็เปิดอ่านอัพเดตวิชาการจากวารสารการแพทย์
COVID-19 นี้ เด็กก็ติดเชื้อได้พอๆ กับผู้ใหญ่ พิสูจน์จากการติดตามเคสในประเทศจีนกว่าพันคน โดยทีมวิจัยจีนร่วมกับมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ถิ่นเก่าของผม
โดยเฉลี่ยแล้วคนที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ จะมีโอกาสติดเชื้อราว 7-8%
คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าทั่วไป 6 เท่า
เชื้อไวรัสนี้มีความแสบที่ส่วนหนาม เพราะจะจับกับเซลล์ของคนที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าเชื้ออื่นๆ ซึ่งเป็นตัวอธิบายถึงปรากฏการณ์การระบาดที่มีมากมายกว่าโรค SARS
ถามว่าติดไปในเซลล์มนุษย์อย่างไร?
ตอนนี้มีการวิจัย อธิบายได้ 2 กลไก ได้แก่
หนึ่ง ส่วนของโปรตีนตรงหนามแหลมนั้น จับกับเซลล์คนที่ติดเชื้อ ผ่านกระบวนการที่ได้รับการกระตุ้นจากเอนไซม์ Furin ที่อยู่บนผิวเซลล์ของคนที่ติดเชื้อนั่นเอง
ที่สำคัญคือ Furin นี้มีอยู่ในเซลล์หลากหลายชนิดในร่างกาย เช่น ปอด ลำไส้เล็ก ตับ ฯลฯ นั่นทำให้นักวิจัยอธิบายว่า มันจึงมีโอกาสติดได้ง่ายกว่าเชื้ออื่น และพอติดแล้วจึงเกิดภาวะการทำงานล้มเหลวของหลายอวัยวะ เช่น ตับวาย ดังที่เห็นในเคสรุนแรงได้
สอง ส่วนของโปรตีนตรงหนามแหลมนั้น จับกับเซลล์คนที่ติดเชื้อ ผ่านตัวรับที่เรียกว่า Angiotensin Converting Enzyme 2 (ACE2) ซึ่งพบในปอด
โดยนักวิจัยอธิบายว่า ไวรัสมันจับกับตัวรับนี้แน่นกว่าไวรัส SARS ถึง 10 เท่า ทำให้เห็นการติดเชื้อได้ง่ายและแพร่กันอย่างรวดเร็ว
ถามว่ากลไกไหนเป็นตัวอธิบายจริงๆ ไม่มีใครตอบได้
แต่ทั้งสองกลไกที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเกิดขึ้นนั้น เป็นกุญแจที่นำไปสู่การวิจัยคิดค้นยาและวัคซีนเพื่อจัดการกับโรค COVID-19
โลกจำเป็นต้องทุ่มทรัพยากรเพื่อป้องกันควบคุมโรค และแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน
ที่ใดที่งบประมาณจำกัด แถมมีโรคระบาดรุนแรง คงจะไม่เหมาะที่จะทุ่มเอาเงินไปแจกเยียวยา หากอุปกรณ์ป้องกันโรคยังขาดแคลน คนหน้างานที่เผชิญหน้าดูแลผู้ป่วยติดเชื้อก็เจอกับความเสี่ยงอยู่ทุกวี่วัน ประชาชนก็ยังไม่มีสิ่งที่จะใช้ป้องกันโรคได้อย่างเพียงพอ การนำเงินไปแจกแล้วห้ามคนทักท้วงวิจารณ์นั้น ย่อมบ่งถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการบ้านเมือง ไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ
ยังไม่นับการที่ออกข่าวสนับสนุนการจัดแข่งรถของนักการเมืองที่จะมีคนเรือนแสนมาร่วม โดยมีผู้บริหารหน่วยงานรัฐมาสนับสนุน ท่ามกลางโรคระบาดในสังคม ที่ทั่วโลกล้วนแนะนำให้หลีกเลี่ยง แม้จะมาประกาศเลื่อนในภายหลังจากที่มีหลายต่อหลายคนทักท้วง แต่ย่อมแสดงถึงจิตสำนึกและสติปัญญาในการบริหารตั้งแต่แรก
การบริหารจัดการบ้านเมืองในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ต้องการคนที่มีสติ และปัญญา มีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม รู้ถูกรู้ผิด รู้จักผิดชอบชั่วดี และรู้จักการเรียงลำดับความสำคัญของปัญหา
ต่างประเทศนั้น ผู้นำประเทศหรือผู้บริหารหน่วยงานคงออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทนไปแล้ว
หวังว่าทุกคนคงต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ้างอิง
1. Why does the coronavirus spread so easily between people? Nature. 6 March 2020.
2. Coronavirus latest: children are as susceptible as adults, study suggests. Nature. 5 March 2020.