กกต.ฟันอาญาผู้สมัคร ส.ส.ประชาชาติชงศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
กกต. ฟันอาญา ‘วิโรจน์ วัฒนากลาง’ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ ผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ม.151 เหตุเป็นสมาชิกหลายพรรค ขาดคุณสมบัติลงสมัคร ชงศาลฎีกาเลือกตั้งฯเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี คุกหนัก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น-2 แสน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยที่ 16/2563 กรณีการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตที่ 6 จ.นครราชสีมา กรณีก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับรายงานมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต. ว่า นายวิโรจน์ วัฒนากลาง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 6 จ.นครราชสีมา พรรคประชาชาติ มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 คือรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.
กกต. พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบกันแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 นายวิโรจน์ สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. โดยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันถึงวันเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 41 (3) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมือง แล้วพบว่า นายวิโรจน์ ได้ชำระค่าบำรุงพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2561 และสิ้นสุด 25 ธ.ค. 2561 นายวิโรจน์ได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทย และสมัครสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทย 24 พ.ย. 2561 และสิ้นสุด 26 ธ.ค. 2561 นายวิโรจน์ ได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย 19 พ.ย. 2561 และสิ้นสุด 2 ม.ค. 2562 และนายวิโรจน์ ได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ 26 พ.ย. 2561 นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงมีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติทราบ และลบชื่อนายวิโรจน์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่า 1 พรรค อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 9 (5) เป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกัน
จากการไต่สวนนายวิโรจน์ ให้ถ้อยคำว่า ได้ลาออกจากทุกพรรคการเมืองข้างต้นก่อนสมัครสมาชิกพรรคประชาชาติ แต่จากการตรวจสอบหนังสือลาออกจากพรรคการเมืองข้างต้นมีพิรุธ เนื่องจากสำเนาหนังสือทุกฉบับระบุวันที่ไม่ตรงกับสำเนาหนังสือลาออกของพรรคการเมืองข้างต้นที่ส่งมอบให้ประกอบการไต่สวน พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่านายวิโรจน์ รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง ฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 151 ตามข้อกล่าวหา จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 151 โดยส่งคำร้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาต่อไป
สำหรับความผิดตามมาตรา 151 ดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และสั่งให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี (ใบแดง)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/