ประชาธิปไตย ไร้น้ำยา..
"...พฤติกรรมที่เกินจะรับได้อย่าง ส.ส. ย้ายพรรคแบบมีค่าตัว การหาทุนเข้าพรรคการเมืองที่มีเลศนัย เหตุ ‘โกงเวลา’ การอภิปราย ความวุ่นวายของกรรมาธิการ ป.ป.ช. ในสภาผู้แทนฯ ฟาร์มไก่ของ ส.ส. บนที่ดิน สปก. ส.ส. โดนหมายจับแต่เข้าไปนั่งโหวตเสียงในสภาได้ แม้แต่เรื่องรุนแรงจนคนตกใจว่าตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วจริงหรือ คือการที่ผู้แทนราษฎรหลายรายเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน..."
เคยเชื่อว่า เมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นความเป็นธรรมจะกลับคืนสู่สังคม เพราะเสรีภาพและความรับผิดชอบจะทำให้การเอารัดเอาเปรียบและคอร์รัปชันลดน้อยลง แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาลเปลี่ยนขั้วการเมืองไปบ้างแล้ว กลุ่มผลประโยชน์หน้าเดิมๆ ยังคงประสานมือกับนักการเมืองที่กุมอำนาจรัฐ คอยสร้างโอกาส ฉกฉวย ตักตวงอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ผลที่ตามมาคือ การจัดสรรตำแหน่งทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลยังแบ่งโควต้าตามเส้นสายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกตนเป็นหลัก ข่าวนักการเมืองแย่งกันจัดวางคนของตนไปควบคุมหน่วยราชการ – รัฐวิสาหกิจและกองทุนขนาดใหญ่ของรัฐเกิดขึ้นตลอดเวลา รวมถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในวงราชการที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
เชื่อว่าคนไทยอยากเห็น ตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งช่วยกันทำให้ธรรมาภิบาลและการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐกลับมาเข้มแข็ง แต่หลายพฤติกรรมยังสะท้อนการเมืองแบบเลือกข้าง เลือกปฏิบัติ เกิดการโต้แย้งและหักล้างทำให้จริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง ทำให้ประชาชนสับสน ขาดความเชื่อมั่นจนไม่เห็นทางออกของประเทศ เหมือนไก่ในเล้าที่คอยแต่จิกตีกันโดยไม่รู้ตัวว่าจะถูกเอาไปเชือดเมื่อไหร่
พฤติกรรมที่เกินจะรับได้อย่าง ส.ส. ย้ายพรรคแบบมีค่าตัว การหาทุนเข้าพรรคการเมืองที่มีเลศนัย เหตุ ‘โกงเวลา’ การอภิปราย ความวุ่นวายของกรรมาธิการ ป.ป.ช. ในสภาผู้แทนฯ ฟาร์มไก่ของ ส.ส. บนที่ดิน สปก. ส.ส. โดนหมายจับแต่เข้าไปนั่งโหวตเสียงในสภาได้ แม้แต่เรื่องรุนแรงจนคนตกใจว่าตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วจริงหรือ คือการที่ผู้แทนราษฎรหลายรายเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่า เพื่อ “ผลประโยชน์ทางการเมือง” บรรดาพรรคการเมืองจะไม่แคร์ความรู้สึกของใครและไม่รับผิดชอบอะไรต่อบ้านเมือง เห็นได้จากการยอมให้คนมีประวัติด่างพร้อย ขาดวุฒิภาวะ จริยธรรมบกพร่องมาเป็นรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนฯ
แม้แต่รัฐธรรมนูญที่ควรเป็นหัวใจของประชาธิปไตย แต่ในความจริงกลับพบว่า หลายเรื่องที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ไม่บังเกิดผล เพราะถูกเพิกเฉยหรือถูกบิดเบือนผ่านกฎหมายลูกและการตีความของนักการเมืองและข้าราชการ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน เช่น ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล การคุ้มครองเสรีภาพประชาชนที่เปิดโปง การตรวจสอบพฤติกรรมคดโกงชาติที่คาราคาซังค้างคาใจ
ดังนั้นเพื่อสร้างชาติและเอาชนะปีศาจคอร์รัปชัน จำเป็นที่ประชาชนต้องร่วมกันแสดงพลังกดดันนักการเมืองทั้งที่เป็นเครือข่ายอำนาจเก่าและผู้ที่เพิ่งถูกเลือกเข้าสภาครั้งนี้รวมถึงข้าราชการ ให้เดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการปราบปรามคอร์รัปชันดังที่กล่าวมา
ในกรณี ส.ส. หากพวกเขาไม่ใส่ใจ ก็สมควรที่จะยุบสภาฯ ให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ เพื่อจะเปิดให้นักการเมืองดีๆ ได้เข้ามาทำหน้าที่เต็มสภาต่อไป
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)